|
ตอนนี้เซอิจิกำลังควบม้าตรงไปยังเกี้ยวของหญิงสาวฝ่าหมู่โจร เขาคว้าดาบบนซากโจรขึ้นมา ขณะม้าวิ่ง ชายหนุ่มควงดาบตะลุยเข้าฟันคอโจรทันที เขาชักม้าให้กระโดดข้ามโจรที่ขว้างควบตรงไปหาหญิงสาวทันที
ซาไออยู่ในเกี้ยวที่กำลังโคลงแคลงเพราะข้างนอกมีการต่อสู้ หยดเลือดซาดกระเซ็นถูกม่านเกี้ยวเป็นด่างดวง หญิงสาวตกประหม่าเต็มทน กว่าเธอจะตั้งสติได้ เกี้ยวก็โคลงจวนล้ม หญิงตั้งตัวขึ้นเพื่อออกจากเกี้ยว เธอยกมือขึ้นเปิดม่านเกี้ยวเพื่อหนีออกไป แต่เมื่อเธอเลิกม่านเกี้ยวได้ ก็มีมือหยาบกร้านกระชากเธอออกจากเกี้ยว แล้วลากออกมาจนกองอยู่ตรงพื้น พอหญิงสางเงยหน้าขึ้น ก็พบคนร่างใหญ่ราวกับสัตว์ป่า ขนดกดำ นัยน์ตาดุร้าย ซาไอมองมันและรู้สึกว่าเธอเคยประสบเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน แต่ก่อนที่เธอจะทำอะไร
ชายผู้น่ากลัวก็กระชากแขนเธอขึ้นอย่างรุนแรงจนเธอกลัวว่าแขนเธอจะขาดออกจากร่าง แล้วบีบใบหน้าของเธออย่างรุนแรง แล้วพึมพำอะไรสักอย่างที่เธอไม่ได้ยิน ก่อนจะพ่นลมหายใจร้อนๆใส่ใบหน้าเธอ แล้วยังจะเลียใบหน้าเธออีก น้ำเปียกแฉะจากปากของสัตว์ประหลาดข้างหน้า
ทำเอาหญิงสาวทั้งถีบทั้งดิ้นรนให้หลุดออกจากการเกาะกุม ที่ทั้งรัดและกอด สุดท้ายมนุษย์ป่าเถื่อนก็กระชากตัวหญิงสาวขึ้นบ่ามัน ซาไอกรีดร้องและข่วนร่างใหญ่ยักษ์นั้น แต่ก็ไม่เป็นผล ร่างใหญ่ยังคงแบกเธอเดินออกไปเรื่อยๆ
องครักษ์หลายสิบคนพยายามเข้าอารักขาเจ้าหญิงแต่ร่างนั้นก็ใช้ดาบหวดเสียจนตายคาที่ มีองครักษ์ผู้กล้าหาญคนหนึ่งที่เข้าโจมตีร่างยักษ์ แล้วได้ฝากบาดแผลไว้ที่บริเวณต้นขาของมัน อีกหลายคนโจมตีตามมาฝากรอยแผลเอาไว้ ก่อนจะถอยออกไปดูเชิง บ้างก็เหลียวหลังรับดาบเหล่าโจรที่เข้าหวดอาวุธใส่ข้างหลังพวกเขา ขณะที่คนเถื่อนอุ้มหญิงสาวไกลออกไปเรื่อยๆ
"ท่านเซอิจิ
" หญิงสาวกระซิบ ขณะที่กระบังลมเธอถูกกดไว้บนไหปลาร้าที่ทั้งแข็งและแหลม คนเถื่อนที่แบกเธอกำลังจะก้าวขึ้นม้า ซาไอออกแรงแขนเหวี่ยงมือใส่บ้องหูของคนกระทำลวนลามเธอสุดแรงเกิด สัตว์ร้ายในร่างมนุษย์โอดครวญ เธอหล่นตุ้บลงบนพื้นเบื้องล่าง ฝุ่นตลบไปทั่ว หญิงสาวจับชายกระโปรงแล้วลุกขึ้นวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ลมตีหน้าของเธอ ผมที่เพิ่งปรกหน้าลู่หลังไป เพียงชั่วอึดใจ มือหยาบก็คว้าข้อแขนเธอได้อีก หญิงสาวกระชากแขนของเธอคืน แต่ไม่สำเร็จ มันกระชากเธอเข้าหาตัวและตบหน้าเธออย่างรุนแรง ซาไอหน้าหัน น้ำตาเล็ดออกมาอย่างเจ็บปวด เธอหันกลับไปและกัดริมฝีปากมองมันด้วยความเคียดแค้น หญิงสาวได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันใส่เธอ เป็นเสียงที่น่ารังเกียจ ทั้งแห้ง กร้าน และน่าขยะแขยง
มันลากเธอขึ้นหลังม้าอย่างทุลักทุเล ใบหน้าของเธอกระแทกกับข้างอานม้า และแล้วคนบนม้าก็ใช้เท้ากระแทกให้ม้าออกวิ่งเหยาะๆไป
ซาไอทรุดใบหน้าลงมองพื้นอย่างสิ้นหวัง น้ำตาไหลหยดตามพื้น เสียงม้าวิ่งเหยาะๆ คล้ายนับถ้อยหลังเวลาที่จะถูกย่ำยี ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่เงยหน้าขึ้นจากพื้นแล้วเชียว จู่ๆก็มีเสียงควบม้าตะลุยเข้ามา ตามด้วยเสียงตะโกนก้อง พร้อมกับหวดดาบใส่อย่างรุนแรง ร่างคนเถื่อนร่วงลงจากม้าแทบจะทันที หญิงสาวก็ตกตามลงมาเช่นกัน พอตั้งตัวได้ ซาไอก็รีบยันกายลุกขึ้นจากพื้นทันที มีเสียงลงจากม้า เธอเห็นเพียงปลายเท้าของผู้ลงมา ด้วยตกใจเมื่อมือคู่นั้นเข้าจับท่อนแขนของเธอ หญิงสาวสะบัดออก แล้วทุบลงบนอกของคนผู้นั้นทันที
"ปล่อยข้าน่ะ!!!!" เธอร้อง เจ้าของมือถอยหลังด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะจับท่อนแขนของเธออีกครั้ง
"ซาไอ!!!" เสียงคนผู้นั้นเรียก หญิงสาวมองใบหน้าของผู้พูด ความสำนึกผิดไหลพล่านตามรูขุมขนทันที เธอทุบคนที่ประสงค์ดีกับเธอเสียแล้ว
"ท่านเซอิจิ
." เธอมองใบหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าเสียเต็มตา พอความรู้สึกสำนึกผิดเริ่มซาหาไป ความรู้สึกกลัว และคิดถึงก็เข้ามาแทนที่ ซาไอไม่พูดอะไร กอดร่างที่อยู่ข้างหน้าท่าเดียว!!!
เซอิจิลูบศรีษะปลอบหญิงสาวราวกับเป็นเด็กๆ
"หยุดร้องก่อน
ขึ้นม้าเถอะ ข้าทำร้ายลูกพี่มัน พวกมันไม่ยอมแน่!!!" ว่าจบก็จูงมือคนที่อยู่ข้างๆไปยังม้า และขึ้นหลังม้า ก่อนที่จะฉุดมือหญิงสาวตามขึ้นไป แต่แล้วทั้งสองก็ต้องสะดุ้ง เมื่อดาบที่หวดลงศรีษะคนร่างยักษ์ที่เซอิจิเห็นว่าเทียบได้แม้แต่เดเอคิ มันผู้นั้นไม่ได้สิ้นใจดังที่ควรเป็น มันยังลุกขึ้นพลางกุมศรีษะที่โชกชุมด้วยเลือด พลางจ้องมองมาที่ทั้ง 2 อย่างโกรธแค้น ไม่เท่านั้นยังชี้หน้าของเซอิจิพลางสบถด่า
"จับแน่นๆน่ะ" เซอิจิพูดด้วยเสียงติดตลก เพราะคนร่างยักษ์ย่างเท้ามันเข้ามาใกล้ แต่ก่อนจะถึงตัวทั้งสอง ม้าของฏษัตริย์แห่งนากิก็ควบออกไปแล้ว!!!
