|
ซาไอกระเสือกกระสน หมอบคลานไปตามพื้น เพื่อเร้นกายหลบกองทัพ เดเอคิ ซึ่งเธอเห็นธงของมัน ส่วนแม่ทัพนั้น เธอไม่เห็นอะไรนอกเสียจากก้อนกลมๆดำๆบนหลังม้า คาดว่าแม่ทัพของมันคงชื่อ
เอเดคิ
ซาไอกุมบาดแผลที่ถูกยิงเฉียวโดยธนูด้วยมือที่สั่นเทา เธอพลาดเพียงนิดเดียว
ดันลืมคำนวณความเป็นไปได้ในการเดินทัพของพวกนั้นด้วย แต่ก็โชคดีที่เธอหลบเข้ามาอยู่ในป่า ทำให้เธอได้เปรียบขึ้นเยอะเลย!!!
อากาศหนาวเย็น ซ้ำยังอับชื้น ทำเอาซาไอฟันกระทบกันดังกึกๆ เธอพ่นลมออกจากริมฝีปาก พลางคิดว่าน่าจะเอาเสื้อคลุมมาด้วย แต่ก็ไม่มีประโยคอะไรกับการที่จะมาคิดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว
ซาไอหมอบลงอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังเข้ามา เธอกัดริมฝีปากแน่นเมื่อเสียงม้าใกล้มา แล้วก็
ผ่านไป
"โอ้
สวรรค์!!!" ซาไอร้องเบาๆ แล้วหัวเราะกับตัวเอง
"ข้าเพิ่ง 20 นิดๆเองน่ะ ที่สำคัญยังไม่ได้แต่งงานเลย
จะให้ข้าตายแล้วรึ?" เธอว่า แล้วก็เงยหน้าหลับตา ฟังเสียงแมลงร้องรอบกาย
"เอางั้นใช่ไหม
.สวรรค์?" เธอยิ้ม "ถ้าท่านไม่ว่างกำหนดชะตาให้ข้าละก็
ข้าจะกำหนดมันเอง
"
"เลือดขอรับ
ทางนี้มีเลือดขอรับ
" เสียงตะโกนของทหารผู้หนึ่งดังมาจากที่ที่ไม่ไกลเท่าไรนัก ซาไอถอนใจดังเฮือก แต่แล้วก็รีบใช้มือปิดปากตัวเองเอาไว้เพราะนายทหารหันกลับคล้ายได้ยินอะไร
"เสียงอะไรน่ะ?" เสียงทุ้มดุราวหมีควายตัวใหญ่ดังขึ้น ไม่แปลกใจเลยว่าเป็นของใคร ซาไอคลานหมอบลงกับพื้น แล้วเริ่มคลานช้าๆ อนิจจาข้อศอกของเธอเกิดไปขัดกับพุ่มไม้ ทำให้พุ่มไม้สะเทือน ธนูดอกงามๆพุ่งแทรกแมกไม้มาประเคนหน้าปลายจมูกเธอทันที ซาไอทรุดลงนอนกับพื้นรอให้เสียงเงียบไปสักครู่
.
"เฮ้อ
นึกว่ามีอะไร? โทะโดะ
" เสียงหัวเราะอย่างอมภูมิเอ่ยช้าๆ "กระต่ายหรือจิ้งจอกล่ะ
ฮึๆๆๆ" ซาไอได้ยินเสียงพ้นลมหายใจอย่างไม่พอใจกับคำพูดนั้น
"จิ้งจอก
" เสียงตอบกลับมาดังขึ้นเบาๆ "เจ้าเล่ห์เสียด้วย
" ซาไอร่วมยิ้มเห่ยๆหลังพุ่มไม้ขณะเธอได้ยินเสียงเดินเข้ามาช้าๆ ซาไอหลับตาลงพร้อมสวดภาวนาให้ตัวเอง ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที!!! เธอกระโดดลุกขึ้นยืน แล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พนันได้เลยว่ามีลูกธนูเฉียวเธอไปหลายลูกทีเดียว เสียงตวาดบอกให้ตามดังก้องหลายหน ซาไอกระโดดลงจากเนิน ผ่านผาเล็กๆ เธอวิ่งไปโดยไม่หันกลับมามอง เธอวิ่งผ่านแมกไม้ต่างๆ กิ่งหลายกิ่งเกี่ยวผ่านสีข้างเธอ สุดท้ายหลังจากวิ่งแทบหมดแรง ซาไอก็มาหยุดที่ก้อนหินใหญ่ริมธาร ทรามกลางความมืดมิด ซาไออยู่รู้สึกเจ็บที่สีข้างขึ้นมาเธอใช้มือคล่ำเข้าไป ก็ให้สัมผัสกับเลือด
