[HOME] [สารบัญ] l 1 l 2 l 3 l 4 l 5 l 6 l 7 l 8 l 9 l 10 l 11 l 12 l 13 l 14 l 15 l 16 l 17 l 18 l 19 l 20 l 21 l 22 l 23 l 24 l 25 l 26
     l 27 l 28 l 29 l 30 l 31 l 32 l 33 l 34 l 35 l 36 l 37 l 38 l 39 l 40/1 l 40/2 l 41 l 42 l 43/1 l 43/2 l 44 l 45
     l 46 l 47 l 48 l 49/1 l 49/2 l 49/3 - fin l

บทที่ 15 ศึกครั้งแรก


โควตะไม่เคยเครียดอย่างนี้มาก่อน จิเคตะที่เขาสามารถชนะได้นั้น อาจฆ่าเขาได้ทันทีที่เจ้าตัวต้องการ จิเคตะถูกจับเข้าห้องขัง โซ่ตรวนผูกมัดเขาไว้มากมาย เลือดจากแผลที่ขูดกับตรวนของเขาไหลออกมา

ถ้ามาคุไปตรวจตราค่ายของโจรเร็วกว่านั้นสักชั่วยาม เขาอาจจะโดนลูกหลงระบำล้างนรกของจิเคตะก็ได้!!!

เซอิจิเริ่มบรรยายสรรพคุณของเพลงดาบนี้ให้โควตะฟัง ซาไอที่นั่งขดตัวอยู่มุมกระโจมลูบขนแขนที่ลุกซู่ ริมฝีปากเม้มปิดสนิท เกรงกลัวว่าจะอาเจียนออกมาหากเปิดปากสนทนา

เพลงดาบล้างนรกที่จิเคตะใช้เป็นเพลงดาบที่สามารถฆ่าคนเมื่อไรก็ได้ เมื่อเจ้าตัวมีความโกรธและความกดดันสูงจนถึงขั้นหนึ่งแล้วไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้ เป็นกระบวนที่มีประสิทธิภาพสูง สังหารได้จนความกดดันหมดลงหรือจนขาดสิ่งมีชีวิตให้สังหาร มีผลเสียอย่างร้ายแรงคือ เมื่อเริ่มใช้เพลงดาบแล้วไม่สามารถบังคับตัวเองได้ จะฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าไม่ว่าใครก็ตาม และเมื่อความกดดันหมดลงหรือขาดตอนการสังหาร จะมีผลต่อตัวผู้ใช้อย่างร้ายแรงคือ เกิดอาการช็อก ประสาทไม่สั่งการ ทำให้เสื่อมสมรรถภาพในการหลบหนีหรือป้องกันตนไปช่วงหนึ่ง นั้นคือสิ่งที่ผู้ใช้เพลงดาบได้รับ…

"ทำไมไม่บอกข้าก่อน!!!" โควตะพาล เซอิจิมองตาขวาง

"ข้าไม่รู้นี่ว่ามันจะเกิดขึ้น!!!" เซอิจิเถียงอย่างมีอารมณ์

"หนึ่งคือโอกาสหนึ่งในล้านที่มันจะเกิด

สองคือ แค่เหตุผลเท่านี้ไม่น่าทำให้จิเคตะเคร่งเครียดขนาดนี้ เพราะเขาไม่ใช่คนคิดมาก และถึงคิดมากก็ไม่น่าระเบิดออกมา

สามคือข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นเพลงดาบนี้ มันเป็นเพลงดาบในตำนาน ที่ตั้งแต่เกิดมาข้าก็ยังไม่แน่ใจว่ามันมีจริง พูดง่ายๆคือ ข้าก็เพิ่งเคยเห็น" เซอิจิต่อเสียยาว โควตะมีทีท่าเสียใจ ซาไอเข้าโอบแขนกษัตริย์หนุ่มแล้วลูบอย่างเห็นใจ

"คลื่นไส้จัง!!!" ซาไอบ่นกระปอดกระแปด

"ตั้งแต่เกิดมากยังไม่เคยเห็นศพน่าขยะแขยงขนาดนี้มาก่อน" ซาไอว่า เธอเคยฆ่าคนมามาก แต่คนที่ฆ่าในเพียงค่ำคืนเดียว และหั่นซะถี่ยิบขนาดนั้น ฝีมือร้ายกาจ!!!