ม้าตัวดีของเซอิจิที่ควบออกไปนั้น หาใช่ไปอย่างสบายๆ แต่ต้องฝ่ายหมู่โจรอีกเกือบร้อยคนที่ดักรออยู่ข้างหลัง ม้าตะลุยผ่าน พร้อมกับดาบที่แกว่งไปมา
"เคร้ง!!!" เสียงปะทะดาบอย่างรุนแรงพอสมควร ผู้ปะทะดาบกับราชาเซอิจิยังควงดาบกระหน่ำใส่คนบนม้า อัดแรงดันดาบ เชือดเฉือนคมอาวุธใส่กัน
"ส่งหญิงบนหลังเจ้ามา!!!" เสียงแค่นร้องอย่างลำพอง เมื่อตนมีพวกมากกว่า
"หญิงบนหลังม้าเป็นของข้า!!! ถึงตายก็ให้พวกแกไม่ได้!!!" เซอิจิตวาดกลับ น้ำเสียงทรงอำนาจทำให้พวกโจรชะงักไปเหมือนกัน ก่อนจะตั้งสติได้ ชายหนุ่มก็ควบม้าหนีไปเสียแล้ว ไม่รอช้า โจรทั้งหลายนั้นรีบขี่ม้าตามไม่ลดละ โดยมีคนร่างยักษ์ที่รอดจากคมดาบของเซอิจิได้นำหน้า
ฝ่ายเซอิจินั้น ควบม้าพลางเหลียวกลับไปมองเหล่าโจรที่ตามมาบ้าง ก่อนจะควบม้าเข้าสู่ดงหญ้าทึบทับ เพื่ออำพรางตนเอง ทำให้ระยะห่างระหว่างเขาและโจรยิ่งห่างกันมากขึ้น เนื่องจากเวลานั้นเป็นเวลาเย็น เกือบค่ำแล้ว ฉะนั้นพวกเขาหนีกันไปได้ไม่นานอากาศก็มืดมิด แสงอาทิตย์ค่อยๆลาลับลงไป จนกระทั้งมืด เซอิจิหันไปมองข้างหลังบ้างเป็นครั้งคราว ครั้นแล้วเขาก็หยุดม้า
พลางเอื้อมมือไปจับท่อนแขนของหญิงสาวที่โอบรอบเอวเขาแน่น ตามที่เขาสั่งเอาไว้ ชายหนุ่มกลับม้าและเพ่งมองไปในความมืด ก่อนจะอุ้มหญิงสาวลงจากม้า ก่อนที่จะตามลงจากม้า ซาไออ้าปากจะถามว่าทำไม แต่ชายหนุ่มยกนิ้วเป็นสัญญาณบอกให้เงียบ พลางมองออกไปในทาง เมื่อไม่เห็นพวกโจรตามมา
เขาดึงม้าเข้าไปในเขต ป่ามือหนึ่งจูงหญิงสาว อีกมือกำบังเหียนม้า จนเจอกอกกใหญ่เหมาะแก่การซ่อนตัว เซอิจิใช้ดาบแทงลงบนกอกกนั้น เมื่อเห็นว่าไม่มีสัตว์ร้าย เขาดึงหญิงสาวเข้ามาใกล้
"ลงไปอยู่ตรงนั้นก่อน ถ้าข้ายังไม่บอกให้ออกมา อย่าออกมาเป็นอันขาด!!! เข้าใจไหม?" เซอิจิสั่ง ซาไอที่ขณะนี้เสื้อผ้ามอมแมมไปทั่วพยักหน้ารับตื่นๆ ชายหนุ่มมองเธอสักพัก ทั้งๆที่อยากปลอบขวัญหญิงสาวของเขาแทบขาดใจ แต่ยังไม่ได้เพราะงานยังเสร็จสิ้น
เขาอดใจเพื่อที่อีกสักครู่เขาจะได้ปลอบขวัญเธออย่างเบาใจ ไม่ต้องทำไปด้วยความหวาดระแวง เขาจูงหญิงสาว ให้ทรุดตัวลงยังกอกก แล้วกำชับให้เงียบ ซาไอมองตามหลังของราชาเซอิจิที่จูงม้าเดินออกไป ชายหนุ่มเดินไปยังระแวดระวังภัย และทรุดตัวอยู่ที่นั้นเพื่อรอคอยกองโจรที่ตามมา ชายหนุ่มดึงบังเหียนม้าให้มันย่อตัวลงเล็กน้อย ฝ่ายเซอิจิก็ใช้พื้นเท้าพื้นดิน และลงซ่อนตัวที่พื้น
เซอิจิซุ่มตัวรอคอยอย่างอดทนสักพักหนึ่ง เขาก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่พื้นดิน ชายหนุ่มทรุดตัวเอาหูเข้าใกล้พื้นดิน ดังที่เคยได้ฝึกมา
เสียงควบม้าดังมาแต่ไกล
. หลายสิบตัวทีเดียว เขายิ้มก่อนที่จะดึงบังเหียนม้าออกไปเตรียมพร้อมเพื่อรอจังหวะ
ครั้นม้าของเหล่าโจรควบเข้ามาในระยะที่สามารถมองเห็นในที่มืดได้แล้วนั้น ชายหนุ่มก็ตีม้าของตนให้วิ่งออกไปในทันที เพื่อให้พวกโจรหลงผิด ไล่ตามไป
ม้าวิ่งออกไปตามแรงที่เขาตี หลังจากนั้นชายหนุ่มก็รีบหลบทันที!!!
ม้าของเหล่าโจรควบตามม้าเปล่าไปอย่างไม่ลดละ พอเสียงควบม้าแผ่วไป ชายหนุ่มก็รีบวิ่งมายังกอกกทันที!!!
"ซาไอ!!!" เขาโอบกอดหญิงสาวอย่างโหยหา เขาสางผมที่ปรกหน้าผากเธอแล้วจูบปลอบขวัญที่นั้น ร่างของหญิงสาวสั่นระริกอยู่ในอ้อมแขนเขา
"หนีกันก่อน เดี๋ยวพวกมันตามม้าทัน จะรู้ว่าเราไม่ได้อยู่ที่นั้น" ว่าแล้วเขาก็จูงมือของหญิงสาวออกเดินไปตามทางรกทึบ ก่อนจะออกไปทะลุป่าโปร่งที่ไม่ไกลออกไป เซอิจิพาหญิงสาวลัดเลาะเดินกลับไปยังซูคัง เดินไปได้สักระยะหนึ่ง เมื่อเห็นว่าพวกโจรไม่มีทางหาเจอ ชายหนุ่มก็ทรุดตัวลงนั่งในบริเวณที่ไม่มีหญ้าขึ้น เขากอดหญิงสาวเอาไว้ในแขน ตัวหญิงสาวสั่นเทาด้วยความหนาว เขาวางมือลงบนแก้มเย็นของหญิงสาว แล้วกอดกระชับเธอยิ่งขึ้น หญิงสาวซบใบหน้าลงบนอกของชายหนุ่ม เธอจับอกเสื้อของเขาไว้แน่น เซอิจิมองหญิงสาวที่ทั้งหนาว เหนื่อย และหิว
.