"ตายล่ะ!!!" ซาไอถอนใจ แล้วเดินไปริมธารเพื่อวักน้ำล้าง โชคดีที่แผลไม่ลึก เพราะมืดแท้ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงตายไปแล้ว ซาไอใช้มือกว้านเล่นน้ำในลำธารเล่น แล้วเร้นกายหลบหลังไม้เถา เธอคิดหาวิธีที่จะออกจากป่า ซาไอเริ่มทบทวนภูมิศาสตร์ของอาณาจักรส่วนต่างๆ น่าเสียดายที่เธอไม่มีความชำนาญในเส้นทางการค้าทำให้เธอไม่รู้ทางหนีทีไล่ในป่านี้เท่าที่ควร ซาไอถอนใจหน่ายๆ ทางเดียวที่จะผ่านออกไปได้คือตามทางน้ำไป หญิงสาวจึงเริ่มออกเดินทางเลียบธารน้ำ โดยมีต้นไม้และความมืดเป็นที่กำบังกาย
บางครั้งเธอต้องหยุดนิ่งเป็นเวลานานเพราะในฝั่งตรงข้ามมีแสงไฟของทหารฝ่ายตรงข้าม กำลังวิ่งวุ่นเพื่อตามหาเธออยู่ ซาไอทรุดตัวลงนั่ง ความเย็นประดังเข้ามาเหมือนสายน้ำไหลไม่หยุดนิ่ง แม่ทัพใช้มือถูกแขนของตนเอง กัดริมฝีปากไล่ความง่วงที่โถมโจมตีรุนแรง สุดท้ายซาไอก็รวมกำลังที่มีอยู่พยายามยืนขึ้นแต่
.
"หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!!!" เสียงขู่ดังขึ้นในระยะไม่ไกลนัก ซาไอแหงนหน้าขึ้นมอง ก็พบกับพลธนูท่าทางน่ากลัวยืนจังก้าอยู่ ที่สำคัญกำลังเล็งธนูมาทางเธอด้วย
"ยืนขึ้น
อย่าลีลาล่ะ
" เสียงสั่งตามมา ซาไอลุกขึ้นยืนช้าๆ เธอถอยหลังเล็กน้อยจนหลังไปติดพุ่มไม้เตี้ยๆ ได้สัมผัสกับแผ่นหินใหญ่ก้อนหนึ่ง
"เจ้าเป็นใคร?
.อ้อ
แต่งอย่างนี้คงเป็นพวกมียศในกองทัพสิน่ะ
"
"
." ซาไอไม่ตอบแต่ลอบสำรวจความกว้างยาวของแผ่นหิน
"ตอบมา!!! เป็นใบ้รึยังไง?"
"...
.." เอาล่ะ!
.แค่ไปหลบหลังแผ่นหิน ซาไอคิด
"เจ้า!!!"
"ใช่
ข้าเป็นใบ้ มีปัญหาเรอะ!!!" พลธนูอ้าปากค้างพลางลดธนูลง "ผู้หญิง??"
ซาไอใช้จังหวะที่พลธนูเผลอ
ลังกาหลังไปหลังแผ่นหินซึ่งมีพุ่มไม้บังอยู่ ด้วยความตกใจพลธนูรีบยิงธนูฝ่าแมกไม้นั้นทันที แต่ธนูไม่ถึงตัวซาไอ เพราะไปติดแผ่นหินเสียก่อน ซาไอไม่ยอมให้เสียเวลา เธอวิ่งอย่างรวดเร็วหนีแล้วกระโดดลงน้ำในทันที เมื่อลงไป น้ำในธารมิได้นิ่งเช่นผิวน้ำ แต่ลึกๆนั้นน้ำเชี่ยวเอาการซ้ำยังเย็นเชียบ หญิงสาวรีบแหวกน้ำพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็ว
.
. . . . . . .