"สงสัยข้าต้องสั่งการไม่ให้ใครกดดันเจ้าหมอนั้นมากเกินไป" โควตะเอ่ย

"ขออภัยที่ว่าท่านแต่แรก ท่านเซอิจิ" โควตะก้มหัวอย่างเย็นชา แล้วเดินออกไปนอกกระโจม

"อ้อ…แล้วก็เตรียมตัวกันได้แล้ว อีกเดี๋ยวจะเดินทางอ้อมช่องเขากัน" โควตะจบประโยคแค่นั้นก็เดินออกไป

เซอิจิลดตาลงมองพื้น ซาไอมองอย่างปลอบใจก่อนที่จะออกไป

. . . . . . .

การเดินทางข้ามช่องเป็นไปอย่างปลอดภัย แม้มันจะรับประทานเวลานานไปเสียหน่อย แต่ก็ข้ามช่องเขามาได้ จิเคตะเดินไปกับโซ่ตรวนที่หุ้มตนเองไว้ โควตะมองจิเคตะอย่างสับสนใจ คนที่เก่งขนาดนี้อยากเอาเป็นพวก แต่ก็อันตราย เขารู้สึกชื่นชอบชอบคนนี้เป็นการส่วนตัว แต่ก็ไม่ชอบเขาที่ฆ่าขุมข้อมูลสถานการณ์ในนากิเสียหมด หลังจากเดินทางอีกราว 1 เดือน กองทัพกู้ชาติของเหล่าขุนนางนากิก็มาจัดทัพอยู่ที่ริมชายแดนนากิ โควตะสั่งตั้งค่ายที่นั้น การรบราครั้งแรกที่ต้องสู้กับบ้านเมืองที่ตัวเองโตขึ้นมากำลังจะเริ่มขึ้น

หลังจากตั้งค่ายได้ไม่ถึง 3 วันสายก็มารายงานให้โควตะรู้ว่า กองทัพชายแดนได้ตั้งปราการด่านแรกรอพวกเขาอยู่

"กำลังเท่าไร?" โควตะถาม

"2300 ขอรับ" สายตอบ

"น้อยจัง!!!" ซาไอขัดขึ้น หลังจากปล่อยความความสนใจจากบันทึกเสบียงมาที่หัวข้อสนทนา

"อีก 5000 จะตามมาขอรับ" สายรายงานเพิ่ม โควตะโบกมือเป็นสัญญาให้ออกไป หลังที่สายคำนับแล้วถอยออกไป

"ครั้งนี้ไม่เท่าไรเลย" โควตะก้มหน้าก้มตาอ่านพิชัยสงครามต่อ

"อือ…." ซาไอจดบันทึกเสบียงต่อไป

"เราอยู่ได้อีกเท่าไร?" โควตะถามเล่นๆ

"เกือบปี" ซาไอบอก

"เราเพิ่งยกทัพมาเอง"

"อือ…แล้วคราวนี้เอาไงดี?"

"ไม่ยาก มันต้องมาลองกำลังเราแน่นอน ร้อยทั้งร้อยล่ะน่ะ"

"เอาล่ะๆ เอางั้นก็ได้ ข้าส่งใครสักคนเอากำลังสัก 5000 ออกไปให้มันลอง" โควตะสั่งการ กำลัง 5000 ที่นำทัพโดยเอเซ่ถูกนำให้ออกลองกำลังข้าศึก เขาแกล้งถอยทัพอย่างรวดเร็ว พลทหารทั้งหมดกลับมาอย่างปลอดภัย

"พวกมันคงเริ่มของจริงในไม่ช้า" โควตะว่า ซาไอไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวมาก เธอตามหาเซอิจิอยู่เป็นนิจ เขาได้แต่นั่งเฝ้าอาจารย์ของเขา จิเคตะนั้นแผลของเขาเริ่มหายดีแล้วและเขาก็เริ่มชินกับโซ่ตรวน เซอิจิได้กระทำตนเป็นศิษย์กตัญญูป้อนข้าวป้อนน้ำ ซึ่งเป็นที่ขัดหูขัดตาเหล่าขุนนางเป็นอย่างมาก เซอิจิเริ่มไม่ที่นิยมอีกครั้ง