"หิวไหม?" เขาถาม "ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ตอนเย็นแล้วสิน่ะ
รอเดี๋ยวน่ะจะหาอะไรมาให้กิน" ว่าแล้วก็ผละออกจากซาไอชั่วครู่ เซอิจิเดินย่างออกไปในความมืด เขาใช้เท้าตบพื้นเล็กน้อย แล้วใช้วิชาความรู้ที่เคยรำเรียนมา ทำให้รู้ว่าแถวนี้มีผลไม้เล็กๆขึ้นอยู่ เขาหักกิ่งไม้จากต้นไม้เหนือหัว ก่อนที่จะหยิบหินในเสื้อออกมาจุดไฟ แล้วเดินหาผลไม้ต่อไป
ซาไอมองเซอิจิหายเข้าไปในเงามืดช้าๆ เธอพยายามข่มความกลัวของตัวเองเอาไว้ แต่ไหนแต่ไรมา เธอไม่เคยต้องลำบากขนาดนี้มาก่อน ถ้าไม่นับอดีตของเธอ ตอนนี้หญิงสาว ทั้งหนาว หิว เหนื่อย และกลัว เธอจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ไม่รุ่มร่าม เ
พราะระหว่างที่เธอหนีมากับเซอิจิเสื้อผ้าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอหนีโจรล่าช้า
พอพูดถึงโจร หญิงสาวรีบกระชับเสื้อให้แน่นขึ้น เธอรู้สึกขนพองสยองเกล้ากับการที่ถูกโลมเลียใบหน้า มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำ ทั้งน่ากลัวและน่าขยะแขยง เธอนั่งกอดขาอยู่นาน แมลงต่างๆในยามกลางคืนแข่งขันกันร้องระงม แต่ในใจหญิงสาวกลับคิดว่า ถ้าเธอจะต้องคุยกับเซอิจิ เธอจะพูดยังไงกับเขาดี? หญิงสาวคิดอย่างเหม่อลอย พลางใช้ปลายเท้าจิกลงบนดินเพื่อให้หนาวน้อยลง และแล้วความเหนื่อยและล้าเริ่มรุมเร้า หญิงสาวผู้อ่อนล้าก็เริ่มตาปรือ เธอขยี้ตาแล้วหลับตา ก่อนที่จะหลับไปจริงๆ
ซาไอสะดุ้งตื่นอีกที! ก็พบว่าเซอิจินั่งก่อไฟเรียบร้อยแล้ว ข้างๆเธอยังมีผลหมากรากไม้ที่เขาเก็บมาได้ หญิงสาวนอนหลับสบายโดยหนุนกองหญ้าแห้ง และห่มเสื้อนอกของเซอิจิ เธอลุกขึ้นมานั่งมองคนก่อกองไฟอย่างรวดเร็ว
"ตื่นแล้วหรือ? อาหารอยู่ตรงนั้น กินเสีย
" ชายหนุ่มพูด โดยไม่หันขึ้นดู ซาไอคลานไปหยิบผลไม้บนใบไม้ขึ้นมาปัด และเช็ดด้วยแขนเสื้อ
"ไม่ต้องเช็ดหรอก ข้าล้างให้แล้ว
" ชายหนุ่มหัวเราะขันๆ หญิงสาวมองเขางงๆ สงสัยนักว่าไปเอาน้ำมาจากไหน ทั้งๆที่แถวนี้ไม่มีธารน้ำแท้ๆเชียว?
"ทรงล้างยังไงเพค่ะ?" เธอพูดขึ้นเป็นประโยคแรก เซอิจิกลอกตามองฟ้า ก่อนที่จะชี้ไปทางหลุมที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
"แถวนี้เป็นดินชื้น
ข้าคาดว่า ขุดลงไปไม่ลึกคงเจอน้ำ อืม~แล้วก็เจออย่างที่ข้าคิดจริงๆ" ซาไอเคี้ยวผลไม้พลางมองดูชายหนุ่มโยนฟืนเข้ากองไฟ
"หม่อมฉันหลับไปนานเท่าไรแล้วเพค่ะ?" เธอถาม
"ไม่นานหรอก นี้ก็ยังไม่เกิน 2 ยาม
นอนต่อก็ได้ เพราะพอรุ่งสางเราจะเดินทางต่อ
" เขาบอก ซาไอมองหน้าชายหนุ่ม เธอกำลังตัดสินใจว่าเธอควรบอกเขาดีไหม? ว่าไม่อยากไปจากที่นี้ แต่ถ้าเขาปฏิเสธล่ะ? เธอสะบัดศรีษะให้ความคิดบ้าๆนั้นออกไปจากสมอง
เธอแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ราวกับสวรรค์ช่วยเธอแท้ๆ ที่ส่งเซอิจิกลับมาช่วยเธอจากเงื้อมมือของพวกโจร หญิงสาวก้าวขึ้นจากเตียงชั่วคราว เดินไปยังหลุม ที่เซอิจิขุดน้ำบาดาลไว้
"จะดื่มน้ำหรือ?" เซอิจิเดินเข้ามาหา
"เพค่ะ
" ชายหนุ่มโคลงศรีษะ เขาหยิบภาชนะขึ้นมาตักน้ำแล้วส่งให้หญิงสาว ซาไอรับไปอย่างประหม่าเล็กน้อย เธอก้มมองน้ำใสสักพักก่อนยกขึ้นดื่ม เซอิจิมองอย่างเอ็นดู แล้วใช้มือปาดข้างข้างแก้มสาวที่มีน้ำไหลตามทาง
"อดทนหน่อยน่ะ
ตอนนี้มีแต่ผลไม้ เอาไว้ตอนรอตอนเช้า ข้าจะหาเนื้อมาให้
ตอนนี้เจ้าไปนอนเถอะ เดี๋ยวพอรุ่งสางเราจะเดินทางต่อ
" ซาไอพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เธอเดินกลับไปยังที่นอนเดิมของตน เธอหันกลับมามองเซอิจิ ที่ไปนั่งพัดกองไฟต่อ
"พระองค์
"
"?"
"แล้วจะไม่บรรทมหรือเพค่ะ
"
"ไม่ล่ะ
ยังไม่ง่วง"
"อย่างนั้น
" หญิงสาวอิดออด "ราตรีสวัสดิ์เพค่ะ"
"อืม
ราตรีสวัสดิ์" หญิงสาวล้มตัวลงนอน และหลับไปในไม่ช้า
. . . . . .
"ซาไอๆ" เสียงปลุกอย่างตื่นตระหนกของเซอิจิ ทำให้หญิงสาวต้องรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากซาไอหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง
"เกิดอะไรขึ้น?" เธอถาม เซอิจิยกมือขึ้นจุ๊ปาก ก่อนที่จะยกมันขึ้นข้างหูเป็นเชิงบอกให้ฟัง
"เสียงม้า
หลายสิบตัว อาจเป็นพวกโจร
มันคงแค้นข้ามากทีเดียว ที่เอาดาบฟันหัวหัวหน้ามันเล่น!!!" เซอิจิยกเสื้อนอกตัวเองขึ้นคลุมให้หญิงสาว ผูกแขนเข้าด้วยกัน แล้วพยุงเธอให้ลุกขึ้น
"แผนการเดินเราเปลี่ยนใหม่
ซาไอ! ไม่เดินทางรุ่งสาง แต่เดินทางเดี๋ยวนี้เลย!!! เจ้าไปไหวไหม?" ชายหนุ่มถาม
"ไหวเพค่ะ
" เธอเดินตามแรงคนจูงมือนำหน้า เซอิจิไม่ลืมเอาดินกลบกองไฟ และหยิบดาบที่หยิบติดมือมาไปด้วย ชายหนุ่มเดินนำหญิงสาวช้าๆอย่างช่ำชอง แน่ล่ะ!! สมัยที่เขารบกับนากิ เขารบในป่าตลอดนี้นา ต่อให้โจรมันอยู่ในป่ามาทั้งชีวิต เขาก็มีประสบการณ์พอวัดดวงกับมันนั้นแหละ!!! อีกครั้งที่ทั้งสองต้องออกเดินทางไป หญิงสาวรู้สถานการณ์ดี ตอนนี้เธอไม่แท้แต่จะบ่นแม้แต่คำเดียว เธอกัดปากเอาไว้ไม่ให้พูด หรือร้องโอดครวญ เซอิจิมองซาไอเป็นระยะๆ อย่างเป็นห่วงเป็นใย ซาไอที่น่าสงสาร เขาไม่อยากทำอย่างนี้สักเท่าไร แต่ต้องรีบหนีก่อนจะถูกจับได้ พวกโจรมันจมูกไวเสียด้วย
ทั้งคู่พากันเดินไปในป่า ชายหนุ่มใช้ดาบฟันกิ่งไม้ตามทาง เพื่อง่ายต่อการเดิน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงม้า เขาจะต้องกดแผ่นหลังซาไอเพื่อสัญญาณให้ก้มตัวลงหมด ทั้งคู่ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้งหลายหน เพื่อออกห่างจากเสียงม้าและโจร ถ้าไม่รวมสัตว์ป่าด้วย ก็แค่ขวัญหนีดีฝ่อ แต่ถ้ารวมด้วย ก็เสี่ยงถึงชีวิตเลยทีเดียว!