กล่าวถึงมาโซยะในกระโจม หลังจากที่เขาได้ยินว่าซาไอนั้นยังไม่กลับมา และถูกทิ้งให้อยู่หน้าช่องเขาคนเดียว เขาก็ลุกขึ้นจากเตียงทันที สวมชุดของตนเองก่อนที่จะวิ่งพรวดออกไปโดยไม่มีใครเห็น มาโซยะวิ่งกลับไปทางเดิมที่เพิ่งผ่านมา ลมตีหน้าระคนกับความเจ็บแผลไม่สามารถทำให้เขาหยุดได้เลย แต่เลือดที่ไหลทะลักออกมาเรื่อยๆ ทำให้เขาต้องยอมแพ้สังขารของร่างกาย หมอบลงกับพื้นแล้วกุมแผลด้วยความเจ็บปวด เพื่อชั่วครู่เมื่อนึกถึงซาไอ เขาก็ลุกขึ้นและพยายามวิ่งอีกครั้ง
"มาโซยะ!!!" เสียงเรียกจากข้างหลังทำให้มาโซยะหันกลับมาดู
"ท่านเซอิจิ
" เซอิจิอยู่บนหลังม้าดำตัวอันตรายของซาไอ
"เจ้าลุกออกมาทำไม? รู้ไหม? ว่ามันอันตราย
"
"แต่ซาไอ
" "ไม่ต้องห่วงข้ากำลังจะไปช่วยนาง เจ้ากลับไปเถอะ
"
"แต่
" มาโซยะมองอย่างไม่เชื่อถือเท่าไร
"แต่ข้าต้องไป
" เขาย้ำคำเดิม เซอิจิมองอย่างลำบากใจ
"เอางั้นก็ได้
" เซอิจิถอนใจ "ข้าขอสั่งเจ้า!!!
กลับไปซะ!!!" สุรเสียงเด็ดขาด ฟังน่าเกรงยิ่งกว่าเสียงของแม่ทัพคนใด เล่นเอามาโซยะเข่าอ่อนไปเหมือนกัน แต่มาโซยะก็ยังยืนสู้หน้ากับกษัตริย์หนุ่มต่อไป เขาบันดาลโทสะข่มความกลัว
"ท่านคิดหรือ? ว่าจะช่วยซาไอได้น่ะ
" มาโซยะตวาด มาดคนขี้เล่นอย่างที่ใครๆเคยรู้จักหายไปหมด ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ในฐานะ
มาโซยุราโอะ ราชานินจา ไม่ใช่มาโซยะ นักหาข่าว หน้าที่อย่างเดียวคือช่วยเจ้านายให้จงได้
"อะไรน่ะ?" เซอิจิเอ่ยงงๆ คำพูดนี้หลุดออกจากปากมาโซยะหรือ
"ข้าไม่คิดหรอกว่าท่านจะช่วยใครได้
ปัญหาส่วนมากมันก็มาจากท่าน ฮึๆ แม่ของท่านคนหนึ่งแหละ!!!" โทสะของมาโซยะรุนแรงเสียจนล่วงละเมิดขีดความอดทนของเซอิจิ คิดคู่งามเหนือตาสีน้ำตาลเริ่มขมวดเข้าบ้าง
"ข้าเตือนอย่างหวังดีน่ะ
มาโซยะ" กษัตริย์พูดเสียงต่ำ "แล้วข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้า
เพราะนี้ไม่ใช่เวลาทะเลาะกัน
" เซอิจิกล่าวจบเช่นนั้น เซอิจิก็ตบสีข้าง เจ้าคุโระม้าตัวแสบของซาไอ ให้พาเขาไปต่อ มาโซยะยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขาก้มหน้าแล้วหลับตาสะกดอารมณ์
"ข้าขอสาบานเลย!!!" มาโซยะเอ่ย "ถ้าซาไอตายล่ะก็
ข้าจะฆ่าท่านด้วยแน่!!!"
คราวนี้ผู้โต้เถียงกลับมาไม่ใช่เซอิจิ แต่เป็นม้าสีดำของซาไอ มันดีดเกือกใส่มาโซยะอย่างรุนแรง โชคดีที่โดนแค่เฉียวๆ
"คุโระ!!!" มาโซยะร้อง ม้าตัวนี้ยอมให้คนอื่นนอกจากซาไอเข้าใกล้แค่ไม่กี่คน และหนึ่งในนั้นก็มีเขาด้วย ส่วนเซอิจินั้นอย่าว่าแต่ขี่เลย แค่จับบังเหียนก็ต่อต้านแล้ว แต่คราวนี้มันยอมให้เซอิจิขี่ ซ้ำยังช่วยปกป้องอีก มาโซยะยืนมองอย่างงงงัน
"ทำไมล่ะ? เจ้าเชื่อใจเขารึ?" ม้าพ่นลมออกจากจมูก เป็นเชิงยอมรับ
"
" มาโซยะจ้องหน้าเจ้าม้าอย่างไม่ค่อยเชื่อตาตัวเองนัก
"ไปเถอะ
" เซอิจิบังคับบังเหียน ม้าดำออกเดินตามคนบังคับอย่างว่าง่าย และในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็ควบสุดฝีเท้าเพื่อตรงสู่ทางที่เคยผ่านมา มาโซยะทรุดตัวอยู่ข้างหลัง เขามองไรฝุ่นที่ตลบเพราะฝีเท้าม้า สายตาหรี่เพื่อมองดูม้าที่หายลับไปกับสายตา
"ฮ่าๆๆๆ" จู่ๆ มาโซยะก็หัวเราะก้องไปทั่วบริเวณ
"สวรรค์ข้ามาโซยุราโอะ ขอมอบหน้าที่ปกป้องนายให้กับคนรักของนางเอง!!!"