ต่างฝ่ายต่างกดดันซึ่งกันและกัน ศึกครั้งแรกกำลังจะเริ่มขึ้น และในวันหนึ่ง โควตะได้ตัดสินใจ ยกทัพเข้าตีชายแดนของนากิเป็นครั้งแรก การกรีฑาทัพครั้งนี้ โควตะได้เป็นแม่ทัพใหญ่ และแน่นอนซาไอเป็นแม่ทัพรอง ขุนนางส่วนใหญ่เข้าร่วมในการศึกครั้งนี้ เซอิจิไม่ได้เข้าร่วม เขามีเหตุผลว่าคนที่เก่งเข้าร่วมในศึกครั้งนี้มากพอ ขุนนางหลายคนว่าเซอิจิขี้ขลาด เขาไม่ได้สนใจและยังนั่งในเรือนจำต่อไป

แม่ทัพที่กองทัพกู้ชาติสู้ด้วยครั้งนี้ เป็นแม่ทัพคนหนึ่งในนากิที่ไม่ออกไปรวมที่เมียวบุง เขายืนอยู่ข้างนากิจนวินาทีสุดท้าย เมื่อสั่งเข้ารบ ทหารทุกคนเข้ารบด้วยความลำพอง ซาไอไม่จำเป็นต้องออกรบตัวเอง เธอแปรสภาพมาเป็นผู้วิเคราะห์เหตุการศึกเสีย ทันทีที่ให้สัญญาณออกศึก เสียงเฮลั่นก็ดังลั่นพร้อมกับเสียงรัวกลองศึก ทหารทั้งสองฝ่ายวิ่งกรูเข้าหา เสียงฟาดฟันดาบดังมา ที่ๆเธอนั่งอยู่มองเห็นการรบได้ชัดเจน เพราะมองจากที่สูง ซาไอมองการรบของทัพสองฝ่าย และสั่งให้กองเสริมและพลธนูเข้าเสริมเรื่อยๆ เหล่าแม่ทัพฟาดฟัน ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด

ซาไอนั่งดูเพลินจนไม่ได้สังเกตลูกธนูที่แล่นเข้ามาตรงหน้า กล่าจะรู้ตัว มันก็สายเกินที่จะหลบ เธอตกตะลึงอยู่ พลางใช้มือปิดหน้าอย่างตกใจ สักพักเธอก็คลายมือออก มาโซยะ กำลูกธนูดอกนั้นแทบแหลกคามือด้วยใบหน้าเคร่งขรึม แล้วส่งสายตามาบอกว่าให้ระวังตัว การรบดำเนินไปจนตะวันลับขอบฟ้า

เหล่าทหารที่เฝ้ารักษาชายแดน 7000 กว่านายก็ตายเกลื่อน โควตะเลือกที่จะใช้กำลังแต่เพียงพอตามจำเป็น เพื่อรักษาสภาพที่สมบูรณ์ของนายทหารเอาไว้ กลิ่นเลือดและกองศพที่ตายเกลื่อน ทหารที่บาดเจ็บช่วยพยุงเพื่อนฝูง หัวใจของพวกเขาเต็มเปี่ยม ทหารฝ่ายกู้ชาติเข้ายึดป้อมปราการที่ชายแดนได้ ซาไอเดินย่ำศพที่นอนตายเกลื่อน และบางศพที่ตายบนป้อมปราการ ตามบันไดที่ผาดตามกำแพงปราการบ้าง มือของศพแตะโดนขาของเธอ ทำให้ซาไอขนลุกซู่ โควตะสั่งให้นายทหารบางคนเฝ้าและทำความสะอาดปราการแห่งนี้ไว้ ก่อนที่จะสั่งยกทัพกลับ ซาไอทนไม่ได้ที่จะมองพี่น้องร่วมชาติที่นอนตาย เธอแอบสวดภาวนา และสาบานที่จะกำจัดมิโดริให้ได้

ไม่เพียงเธอที่ทำอย่างนั้น เธอมั่นใจว่าทหารทั้งหลายก็ทำเช่นนี้เช่นกัน….