หลังจากหลบหลีกอยู่หลายครั้ง ถึงแม้จะพ้น แต่บางครั้งก็อันตรายเหมือนกัน
เมื่อเซอิจิและซาไอกำลังทรุดตัวลงหลบพวกโจรอยู่นั้น เกิดมีโจรจมูกไวคนหนึ่ง เกิดสงสัยเข้า เขาเดินเข้ามาหาที่ๆทั้งคู่อยู่ช้าๆ ทำให้เซอิจิต้องพาซาไอหนีออกไป พอยิ่งเดินแหวกหญ้าหนี เจ้าโจรก็พาสมัครพรรคพวกยิ่งตาม สุดท้าย เซอิจิพบบึงแห่งหนึ่งเข้า เขาสอดสายตาสำรวจบึงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็พบกอบัวที่สามารถเข้าไปหลบได้ ชายหนุ่มรีบรุดไปยังตรงนั้น และพบว่ามันซ่อนคนได้แค่คนเดียว เขาจึงบอกให้ซาไอลงไปหลบในกอบัว ส่วนตัวเองก็เดินลงน้ำ
แล้วซ่อนตัวอยู่ใต้โดยมีต้นอ้อเป็นที่หายใจ เจ้าโจรผู้นั้นเมื่อมาถึงไม่พบทั้งสอง ก็ไม่ยอมเลิกลา มันใช้ดาบของตัวเอง จ้วงแทงไปทั่วบึง เพื่อหาผู้ที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำ ซาไอที่อยู่ในกอบัวไม่ได้รับความสนใจ แต่ดาบที่มันไล่ปักไปเรื่อยๆนั้น ดันมาเสียบลงตรงอกของเซอิจิพอดีแต่เซอิจิไส่เครื่องลางเอาไว้ ดาบจึงแฉลบออกไปโดนสีข้างแทน ชายหนุ่มกัดฟันด้วยความเจ็บปวด ใช้นิ้วนาบดาบนั้นไว้ เมื่อโจรดึงดาบขึ้น เขาก็ใช้นิ้วปิดแผลได้ทัน ไม่เผยรอยเลือด พวกโจรจึงคิดว่าไม่มีคน จึงแยกย้ายกันไปหาที่อื่นต่อ
เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัย เซอิจิ ค่อยๆโผล่ขึ้นจากน้ำ แล้ววิ่งไปหากอบัว ดึงซาไอขึ้นจากน้ำทันที
"พระองค์บาดเจ็บ!!!" ซาไอร้อง เธอบิดเสื้อนอกเปียกน้ำและทำเป็นผ้าพันแผลจำเป็นให้เซอิจิ เขายอมรับการพยาบาลโดยดี ดาบนี้คมมาก เพราะแผลที่เขาได้รับ ทั้งลึก และมีเลือดออกมาก ถ้าไม่เย็บแผล คงเป็นแผลเป็น
"โชคดีที่เครื่องลางของจิเคตะอยู่ตรงอก มันเลยไม่ปักดาบที่อกข้า!!!" ว่าแล้วเขาก็ใช้มือที่กุมแผล หยิบเครื่องลางออกมาดู ทำให้เครื่องลางเปื้อนเลือดเป็นด่างดวง
"ทรงเจ็บมากไหมเพค่ะ?" ซาไอเริ่มหน้าซีดแล้วซักถามยกใหญ่ พอรู้ตัวว่าทำเกินหน้าตาไป เธอก็ก้มหน้าลง
"ไม่เป็นอะไรมากหรอก
" เขายิ้มให้กับคำถาม "พวกเรารีบไปกันเถอะ ก่อนที่พวกมันจะตามเราเจอ
" แล้วทั้งสอง ก็หลบหนีต่อไป
ทั้งคู่เดินมาได้เวลาหลายชั่วโมง เสียงม้าเริ่มถี่ห่างออกไปเรื่อยๆ ซาไอนั้นเมื่อเธอสุดที่จะกลั้น สุดท้ายเธอก็ร้องขึ้น
"ท่านเซอิจิ!!!" เธอเรียกชายหนุ่ม พลางรั้งมือที่เขากุมอยู่ เซอิจิหันมา มือยังลอบกุมแผลเอาไว้
"ขอร้องเถอะเพค่ะ
พักหน่อย
หม่อมฉันไม่ไหวแล้ว
" เธอสูดหายใจลึกๆ หลายครั้ง ขาสองขาอ่อนแรงเสียจนจะเดินไม่ไหวแล้ว ซ้ำยังเจ็บเท้าด้วย เซอิจิมองเธอด้วยความสงสาร เขาพยุงเธอไปยังก้อนหินก้อนหนึ่ง
"ถอนรองเท้าออกมาสิ
เท้าจะได้สบายหน่อย" ชายหนุ่มแนะนำพลางทรุดตัวลง พอจะเอื้อมแขนไปถอนรองเท้าเท่านั้น
แผลตรงสีข้างที่รู้สึกเพียงชาๆ ก็เจ็บจี๊ดถึงกระดูก ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางกัดฟันข่มความเจ็บ เขากุมแผลที่สีข้าง พลางหอบแรงๆหลายครั้ง ส่วนซาไอลืมเจ็บเท้าไปเสียแล้ว เธอกระโดดขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว พลางเข้าไปช่วยพยุงร่างชายหนุ่ม
"ทรงไปนั่งแทนหม่อมฉันดีกว่าเพค่ะ!!!" ซาไอแนะนำ
"อย่าเลย เจ้าเจ็บเท้าไม่ใช่หรือ?"
"ไม่เป็นไรเพค่ะ
ทรงนั่งเถอะ หินก้อนใหญ่ นั่งสองคนได้" พอหญิงสาวรบเร้ามากเข้า ชายหนุ่มจึงยอมนั่งบนหินโดยดี ซาไอทรุดตัวลงนั่งบ้าง เมื่อเซอิจินั่งลง ทั้งคู่นั่งด้วยกันพักใหญ่ จนกระทั้งฟ้าเริ่มสว่างขึ้น แผลเริ่มเจ็บปวดน้อยลง เซอิจิจึงคิดจะลุกขึ้นไปสำรวจบริเวณเสียหน่อย แต่เมื่อเขาจะลุกขึ้น ก็รู้สึกว่ามีอะไรหนักๆทับที่บ่า พอหันไปก็พบศรีษะซาไอที่เอนพิงเขา ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่า เธอหลับไปเสียแล้ว ชายหนุ่มจึงค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วให้ตัวหญิงสาวเอนลงบนก้อนหินเบาๆ ส่วนตนเองก็เดินออกไปไม่ไกลนักเขามองซ้ายมองขวา โดยไม่กล้าเดินออกไปไกลก้อนหินนัก แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีมือมากระตุกเสื้อเขาเบาๆ
"จะทิ้งหม่อมฉันไว้คนเดียว!!!" หญิงสาวพูด เซอิจิยิ้ม พลางจับมือของเธอเอาไว้
"ไม่ทิ้งหรอก
" เขาบอก
"ข้าจะพาเจ้ากลับซูคัง
ไม่ทิ้งเจ้าไว้ที่นี่หรอก
เอาไว้ข้าจัดการพวกโจรตัวแสบพวกนี้เสร็จเมื่อไร
ค่อยจัดขบวนส่งเสด็จให้เจ้ากลับนากิใหม่" เขาบอก ซาไอก้มหน้าด้วยความเจ็บปวด
"หม่อมฉันไม่อยากกลับนากิ!!!" เธอพูดไปอย่างไม่ทันจะคิด เธอรีบใช้มือปิดปาก เซอิจิมองเธออย่างเศร้าสร้อย
"ข้าก็ไม่อยากให้เจ้ากลับ!!! อยากให้เจ้าอยู่กับข้า"
"หม่อมฉันก็อยากอยู่กับพระองค์
" เธอพูดไปหน้าแดงไป
"จริงหรือ?" เซอิจิเริ่มยิ้ม
"
.." หญิงสาวเงียบ
"เจ้าไม่ได้เกลียดข้าหรือ? ไม่ได้กลัวข้าหรือ?"