"ทางนี้ใช่ไหม?" เซอิจิเอ่ยกับเจ้าม้า มันส่งเสียงร้องอย่างท้าทายกลับคืนมาเป็นคำตอบ เขารู้สึกได้กับกล้ามเนื้อเป็นมัดๆที่กำลังเคลื่อนไหวไปตามจังหละแรงควบของม้าศึกตัวนี้
เซอิจิแหงนใบหน้าขึ้นมองทางบ้างเป็นระยะๆ และแล้วเขาก็สังเกตสิ่งหนึ่งในเขตใกล้ป่า
เซอิจิดึงบังเหียนม้าให้หยุดสักครู่ เจ้าม้าส่งเสียงฟืดฟาดเป็นเชิงถามเมื่อเขาก้าวลงจากหลังม้าเพื่อลงไปสำรวจภาคพื้นดิน
"อ้อ
เจ้าหมายถึงกองไฟนี้ใช่ไหม?" เซอิจิวางมือลงหินเตาที่ดูเหมือนเพิ่งดับไปไม่นาน แสงจันทร์นวลผ่องทำให้เขามองสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจน
"ยังอุ่นๆอยู่
.พวกมันคงยังเพิ่งไปตามการคาดการณ์ของข้า
." เซอิจิมองสำรวจเตาอีกหลายเตา "พวกมันคงรีบกันมาก แต่ละรอยเท้ามุ่งเข้าป่าทั้งๆที่ต้องตามเราไปที่ช่องเขา
" เขาคร่ำครวญ แล้วกระโจนขึ้นม้า
"ไปเถอะ
เจ้า
คุโระใช่ไหม? เข้าป่ากัน
เพราะไม่แน่คนที่ตามไปในป่าอาจจะเป็นซาไอก็ได้
." แล้วเซอิจิก็ตะบึงม้ากระโจนมุ่งเข้าป่าอย่างไม่รอช้าทันที
แสงจันทร์ที่ฉายนวลผ่องเป็นศัตรูตัวฉกาจของซาไอรองจากทหารบ้าเรื่องราวๆพันคน กับคบเพลิงอีกนับร้อยที่ไล่ล่าเธออยู่ หลังซาไอเพิ่งคลานขึ้นจากน้ำได้ไม่นานนัก เธอสำลักน้ำไปหลายรอบ หลังจากคลานขึ้นจากธารได้สำเร็จสิ่งที่เธอทำต่อก็คือการบิดเกราะอ่อนที่ทำจากผ้า ซึ่งมันหนักอึ้งราวกับได้แบกตะกั่วไว้ เมื่อบิดเสร็จ เธอก็สนุกสนานกับการวิ่งหลบลูกธนูของพวกทหารที่ผ่านมา และได้รางวัลงามๆ เป็นเกาทัณฑ์แสนน่ารักที่ร่วมใจมาปักอยู่หลังเกราะของเธอราว 3-4 ดอก
มันไม่ได้ปักลงไขสันหลังเธอโดยตรงแต่มันก็ทะลุเกราะและกำลังขูดแผ่นหลังเธออยู่อย่างเมามัน และเธอยังได้โชค 2 ชั้นเมื่อแสงจันทร์ช่วยให้ทหารมองเห็นเธออย่างดี
. บัดนี้ซาไอไม่ได้วิ่งอยู่ เธอทรุดตัวลงข้างตนไม้ ดึงลูกดอกออกแล้วทิ้งมันลงข้างตัว เธอวิ่งมาได้หลายชั่วโมงทีเดียว ถ้าไม่นับเรื่องว่ายน้ำด้วย ตอนนี้อากาศหนาวเสียจนซาไอจะแข็ง ตัวเปียกชุ่มถึงขนาดอาจทำให้เธอปอดบวมตายได้ก่อนถูกเจอเสียอีก เธอไม่เหลือแรงวิ่งอีก สิ่งเดียวที่เธอทำใจไว้คือ โดนฆ่าและตายในหน้าที่ ซาไอได้ยินเสียงเดินเข้ามาเสียงโหวกเหวกและคบเพลิง หญิงสาวจึงยืนขึ้นอีก และหยิบมีดที่ชายพกออกมา อย่างน้อยลงศัตรูไปสักคนก็ยังดี
.