"ไม่
ไม่ไช่"
"แล้วทำไมถึงได้ชอบว่าข้าล่ะ
ข้านึกว่าเจ้าเกลียดข้าซะอีก" ทรงจับมือของหญิงสาวด้วยความยินดี
"เมื่อก่อนหม่อมฉันคิดว่าอย่างนั้น ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่
.หม่อมฉันหงุดหงิด
ช่วงนั้นเวียนหัว ฝันอะไรแปลกๆ พอเกิดเหตุการณ์อะไร ก็รู้สึกว่าเคยผ่านมาก่อน
." หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่ม เขายิ้มอย่างยินดี ยิ้มสดใสและจริงใจ ไม่เหมือนกับยิ้มอบอุ่นปนเศร้าที่เคยยิ้มให้เธอ ยิ้มครั้งนี้เหมือนเด็ก แต่เธอชอบยิ้มครั้งนี้มากกว่าครั้งไหนๆ
"หรือว่าเจ้าจะจำอดีตได้?" เซอิจิลูบปลายคาง เขาเหลือบตาไปมองซาไอที่กำลังคิดหนัก
"ไม่ต้องหรอก..เจ้าไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องรีบคิดอะไรทั้งนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องจำอดีตได้
ไม่ว่าเป็นยังไง ข้าก็รักเจ้า
" ทรงจูบหน้าผากของหญิงสาว
"หม่อมฉันไม่รู้ว่ารักพระองค์หรือเปล่า
" เธอพึมพำเหมือนกระซิบ
"แต่หม่อมฉันรู้ว่าหม่อมฉันอยากอยู่กับพระองค์
" เธอพูดอย่างเขินอาย เซอิจิกอดเธอด้วยแขนแน่น เขายิ้มกว้างจนเกือบเป็นหัวเราะ และคือการหัวเราะที่มีความสุขจริงๆ ในเวลาหลายปีที่ผ่านมา
.
"ไม่เป็นไรๆ สักวันข้าจะทำให้เจ้ารักข้า
หรืออย่างน้อยก็ทำให้เจ้ามีความสุขที่ได้อยู่กับข้า!!!" เขาบอก พลางใช้ปลายนิ้วปาดดินที่เกรอะหน้าหญิงสาว แสงสว่างเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า แสงอาทิตย์คงโผล่พ้นขอบฟ้าเร็วๆนี้
เซอิจิเริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆรอบตัว เขามองมันคล้ายคุ้นเคย และเพิกตาโต
"เรากำลังจะออกจากป่าแล้ว
ข้าจำแถวๆนี้ได้
" เขากอดไหล่ซาไอ
"และข้าจำได้ว่า มีหินผาที่สวยมาก
พระอาทิตย์จะขึ้นที่นั้น
" เขาหันมามองทางซาไอ
"เจ้าหายเจ็บเท้ารึยัง?
ไปดูกันไหม?" ซาไอยิ้ม เธอรีบกลับมาสวมรองเท้าของตัวเอง และวิ่งไปหาเซอิจิ ทั้งสองจูงมือกันไปยังผาที่ว่า มันเป็นแหลมยื่นออกไป ต่างจากผาอื่น เธอมองผาอยู่สักครู่ รอให้เซอิจิเรียก จึงจะเดินตามไป เซอิจิก้มตัวลงและชี้ให้ซาไอดูถึงทิศที่พระอาทิตย์จะขึ้น
ทั้งสองนั่งมองพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันอย่างเป็นสุข แสงระยิบระยับที่โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาทีละน้อยทีละน้อย จวบจนกระทั้งดวงอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นมา คงจะเป็นอย่างนี้ไปตราบชั่วนานเท่านานที่โลกยังคงมีอยู่ในสุริยะจักรวาล
ทั้งคู่สบตากันและยิ้มให้กัน รู้สึกเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก ลืมความหนาวเย็นของเสื้อผ้าที่ยังเปียกชื้น ลืมบาดแผล และความเหน็ดเหนื่อย เซอิจิเอื้อมมือไปจับไหล่ซาไอ แต่แล้วเขาก็ตั้งสติได้
เขาหลับตาและเบือนหน้าออก
"อย่าเลย" เขาหลบตา
"อย่าให้ข้ามองตาเจ้า
มันจะทำให้ข้าอยากอยากจูบเจ้า" หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ เธอเม้มปาก ในทรวงอกใจเต้นแรง
"ไม่เห็นเป็นอะไรเลย
" เธอพูดอย่างตกประหม่า และไม่รู้ว่าพูดออกไปได้อย่างไร ทั้งๆที่กระดากอายอย่างกับอะไรดี!
"ยังไงหม่อมฉันก็จะเป็นราชินีของพระองค์แล้วนี้
." เธอพูดอ้อมแอ้ม ขณะที่ใช้ปลายนิ้วเสยผม และจับปลายนิ้วของชายหนุ่มเอาไว้ เขามองหญิงสาวอย่างเคร่งขรึมพลางใช้มือปัดผมที่เหลือออกไปไว้หลังไหล่
"ซาไอ
แต่งงานกับข้าเถอะ
" ทรงพูดอย่างเอาจริงเอาจัง หญิงสาวยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ทำทีใคร่ครวญต่อคำถามทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจ
"
เพค่ะ
" เธอตอบ เซอิจิยิ้มให้กับหญิงสาว
"อืม~แล้วเราจะมีลูกกันสักกี่คนดี?" ทรงเย้าแหย่
"ไม่ทราบเพค่ะ
" หญิงสาวว่า "คงเท่ากับที่ทรงจูบหม่อมฉันกระมัง
"
"งั้นก็แย่สิ!!!" ทรงแกล้งอุทาน
"อย่างนั้นข้าก็จูบเจ้าได้ไม่เกิน 6 ทีล่ะซิเนี่ย
." ทั้งคู่หัวเราะคิกคักให้กัน และแล้วก็จุมพิตกัน ทรามกลางแสงอาทิตย์แรกของวันและน้ำค้างยามเช้า
หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวงแล้ว ซาไอใช้มือจับเสื้อนอกที่กลายมาเป็น 'ผ้าพันแผลจำเป็น' เบาๆ แม้ว่าเต็มไปด้วยเลือดแต่ถ้าเป็นเลือดของเซอิจิเธอไม่รังเกียจเลย
"ตอนโดนแผลนี้เจ็บมากไหมเพค่ะ?" เธอถาม
"อืม
ก็ไม่มากนัก โชคดีที่มีเครื่องรางของจิเคตะ" เขาจับมันอีกครั้ง
"หม่อมฉันขอดูหน่อยสิเพค่ะ
" ซาไอขอร้อง เซอิจิหยิบเครื่องรางที่ว่าออกมา มันเป็นแผลไม้สี่เหลี่ยมที่เคลือบด้วยยาง ฉาบด้วยขี้เลื่อยของไม้หอม ก่อนจะเขียนตัวอักษร และประแจะปลุกเสกลงไป
"มันเปื้อนเลือด
เจ้จะจับรึ?" เขาถาม พลางยกเครื่องรางให้ห่างมือหญิงสาว เผื่อเธอเปลี่ยนใจ
"เพค่ะ
" ซาไอยืนยัน เซอิจิจึงจำส่งเครื่องรางให้เธอ หญิงสาวนำมันไปพลิกดูอย่างนึกสนุกใจที่ได้จับของแปลก เลือดของเซอิจิที่ยังไม่แห้งเปื้อนเกรอะเต็มมือหญิงสาว แต่เธอไม่ได้สนใจ
ซาไอส่งเครื่องรางคืนให้เซอิจิ ทั้งสองลุกขึ้นแล้วตั้งใจเดินกลับจากผา แต่เมื่อหญิงสาวจะก้าวขาเดิน เธอกลับทรุดตัวลงไป เหมือนขาไม่มีแรง!!!
"ซาไอ!!! เป็นอะไร?
" เขาปราดเข้าไปพยุงหญิงสาว
"ป
เปล่าเพค่ะ" เธอบอก พลางลองลุกขึ้นใหม่ คราวนี้เหมือนถูกตบศรีษะให้มึน!!!
"เจ้าต้องเป็นอะไรแน่ๆเลย รู้สึกยังไง?" เซอิจิถามอย่างเอะใจ เขาวางมือลงบนหน้าผากหญิงสาว
"มึนหัว
.เวียนหัว
..เห็นภาพอะไรก็ไม่รู้เพค่ะ เยอะแยะเลย!!!" ซาไอหลับตาแน่น พลางใช้มือกุมศรีษะ
"ไปตรงก้อนหินดีกว่า ตรงนี้อันตราย
" ว่าแล้วเซอิจิก็พยุงหญิงสาวกลับไปยังก้อนหินใหญ่ หลังจากเธอนั่งลง เขาก็นั่งและหันในทิศตรงข้ามกับเธอ
"ซาไอพูดไหม?"
"ไหวเพค่ะ
"
"ถ้าอย่างนั้นตอบคำถามข้าหน่อยน่ะ
ตอนนี้รู้สึกเป็นยังไง?"
"ไม่เวียนหัวแต่เจ็บ
เหมือนมีอะไรจะแทงออกมา
" เซอิจิจับไหล่ซาไอด้วยความสงสาร ตอนนี้เธอกุมศรีษะแน่น เขาอยากจะทิ้งเธอไปเก็บยา แต่คงไม่ได้ป่านี้อันตรายยิ่งนัก ปล่อยห่างไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มได้แต่กอดร่างนางอันเป็นที่รักไว้ในอ้อมอกเท่านั้น แรงกำเสื้อของเขา ทำให้พอเข้าใจได้ว่า อาการนี้เจ็บปวดเท่าไร
น้ำตาเล็ดออกจากดวงตาคู่งาม เสียงร้องไห้กระซิก เป็นสิ่งทิ่มแทงใจชายหนุ่ม หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นอย่างเจ็บปวด
จู่ๆแล้วเธอก็ผละออกจากอกชายหนุ่ม เดินออกจากที่นั้นไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลง กุมขมับอย่างเจ็บปวด เซอิจิทรุดเข่าลง จับร่างนั้นให้แน่น อยากจะเจ็บปวดแท้หญิงสาว ยิ่งเธอกรีดร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสแล้ว ใจของเขานั้นถูกบ่นขยี้ให้แตกกระจาย
หญิงสาวทั้งหวีดร้องและดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดสักพักใหญ่ เธอก็ลุกขึ้นหอบอย่างเหนื่อยอ่อน
เซอิจิประคองเธอกลับมาที่ก้อนหินใหญ่ เขาไม่ได้ถามอะไร เพียงได้ปาดเหงื่อที่โทรมใบหน้า หลังจากซาไอมาหายใจปกติ เขาก็ถามขึ้น
"ซาไอเป็นอะไรไหม?" เขาถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ซาไอแหงนหน้ามองเขา เพียงมองครั้งเดียวเขาก็ชะงักทันที!!! นัยน์ตาคู่นี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ซาไอเมื่อสักครู่
"ท่านเซอิจิ
หม่อมฉันจำได้
"
"จำได้!!! เจ้าจำอะไรได้?"
"จ
จำ" เธอสูดหายใจ
"จำได้ว่ามิโดริทำไสยศาสตร์ข้า
จำได้ว่าพระองค์ช่วยข้า และให้ขี่คุโระผ่าสายหมอก แล้วหม่อมฉันก็เจอผู้หญิงคนหนึ่ง ที่จะให้หม่อมฉันฆ่านาง แต่หม่อมฉันไม่ทำ นางเลยฟาดดาบใส่หม่อมฉันและ
และนางก็เอาดาบแทงตัวเอง หลังจากนั้นเลือดก็กระเซ็นใส่หม่อมฉัน แล้วหม่อมฉันก็จำอะไรไม่ได้อีก
"
"มีแค่นี้หรือ? แล้วมีอะไรอีกบ้าง?"
"มี
" ซาไอก้มหน้าอย่างเขินอาย
"หม่อมฉันจำได้ว่าพระองค์จุมพิตหม่อมฉันเมื่อสักครู่นี้
." เซอิจิหัวเราะเบาๆ พลางโอบรอบศรีษะของหญิงสาวมาซุกที่อกของตน
"ไม่ต้องรีบ
ซาไอ ตอนนี้เจ้าจำได้แค่นี้ ค่อยๆนึกไปเรื่อยๆ" ชายหนุ่มปลอบประโลมอย่างรักใคร่
"พระองค์
."
"?"
"หม่อมฉันง่วงแล้วเพค่ะ
" หญิงสาวอ้อนเบาๆ เซอิจิยิ้มให้เธอ พลางโน้มศรีษะเธอลงบนตัก
"ขี้อ้อนจริงเชียว
." เขาใช้ปลายนิ้ววางลงจมูกเธอเบาๆ "นอนเถอะ ซาไอ
เรายังต้องเดินทางต่อ
.และชีวิตของพวกเรา ก็ไม่จบเท่านี้หรอก
"
"พระองค์
"
"อะไรรึ?"
"หม่อมฉันคิดว่า หม่อมฉันคงรักพระองค์แล้วเพค่ะ
"
"ฮึๆ ดีแล้ว" เซอิจิหัวเราะอย่างเป็นสุข
ม้าตะลุยเสียฝุ่นตลบ 5 ขันพลไม่พะวงเลือกทหารหรืองครักษ์ด้วยซ้ำ จะว่าไปแล้วพวกเขายังไม่นัดแนะกันด้วยซ้ำ ต่างคนต่างติดตามไปกันเอง เมื่อพวกเขามาพบกับซากขบวนเสด็จ พวกเขาก็ต้องค้นหาตามซากว่ามีนายของพวกเขาอยู่หรือไม่? และเมื่อไม่พบก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยแต่จิเคตะก็ปากสว่างบอกว่า ไม่แน่ซาไออาจถูกฉุด!
สรุปว่าด้วยประโยคนี้อีก 3 ขุนพลต้องร่วมกันห้ามทัพไม่ให้ทั้งคู่ตีกัน กว่าจะห้ามทัพได้ ก็เล่นเอาหมดเวลาไปนานพอสมควร ทำให้ทั้งหมดจะต้องพักแรม โดยที่ล่าช้าไปโดยปริยาย
ในวันรุ่งขึ้น ทั้ง 5 ก็ออกเดินทางตามรอยม้าอีก พวกเขาตามหาทั่วในทางและป่า เสียงตะโกนร้องเรียก ม้าควบออกและวิ่งเหยาะผลัดกันไป อากิโกะขี่ม้าแหวกไปตามพงไม้ เธอมองซ้ายมองขวา เรียกชื่อของนาย จนไม่ได้ดูทาง ม้าเกิดสะดุด หญิงสาวเกือบหน้าคะมำ แต่มีมือหนึ่งมาดึงเอาไว้เสียก่อน
"เฮอะ! ซุ่มซ่าม" น้ำเสียงอย่างนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร
"ไม่มีที่ไปหรือไง? ต้องตามข้ามาน่ะ จิเคตะ!!!" เธอกล่าวอย่างฉุนเฉียว ไม่พยายามมองหน้าคนช่วยเหลือ
"เฮอะ
มีแต่ไม่ไป
ช่างเถอะ
คิดว่าตัวเองเบานักเรอะ ยืนเองได้แล้ว!!!" คนผมแดงว่า อากิโกะกระชากแขนออกไป
"แล้วช่วยทำไม?"
"ใครว่าช่วย..ข้าสงสารม้าต่างหาก เกิดเจ้าล้มหน้าคะมำ มันไม่ล้มไปกับเจ้าด้วยหรือ? เฮ้อ
สงสารมันแย่
" อากิโกะหันขวับมามองคนผมแดงที่ยิ้มเยาะ
"ถ้าเจ้าไม่ดึงข้าไว้ ไม่แน่ข้าอาจกลับตัวทันก็ได้
" หญิงสาวรั้น
"งั้นก็ช่วยไม่ได้ที่ข้าเผอิญมาทางเดียวกับเจ้า"
"ดี อย่างนั้นข้าจะไปทางอื่น" ว่าแล้วหญิงสาวก็ชักม้ากลับ แต่เมื่อหันกลับไป ชายหนุ่มก็ยังตามอยู่
"ตามข้า
" เธอพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ "หรือว่าจะหลงรักข้าเสียแล้ว ห่างข้าไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะ?"