หญิงสาวเอนตัวหลบหลังต้นไม้และรอให้บุรุษโชคร้ายผู้นั้นเข้ามา เป็นโชคร้ายที่เขามาเพียงคนเดียว หลังจากรู้สึกตัวว่าพลัดหลงกับพวก ชายคนนั้นก็หันหลังเตรียมเดินกลับสู่ทางเดิม
แต่ช้าไปเสียแล้ว
.ซาไอเข้าตวักรัดคอเจ้าจากข้างหลังและ *ฉึก!!! * จังหวะเดียวที่น่ากลัว ครั้งเดียวที่คอหอย ร่างผู้โชคร้ายลงทรุดกับพื้นในทันที ซาไอผละออกจากร่างโชคร้ายแล้วทรุดลงไม่ไกลนัก
เธอหายใจอย่างช้าๆแล้วสวดภาวนาให้บุญที่เหลือของตนช่วยให้ตายสบายๆหน่อย ไม่ตายทรมานนัก
ซาไอนอนพิงต้นไม้อย่างเหนื่อยอ่อน เธอได้ยินเสียงฝีเท้าม้าวิ่งตะบึงเข้า
ได้เวลาวาระสุดท้ายแล้วสิน่ะ
เธอคิด แล้วหลับตา
.แต่
..
"นั้นไง ซาไอ!!!
.เฮ้ย!!! ลูกธนูที่ 3 นาฬิกา!!!" เสียงร้องเรียกชื่อเธอ ด้วยเสียงที่คุ้นเคยแต่สมองก็มึนไปหมด จำไม่ได้ว่าเสียใคร ซาไอลืมตาพลางลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล
"
.คุโระ!!!
.ท่านเซอิจิ!!!" เธอร้อง แต่ก็ต้องนิ่งอึ้งให้กับทหารศัตรูที่ตามมาอีกโขย่งใหญ่ๆ ทำเอาซาไอทรุดพรวดลงกับพื้น ม้าดำตัวดีวิ่งเข้ามาหานายและเลียหน้าเลียปากนายเสียยกใหญ่ ส่วนเซอิจิรีบลงจากม้าไปฉุดมือหญิงสาวเอาไว้
"ขี้โกงนี่!!! เรียกม้าก่อนเรียกข้าอีก
" เซอิจิว่าพลางช่วยพยุงซาไอ หญิงสาวได้แต่ยิ้ม ช่วยไม่ได้ เธอเห็นหน้าคนไม่ชัดนี่
"ยืนไหวไหม?"
"ไหว
เพ
" แต่ก่อนจบประโยค ซาไอก็ลงไปทรุดที่เดิมอีก
"อย่าฝืนเลย
ข้าเองดีกว่า
."
"ไม่ๆ หม่อมฉันไหว!!!" แต่สายไปเสียแล้ว เซอิจิแบกซาไอด้วยท่อนแขน แล้วปีนขึ้นม้าบังคับควบออกไปก่อนทหารตามมาทัน เกาทัณฑ์ตามมาประกอบฉากดังห่าฝน ขณะที่ม้าดำคุโระควบป่าราบออกไปไม่หันกลับมาเลย
สิ่งที่ซาไอเห็นระหว่างที่หนีนั้น เธอไม่พบอะไรทั้งสิ้นนอกเสียจากพื้นดินมืดๆ หญิงสาวเด้งขึ้นๆลงๆ เพราะเจ้าม้าควบสุดแรง สุดท้ายเซอิจิก็ชักม้าให้หยุดเสีย แล้วพาซาไอลงจากม้า
"ดูสิ!!! ตัวเจ้าน่ะเย็นเชียบเชียว
" เซอิจิวางมือลงบนแก้มของหญิง
"ตัวเจ้าก็เปียกโชกมากเลย
ถอดออกได้ไหม?" ซาไอหน้าแดง เซอิจิเหมือนเพิ่งเข้าใจคำพูดตัวเอง เขาเกาจมูกเขินๆ
"เออ
ไม่ใช่น่ะ
หมายถึงถอดเกราะเจ้าออก
แบบว่า
มันหนัก สงสารเจ้าคุโระ หรือไม่ก็ถอดออกก็ได้ ใส่เสื้อข้าไปก่อน
" เซอิจิทำท่าจะถอดเสื้อนอกตัวเองออกแต่ซาไอส่ายหน้ายกใหญ่ ม้าดำร้องอย่างหน่ายใจ(ประมาณว่า
เฮ้อ
วิธีจีบไม่ได้เรื่อง) มันร้องเรียกเซอิจิให้เข้าไปหา พอเซอิจิเดินเข้าไปหามันก็บุ้ยใบ้ไปในถุงสัมภาระ เซอิจิจึงเปิดถุงและหยิบเสื้อคลุมชุดหนึ่งออกมา
มันเป็นเสื้อขนมิงค์ที่ซาไอเก็บไว้กับตัวเสมอ
"เอาล่ะ
เออ
เจ้าใส่เสื้อคลุมนี้เอาก็แล้วกัน แต่
เอาเสื้อข้าไปด้วยดีกว่า เจ้าจะได้ไม่เป็นหวัด ใส่เสื้อข้าแทนนี้แหละดีแล้ว" เซอิจิพูดอย่างตะกุกตะกัก นานแล้วที่ทั้งสองไม่ได้คุยกันอย่างนี้
หลังจากซาไอใส่เสื้อคลุมแล้ว เซอิจิก็จุดไฟให้หญิงสาวผิง แม่ทัพหญิงยกมืออังไฟ ส่วนเซอิจิปลีกตัวออกไปเอาน้ำให้เจ้าม้าดำดื่ม
.