"อือ
" จิเคตะรับ "คงจะอย่างนั้น" อากิโกะถอนใจอย่างหมดความอดทน
"งั้นรึ? แต่เสียใจด้วยน่ะ!!! ข้าไม่อยากมีลูกเป็นคนผมแดงเสียด้วยสิ"
"เจ้าอยากมีลูกเป็นคนผมดำอย่างเจ้ามาโซยะรึ?" จิเคตะถาม หญิงสาวชักม้ากลับมาเผชิญหน้าเขา ทั้งสองคนมองหน้ากัน
"ทำไมถึงได้ละลาบละล้วงเรื่องข้านัก!!!" เธอตวาด
"ไม่ได้อยากแค่พูด อยากลงสนามจริงเลยด้วย
" เขาพูด พลางยกมือขึ้นเสยผม
"ไร้ยางอาย!!!" อากิโกะว่า
"เจ้าก็พอกัน"
"แต่ข้าเป็นนินจา
"
"อาฮ้า
ข้ารู้ใบหน้าแท้จริงภายใต้หน้ากากนินจาของเจ้าแล้ว แม่หญิงขี้อาย" จิเคตะล้อเลียน แต่ก่อนจะพูดอะไรต่อ ดาวกระจายอันใหญ่ก็ซัดมาเฉียวลำคอของเขาไป!!!
"หยุดพูดเสียที! ไม่งั้นจะบอก
จะบอกท่านเซอิจิ บอกมาโซยะ โดยเฉพาะท่านเซอิจิ พระองค์เอาเรื่องเจ้าแน่!"
"อ้อ
ขี้อายแล้วยังขี้ฟ้องด้วย จะฟ้องมาโซยะ อ้อ..ที่แท้เจ้าชอบมาโซยะ"
"ไม่ได้ชอบ!! แต่ถ้าให้เลือกระหว่างเจ้ากับเขา ข้าเลือกมาโซยะ เขาเรียบร้อยน่ารักกว่าเจ้าเยอะ" จิเคตะ ควบม้าเข้าไปหาอากิโกะ แล้วจ้องเธอใกล้ๆ
"แต่ถ้าลองเลือกข้าดู
เจ้าอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้" เขาพูดด้วยเสียงลุ่มลึก เจ้าเล่ห์ อากิโกะยิ้มเยาะ
"เสียใจ ข้าไม่อยากใช้ของอะไรร่วมกับมิโดริ" อากิโกะปฏิเสธพลางเบือนหน้ามองไปทั่วๆบริเวณ แต่เมื่อหันกลับมา ก็ถูกดึงตัวเข้าหาคนผมแดง
"จะจูบข้าเรอะ ฝันไปเถอะ!!!"
"ไม่ได้จูบ ลงจากม้าก่อน" ว่าแล้วคนผมแดงก็ลงจากม้าอย่างรวดเร็ว ต่างคนต่างชักอาวุธออกมา
"ใคร? ออกมาได้แล้ว" คนผมแดงว่า ร่างเร้นภายใต้พุ่มไม้ ก้าวออกมาหลายสิบคน
"พวกบุกรุก มีอะไรส่งมาให้หมด รวมทั้งผู้หญิงของเจ้าด้วย!!!" โจรหนึ่งในนั้นตวาด จิเคตะควบดาบพลางยักคิ้วอย่างกวนๆ
"ไม่มีวันซะหรอก อ้อ
แล้วแม่นี่ก็ไม่ใช่ของข้าหรอกน่ะ" เขาพูดพลางเอาดาบพาดไหล่ เมื่อเห็นพูดไม่รู้เรื่อง พวกโจรก็ล้อมกันเข้ามา และก็ยกดาบเตรียมฆ่าฟัน แต่เพียงชั่วพริบตา ระบำดาบของจิเคตะ และวิชาของอาเกกินารุซาวะก็ถูกปล่อยออกมา เพียงชั่วพริบตาเหล่าศัตรูผู้ท้าชิงก็ล้มตายเกลื่อน ทั้งที่ชายผมแดงและหญิงสาวยังคงแกว่งอาวุธสบายใจ
"แหม
กระจอกจริงๆ
"
"ไม่ได้ออกแรงเลยแฮะ!!!" ว่าจบก็มีเสียงวิ่งเข้ามาอีก ทำให้ทั้งสองต้องตั้งอาวุธ
"อ้าวอยู่นี้เอง!!!" เดเอคิพูด "หยิบดาบขึ้นมาทำไม ไปตามหาท่านเซอิจิต่อเถอะ" เขาว่าพลางเดินส่ายหน้าออกไปเมื่อเห็นทั้งสองถืออาวุธแข็งขัน คนทั้งสองหัวเราะในลำคอ
"ข้าก็เก่งน่ะ ดูใหม่เสียล่ะ!!!" ว่าจบจิเคตะก็โอบหญิงสาวเข้าไปหอมแก้มโดยที่หญิงสาวไม่ได้ตั้งตัว แล้วเดินจากไป ฝ่ายอากิโกะที่ยืนงงๆอยู่ข้างหลัง
ม้าออกเดินทางอีกครั้ง ขณะที่กำลังจะเช้า เสียงร้องเรียกชื่อของเซอิจิและซาไอดังไปทั่วบริเวณ
"ซาไอ!!! ท่านเซอิจิ!!!" มาโซยะร้องเรียก พลางเงี่ยหูฟัง
"อยู่นี้!!!" ทั้ง 5 สะอึก
"ได้ยินไหม?"
"อือ"
"อยู่นี้
"
"เสียงท่านเซอิจินี้" อากิโกะพึมพำ แล้วควบม้าไปตามเสียง เธอกระโจนม้าผ่านพุ่มไม้ลงไปยืนอยู่บนพื้น แล้วก็ได้พบร่างของทั้งสองที่อยู่บนโขดหิน
"ท่านเซอิจิ!!!" อากิโกะร้องอย่างยินดี ไม่นานนักม้าอีก 4 ตัวก็กระโดดตามลงมา ทั้งหมดทำท่าจะเรียกชื่อนาย แต่เซอิจิวางมือไว้ที่ปากเป็นสัญญาณให้เงียบ
"เบาๆหน่อย ซาไอหลับอยู่
" เขาบอก ทั้ง 5 ได้แต่ยักไหล่ให้กัน หลังจากนั้น ไม่นานทั้งหมดก็กลับซูคัง
โควตะพับจดหมายเล่าเรื่องที่ส่งมาจากซูคัง ซาไอนั้นถูกเลือดจากเซอิจิทำให้จำเรื่องราวได้บ้าง ตอนนี้ทั้งหมดได้ค่อยๆช่วยให้เธอจำเรื่องราวได้เพิ่มทีละนิด
แล้วเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งคู่ก็แต่งงานกัน แล้วสถาปนาซาไอขึ้นเป็นราชินี
โควตะยิ้มเศร้าๆ เขาแหงนใบหน้ามองไปข้างหน้า ตั้งแต่พระนางฮิโตมิหายไปทิ้งไว้แต่จดหมายฉบับน้อยเอาไว้ เขาก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เที่ยวตามหานางเสียจนทั่วก็หาไม่เจอ สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้เลยตามเลย
มาคุเห็นเจ้านายเศร้า ทั้งเสียน้องสาว แล้วยังเสียแม่ไปอีก เขาตัดสินใจบอกให้พระองค์ยกขบวนเสด็จไปรับนัตสึกิ โควตะอ้ำอึ้งอยู่ชั่วครู่ เพราะตอนนั้นกำลังตามหาพระนางฮิโตมิอยู่
มาคุอ้างว่า พระนางฮิโตมิไม่ยินดีแน่ที่ทำให้เขาเศร้า โควตะจึงตัดสินใจยกขบวนเสด็จไปด้วยตัวเอง เพื่อไปรับนัตสึกิ ขบวนเสด็จไปถึงเมืองไรโบเซ็น ชายหนุ่มเห็นเหล่าผู้คนมารับขบวนเสด็จ สายตาของเขาสอดส่ายหาแต่เพียงนัตสึกิ เจ้าเมืองวารางิลงมารับราชาโควตะด้วยตนเอง และเชิญราชาคนใหม่ไปยังที่พัก เขาจำต้องรับเชิญตามมารยาท ท่าทางเจ้าเมืองประหม่าพอดูที่การกลับมาของแม่ทัพโควตะกลับกลายเป็นราชาโควตะเสียนี่!!!
สถานที่โควตะเข้าพักนั้น เป็นที่หรูหราที่สุดในเมืองที่จะหาได้ พอในตอนเย็นก็มีการจัดงานเลี้ยงใหญ่โตต้อนรับราชาโควตะ กว่าจะเสร็จสิ้นก็ดึกดื่น
"ท
ท่านโควตะ อึ้ก*! โอ๊ย! ข้าน้อยเมาจริงๆนะเนี่ย" มาคุพูดพลางขยี้ตา โควตะมองร่างองคมนตรีที่ฟุ้บลงกับโต๊ะ โควตะดื่มเหล้าอีกนิดหน่อย ก่อนตัดสินใจลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินเลี่ยงออกไปจากงานเลี้ยงที่วุ่นวาย เขากำลังจะก้าวออกจากประตู
"จะไปไหนพะยะค่ะ
." อังโคขุที่ยืนพิงประตูอยู่ทัพขึ้น อีกด้านคือจิโฮยืนอยู่ โควตะมองทั้งคู่
"ข้าอยากไปหานัตสึกิ
." เขาตอบ อังโคขุคนเยือกเย็นโคลงศรีษะ
"อ้อ
" อังโคขุพยักหน้า
"จิโฮ พาพระองค์ไปหานัตสึกิที
" จิโฮรับคำสั่งพี่ใหญ่ เขาเดินนำโควตะออกไป
"ตอนแรกข้าพระองค์คิดว่าจะทรงลืมนัตสึกิเสียอีก
"
"งั้นหรือ
"
"วันที่ข่าวมาถึงว่า พระองค์ขึ้นครองราช นัตสึกิก็เตรียมทำใจจากพระองค์เลย"
"ฮึๆ คิดมากไปเอง ข้าไม่มีวันทิ้งนางหรอก"
"แล้วนางก็ร้องไห้ทั้งวันเลย นางเศร้ามาก ตอนนั้น
" จิโฮมาหยุดที่หน้าห้องแห่งหนึ่ง โควตะจำได้ มันคือห้องของนัตสึกิ
"พอนางรู้ว่าทรงจะมาหานางโดยเฉพาะ นางก็ดีใจมากเลย" จิโฮจับบานประตู แล้วผลักบานประตูออกไป
โควตะจ้องมองเข้าไปในห้อง
แต่ปรากฎว่าห้องว่างเปล่า!
"นัตสึกิ!!!" จิโฮร้องอย่างตกใจ โควตะตะลึงไปชั่วครู่ แต่แล้วเขาก็ตั้งสติได้
เมื่อได้เสียงขลุ่ยจากสวนท้อ ชายหนุ่มยิ้มให้กับตัวเองพลางย่างเดินออกไปทันที เสียงขลุ่ยยังดังเรื่อยๆ ทำนองเพลงทั้งยินดี และตื้นตันใจ เขาเดินไปตามกำแพง ไปยังประตู โควตะยืนอยู่ที่ประตู หญิงสาวของเขาใส่ชุดสวยงาม ใบหน้าแต่งด้วยเครื่องสำอาง แม้มันจะซีดลงไปบ้าง แต่ในสายตาของเขา เธอยังงดงามเสมอ ภู่หมวกของเขา เธอเหน็บมันเอาไว้ที่ผ้าคาดเอว เพลงขลุ่ยหยุดลง เสียงตบมือของเด็กทั้งสามดังเปาะเปะ ทั้งสามโตขึ้นมากทีเดียวจากเมื่อ 2 ปีก่อน นัตสึกิยิ้มให้กับพวกเขา ทั้งสามนั่งอยู่ข้างๆนัตสึกิ
"พวกเจ้าไม่คิดอยากไปนอนหรือ? จะเที่ยงคืนแล้วน่ะ
"
"ไม่ครับอาจารย์" ซันจิตอบ
"พวกเราอยากเห็นท่านโควตะครับ
เห็นว่าเขาเป็นราชาแล้วน่ะครับ" โชนิจับมือของนัตสึกิแล้วเขย่า
"ถ..ถ้า ทามะ เอ๊ย! ท่านโควตะแต่งงานกับอาจารย์
.อาจารย์ก็เป็นราชินีสิครับ!!!" ไอซาโน่ร้องขึ้น โควตะเห็นหน้าของนัตสึกิเป็นสีเข้มขึ้นเล็กน้อย
"ไม่รู้สิจ๊ะ
" เธอทำท่าลังเล
"บางทีท่านโควตะอาจไม่ตั้งอาจารย์เป็นราชินีก็ได้" เธอพูดอย่างไม่แน่ใจ
"ไม่หรอกครับ!!!" โชนิส่ายหน้า "อาจารย์ใจดีจะตาย
ข้าได้ยินมาว่าราชินีจะต้องใจดีมีเมตตา อาจารย์มีใจดีอย่างหนึ่งแล้ว ก็ชนะไปครึ่งหนึ่งแล้ว"
"ใช่แล้ว
." โควตะเดินเข้ามา "ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องตั้งนัตสึกิเป็นราชินีอยู่แล้วล่ะ" เขาพูด ทั้งหมดหันมามอง เด็กๆมองโควตะอย่างตื่นเต้น
"ท่านโควตะ
" เด็กๆวิ่งเข้าไปหา
"สวัสดีขอรับทุกคน!!!" โควตะทรุดลงนั่ง
"โควตะเป็นพระราชาจริงๆเหรอ ว้าว!!! ชุดสวยสุดๆเลยล่ะ" โควตะพูดหยอกล้อทักทายกับโควตะสักครู่ สุดท้ายนัตสึกิก็บอกให้เด็กๆไปเตรียมตัวนอน แล้วบอกว่าเธอต้องการคุยกับโควตะ
.
"ราชาโควตะ
" เธอถวายบังคม เมื่อเด็กๆไปกันหมดแล้ว โควตะจับตัวเธอขึ้นแล้วกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน
"ผอมไปเยอะ!!!" เขาพูดแกมดุอย่างรักใคร่ นัตสึกิยิ้มให้เขาอย่างยินดี
"นึกว่าพระองค์จะลืมหม่อมฉันเสียแล้ว" เธอกัดริมฝีปาก
"แต่ข้าก็มารับแล้วนี่นา" โควตะจูบปลายจมูกหญิงสาว
"เรียกข้าอย่างเดิมเถอะ
นัตสึกิ" เขากอดเธอไว้อย่างรักใคร่ พลางจุมพิตทั้งที่หน้าผาก และโหนกแก้ม ใช้ปลายนิ้วสางผมที่ปรกหน้าออกแล้ว ก่อนจะยกตัวเธอขึ้นอุ้มไปนั่งที่ใต้ต้นท้อเมื่อสักครู่
.
"เจ้าเมืองใจร้ายจริงๆเลย ไม่ยอมให้ข้าเจอท่านเลย
" เขาล้มลงหนุนตักของหญิงสาวโดยพลการ แล้วใช้แขนโอบรอบเอวอย่างถือสิทธิ์ นัตสึกิขัดขืนเล็กน้อยตามมารยาทแต่ก็ต้องยอมตาม
"นัตสึกิข้าคิดถึงท่านจริงๆ!!!"
"ข้าก็คิดถึงท่านเหมือนกัน
." ชายหนุ่มได้ที ดึงมือนัตสึกิมาจูบ
"นัตสึกิ
"
"ค่ะ
"
"ข้ารักท่าน รักมากจริงๆ
แต่งงานกันน่ะ!!!" หญิงสาวหน้าแดง โควตะเห็นท่าทีอย่างนั้น รีบยกมือขึ้นลูบแก้มหญิงสาว
"ถ้าไม่ตกลง
ข้าจะไม่ลุกขึ้น" เขาขู่
"ค่ะ
." นัตสึกิรับคำให้กับโควตะ สบตากัน โควตะลุกขึ้นอย่างยินดี เขาจับใบหน้าของหญิงสาวเข้ามาใกล้ ใช้จมูกชนกับหญิงสาว
"รักข้าไหม?" โควตะถามทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ หญิงสาวพยักหน้า
"ไม่เอา! พูดสิ"
"รักค่ะ
" โควตะยิ้มพลางกอดนัตสึกิเอาไว้ในอ้อมแขน แสงจันทร์ทอประกาย 2 ร่างภายใต้แสงจันทร์
"เราจะกลับเมืองหลวงกัน
ไปอยู่ด้วยกันตลอดไป
."
fin.
|