"ขอโทษทีน่ะ
" เขาพูด พลางใช้มือลูบหน้าผากม้า "ให้เจ้าเทียวไปๆมาๆอย่างนี้คงจะเหนื่อย
พักซักหน่อยแล้วค่อยไปต่อ" เขาตบสีข้างม้าเบาๆ มันร้องรับที่เขาพูด เซอิจิเดินออกจากม้ามาดูซาไอ
"ยังหนาวอยู่ไหม?"
"เพค่ะ
นิดหน่อย พอทนได้" เซอิจิมองหญิงสาวแล้ววางมือบนหน้าผากหญิงสาว
"ตัวร้อน
เวียนหัวด้วยใช่ไหม?" หญิงสาวพยักหน้า
"ดูสิมีแผลด้วย
" เซอิจิวางมือตนลงบนแก้มที่ถูกความหนาวจับเป็นสีขาวซีด พลางสำรวจท่อนแขนขาวที่มีสีแดงเลอะอยู่
ก่อนที่จะฉีกชายเสื้อข้างหนึ่งมาผูกไว้ให้
"ข้าจะนั่งอยู่ตรงนั้น มีอะไรก็เรียกข้าน่ะ
นอนซักพัก เผื่อจะดีขึ้น" เซอิจิผละออกไปและก่อฟืนต้มน้ำ ระหว่างที่รอน้ำเดือด เขาเดินออกไปสังเกตการณ์บนก้อนหินใหญ่อยู่สักครู่ แล้วเขาก็พบสิ่งที่ไม่อยากเจอที่สุด
.คบเพลิงมากมายกำลังมุ่งหน้าเข้ามาใกล้พวกเขา ไม่ต้องบอกเลยว่าเป็นของใคร เซอิจินวดตาแล้วมองดูใหม่เพราะคิดว่าคงตาฝาด แต่ไม่ใช่
คบไฟกำลังมุ่งหน้ามาหาเขาจริงๆ!!! เซอิจิวิ่งพรวดกระโดดจากก้อนหิน สะกิดม้าดำที่นั่งเล็มหญ้าแห้งๆอยู่
"ลุกเถอะ
พวกมันมาแล้ว!!!" เขาพูดกับม้า แล้วเขาก็เดินตรงไปยังซาไอ หญิงสาวพยายามดื่มน้ำอุ่นจากหม้ออยู่
"ซาไอ!!! ไปเถอะ!!!"
"???"
"พวกมันมาแล้ว
ไปเถอะ" เซอิจิกุมมือเย็นเชียบที่อุ่นขึ้นมาบ้างของซาไอ พลางคว่ำหม้อน้ำดับไฟทันที หญิงสาวมองอย่างเสียดายเล็กๆ แต่ก็เปลี่ยนเป็นตกใจ เมื่อชายหนุ่มห่อร่างของเธอด้วยเสื้อคลุมและตวัดตัวเธอขึ้นมาอุ้มแล้วกระโดดขึ้นม้าทันที
"จะมากไปแล้วน่ะ ปล่อยหม่อมฉันลงน่ะเพค่ะ อย่าทึกทักไปเองอย่างนี้สิ!!!"
"ข้าให้เจ้าตบข้าเลย
" เซอิจิจับบังเหียนม้า "แต่รอให้เราปลอดภัยเสียก่อน
" เขาสะบัดบังเหียน
"ไปเถอะ!!!" ม้าดำก้าวออกไปอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนเป็นวิ่งแทบในทันที ลมตีหน้าของคนทั้งสอง
"จับแน่นๆ!!!" เซอิจิว่า พลางใช้มือข้างหนึ่งโอบสะเอวหญิงสาวไว้ไม่ให้ตก
"โปรดประทานอภัย!!!" ซาไอหันกลับมาเถียง "หม่อมฉันขี่ม้าแข็งกว่าพระองค์เสียอีก!!!"
"งั้นหรือ?" เซอิจิหัวเราะในลำคอ "แต่คงไม่แข็งแน่ในสภาพตัวเย็นอย่างนี้หรอก
"
ม้าควบด้วยความเร็วหนีห่างกองทัพศัตรูออกมาเรื่อยๆ จนทั้งสองคนถูกพามาถึงที่บริเวณค่ายพักชั่วคราวของเหล่ากองทัพกู้ชาติ ซาไออยู่ในสภาพแทบแข็ง เซอิจิก้าวลงจากม้าพร้อมกับอุ้มเธอลงมา เสียงทหารหลายคนโกลาหลอยู่พอดี เนื่องจากกองทัพของอำมาตย์โทงาริได้ทราบว่าทางทัพซาไอสามารถตีฝ่าออกมาได้แล้ว จึงเข้ามารวมทัพกับซาไอ
"ท่าน
.เออ
.แม่ทัพซาไอ" โทงาริที่ก้าวเข้ามาเมื่อมีคนมาแจ้งว่าซาไอกลับมาแล้ว เขาต้องตะลึงไปชั่วครู่เมื่อเห็นภาพตรงหน้า แม่ทัพหญิงกับผ้าคลุมห่อร่าง
"เกิดผิดพลาดเล็กน้อย
แต่ไม่เป็นไร ยังไงซาไอก็ปลอดภัย
.เออ
.เจ้าเป็นนางกำนัลของนางใช่ไหม? ดี เอาล่ะ!!! ไปหาผ้าหนาๆห่มให้นางน่ะ หาน้ำร้อนให้ด้วย แล้วเสื้อผ้าที่หนาๆ อย่าลืมให้นางผิงไฟด้วยล่ะ ให้นางดื่มยาด้วยล่ะ จำไว้น่ะถ้ามีอะไรผิดปกติ เรียกข้า อ้อ
ที่สำคัญอย่างลืมล้างแผลใส่ยาให้นางด้วย" แล้วเซอิจิก็หันกลับมาทางโทงาริ
"ท่านโทงาริ
.เออ
กรุณาตามข้ามาสักหน่อยจะได้ไหม?" โทงาริมองงงๆ แต่ก็ยอมตามเซอิจิเข้าไปในกระโจมโดยดี
"นั่งสิ!!!" เซอิจิเชิญ หลังจากโทงารินั่งลงแล้ว เซอิจิก็เริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง โทงาริได้แต่นั่งฟังอย่างเงียบๆ
"อย่างที่ข้าเล่ามา
" เซอิจิสรุปเมื่อเล่าจบ
"แล้วหากท่านจะกรุณา ข้าอยากจะขอให้ท่านช่วยมอบอำนาจในการบังคับบัญชาทหารมาให้ข้า" เซอิจิกล่าวอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนัก โทงาริฟังด้วยความตื่นตระหนก
"ถ้าลำบากใจท่านก็ไม่เป็นไร" เซอิจิพูดยิ้มๆ "อย่างไรก็ช่วยฟังแผนข้าไว้เสียหน่อยเถอะ
อย่างน้อยก็จะได้สามารถช่วยอะไรได้บ้าง
"
"เออ
ท่านว่ามาสิ"
"ประการแรกต้องนำทัพของพวกเราทั้งหมดมารวมกัน มีความเป็นไปได้สูงว่าทางฝ่ายโน้นจะต้องลอดช่องเขามาหาพวกเราแน่นอน ฉะนั้น
"
"ถ้าเราใช้แผนที่พวกมันคิดใช้กับเรา ซ้อนแผนมันเสียคงจะทำได้สำเร็จ"
"ถ้าทรงต้องการเช่นนั้น
" โทงาริเอ่ยอย่างจนมุม
"หม่อมฉันจะถวายอำนาจการรบแด่พระองค์ แต่แค่ศึกนี้เท่านั้น"
. . . . . .
เวลา 4.03 น.ของวันที่ 26 ต.ค. ฟืนมากมายถูกนำขนไป ปากทางเข้าช่องเขา หินมากมายถูกนำมาปิดปากออกเอาไว้ รอเวลาให้กองทัพศัตรูบุกเข้ามา
เวลา 4.24 น. ของวันเดียวกันกองทัพที่ชูธงตระง่านว่าอยู่ใต้การนำของเดเอคิกรีฑาทัพตามเข้ามาตามแผนที่วางไว้ หลังจากกองทัพดำเนินเข้าไปจนถึงกลางช่องเขา ไฟมากมายก็ถูกโยนลงมา เหล่าทหารในช่องเขาวิ่งหนีกันอย่างอลหม่าน แต่ก็ไม่สามารถออกมาได้ เพราะมีก้อนหินขวางกันอยู่มากมาย หลายสิบคนถูกไฟคลอกตายอย่างน่าอนาถ ทหารนับหมื่นกำลังจะตายในช่องเขา
เซอิจิจ้องมองลงไปในช่องเขาอย่างสังเวชใจ
นั้นก็คนน่ะ
บางเสียงร้องบอกเซอิจิ
ท่านบอกเอาไม่ใช่หรือ? ว่าต้องการช่วยผู้คน ท่านต้องทำฆ่าคนมากมายขนาดนี้เชียวหรือ?
เซอิจิเชิดหน้ามองขึ้น
เช่นนั้นหรือ?
. เสียงนั้นยังถามต่อ
ข้าไม่ฆ่าใครแน่
หรืออย่างน้อยก็ต้องช่วย
เซอิจิตอบกลับไป
"ทหารตามข้ามา!!!" เซอิจิตะโกนสั่ง
"จะทรงไปไหน?" โทงาริถาม
"ข้าจะช่วยพวกเขา
" เซอิจิกล่าว "เอาเชือกมา หย่อนลงไปในช่องเขา ช่วยคนที่ยังรอดชีวิตมาให้หมด!!!"
"พระองค์
ทำอย่างนั้นไม่ได้พวกมันเป็นศัตรู!!!" โทงาริค้าน
"ศัตรูก็คน
" กษัตริย์หันกลับมา โทงาริทำท่าจะค้านอีก แต่เมื่อเจอสายตาของเซอิจิก็เป็นอันเงียบไป
"เอาขึ้นมาให้หมด
คนที่อยู่บนหลังม้านั้นด้วย!!!" เซอิจิสั่งการ ให้ฉุดคนร่างยักษ์ขึ้นมาด้วย ใช้เวลาไม่นานนักทางกองทัพกู้ชาติ ก็ได้เชลยศึกมากมาย รวมถึงแม่ทัพเดเอคิด้วย
.
"เจ้าช่วยพวกเรา!!! เจ้าช่วยเสือไว้แล้ว!!! รีบฆ่าข้าซะ ไม่เช่นนั้นจะมาเสียใจทีหลังไม่ได้น่ะ!!" ร่างที่ถูกมัดด้วยเชือก ร้องอย่างภาคภูมิ เซอิจิถอนใจเฮือกแล้วเดินเข้าไปหาร่างใหญ่นั้น
"ท่านสิน่ะ
เจ้าชาย!!!" เดเอคิตาลุกวาว
"ท่านทรยศพระนางมิโดริ
ท่านต้องมีชะตาอันน่าอนาถ!!!" แม่ทัพเดเอคิตวาด
"งั้นหรือ?
" เซอิจิรับคำอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะกำลังสำรวจบาดแผลจากไฟที่เผาสีข้างแม่ทัพเสียจนยับเยิน ในระยะเผาขน
"ฮึ
ท่านมันไร้ยางอาย ข้าไม่แปลกใจที่ราชินีทรงตัดขาดกับท่าน!!!" เดเอคิด่าทอ เซอิจิมองเดเอคิอย่างรำคาญ ไอ้เรื่องทรยศกับคนไม่ชอบหน้าเขาเจอมาบ่อย คำว่าคนทรยศและลูกทรพี หรือแม้กระทั้งหน้าตัวเมีย เขาถูกด่าจนชินหูเสียแล้ว เซอิจิเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม้มันจะคล้ายติดทองหลังพระในขณะนี้ก็ตาม
.
"ข้ารู้แล้วว่าทำไมเจ้าถึงได้ตัวใหญ่
" เซอิจิผละออกไปหยิบผ้าพันแผล เดเอคิมองอย่างงงๆกับคำที่เซอิจิเปรยออกมา "เจ้ากินลมเข้าไปมากนี้เอง!!! เอาล่ะ
ทีนี้หุบปากซะบ้าง
เพราะความอดทนตอนนี้ข้าไม่มากนัก เจ้าทำซาไอต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ข้าไม่เอาไฟจี้หน้าเจ้าก็บุญสักเท่าไรแล้ว" เซอิจิขู่เรียบๆ ขณะพันแผลให้ชายร่างยักษ์ ที่ใหญ่ขนาดปล้ำกับหมีควายได้สบาย น้ำเสียงทรงอำนาจ ทำเอาแม้แต่คนตัวใหญ่ก็ไม่กล้าที่จะเถียง เดเอคิปิดปากเงียบตลอดการทำแผล
.
|