|
บัดนี้ผ่านมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว ในค่ายทหารกองทัพกู้ชาตินากินั้นแสนจะเงียบเหงา เนื่องจากแม่ทัพคนสำคัญได้หายไป แล้วก็ไม่รู้ว่ากองทหารจอมลือไปเอาข่าวจากไหนลือกันว่าซาไอรู้ตัวว่ากองทัพจะแพ้เลยแอบหนีไปเสียก่อน ทำให้กองทหารเสียขวัญเป็นอันมาก ความเงียบคงกำลังแพร่ขยายสู่จวนแม่ทัพ หากไม่มีม้าเร็วมาบอกข่าวดีเสียก่อน
"จริงหรือ!!!" โควตะแทบลังกาหลังสัก 5-6 รอบ
"ขอรับ ท่านมาโซยะกำลังไปรับกลับมา อยู่ตรงชายป่านี่เอง" ม้าเร็วรายงานอย่างยินดี เขานึกดีใจเหมือนกันที่ข่าวลือไม่เป็นจริง
"ดีๆ ข้าอยากรู้จริงๆว่าซาไอหายไปไหนมา เดี๋ยวไปกันเลย!!!" โควตะเอ่ยอย่างยินดี แต่กว่าที่จะทำอะไรต่อเซอิจิก็ปราดเข้ามาในกระโจม เขาหอบอย่างเหนื่อยอ่อน
"ขอร้อง ท่านแม่ทัพขอข้าไปด้วย" เซอิจิบอก โควตะยิ้มให้เซอิจิอย่างอ่อนโยน
"ได้สิพะยะค่ะ ท่านเซอิจิ" แม่ทัพใหญ่ว่า แล้วสวมผ้าคลุมเข้ากับเกราะ
"ไปรับซาไอด้วยกัน!!!" โควตะเดินนำเซอิจิออกนอกกระโจม ก่อนที่กษัตริย์หนุ่มจะสาวเท้าตามไป
..
ทั้งสองนั้นควบม้านำหน้าทหารที่ติดตามราว 500 คนมา ไปยังชายป่า ภาพที่โควตะเห็นช่วยตื่นตระหนกยิ่งนัก ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงเซอิจิเลยที่กระโดดลงจากหลังม้าแทบในทันที แล้วตรงลี้ไปหาซาไอที่มาโซยะกำลังพยุงอยู่ สภาพของซาไอนั้นมีอาการบาดเจ็บมากมาย ตั้งแต่รอยดาบที่ฟันเป็นแผลยาวที่กลางหลัง แต่ส่วนมากจะเต็มไปด้วยรอยถลอกเสียมากกว่า เซอิจิใช้แขนโอบรอยต้นขาของหญิงสาวแล้วออกแรงอุ้มขึ้น ซึ่งมาโซยะก็ยอมปล่อยให้เป็นหน้าที่เซอิจิ เซอิจิยกหญิงสาวขึ้นบนหลังเกวียนที่เตรียมมา เขาลูบหน้าผากหญิงคนรักอย่างเป็นห่วงเป็นใย ก่อนที่ม้าเทียมเกวียนจะควบออกไป
"เจ้าไปพบนางไปอย่างไร?" โควตะหันมาถามมาโซยะ มาโซยะเงยหน้าครุ่นคิด
"นางหนีออกมาน่ะสิ ออกมาจากเมืองหลวง ตอนนั้นข้าเผอิญไปอยู่แถวนั้นพอดี ขี่ม้ามาสลบต่อหน้าต่อตาเชียว" มาโซยะว่า อันที่จริงมันก็ไม่ถูกทั้งหมดหรอก เขาตั้งใจสะกดรอยไปต่างหาก ใครจะยอมให้นายตัวเองไปเสี่ยงชีวิต ซาไอนี่แผลงฤทธิ์ได้เก่งจริงๆ มาโซยะก็ไม่รู้ว่าซาไอหายไปในเมืองหลวงได้อย่างไร? แต่ที่แน่ๆ มันเป็นบทเรียนราคาแพงว่าเขาจะไม่ยอมให้ซาไอคลาดสายตาไปไหนอีก
.
ร่างของหญิงสาวถูกนำกลับสู่ค่าย ซาไอที่มีรอยถลอกปอกเปิกทั้งตัว สาวใช้วิ่งวุ่นกันอลหม่าน เพราะนายกลับมาในสภาพไร้สติ หลังปิดห้องทำแผลไปพักใหญ่ เหล่าแม่ทัพหนุ่มก็มานั่งล้อมวงกันในกระโจมอย่างเคร่งเครียด ไม่การสนทนา ไม่มีเสียงเฮฮา มีแต่การเม้มปาก ขมวดคิ้ว และกุมขมับกันอย่างเคร่งเครียด
*ปัง!!!! *
"ซาไอ ไปในเขตเมืองหลวงทำไม? แล้วทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้!!!!" โควตะทำลายความเงียบขึ้นเป็นคนแรก พลางกวาดสายตามองนายทัพทุกคน ทำเอาหลายคนสะดุ้ง บางคนเงยหน้ามองแม่ทัพใหญ่ บ้างก็เพียงแต่ชายตา อย่างเช่น ซาโอะ ที่นั่งทำกลเชือกอย่างเคร่งเครียด ปรายตามองแม่ทัพใหญ่แว่บเดียวก็หันกลับไปสนใจเชือกในมือตัวเองต่อ แต่คนที่อาการหนักที่สุดคงจะเป็นเซอิจิที่ไม่สนใจอะไรเลยสักอย่าง
.เขาใช้นิ้วชี้ดุนหน้าผาก นิ้วหัวแม่มือนวดขมับ เม้มปาก และสวดภาวนา
"เมืองหลวง
เมืองหลวง
จัดการมิโดริหรือเปล่า?" อำมาตย์โทงาริทักขึ้น โควตะก็ส่ายหน้าช้าๆ
"ข้ารู้ว่าซาไอมักทำอะไรที่พวกเราคาดไม่ถึงแล้วฤทธิ์บ้าก็เยอะ
.แต่คงไม่บ้าถึงขนาดบุกเมืองหลวงคนเดียวหรอก" เขาว่า
"แต่ข้าว่าเป็นไปได้น่ะ
" มาโซยะที่หลบอยู่มุมกระโจมเอ่ยแสดงความคิดเห็นขึ้นบ้าง
"ซาไอเป็นคนมั่นใจในตัวเอง แผนนี้นางคงวางไว้แล้วเพียงแต่คงเกิดเหตุผิดพลาดอะไรขึ้น ถึงได้กลับมาในสภาพนี้!!!" มาโซยะยืนยันอย่างแข็งขัน ราวกับเห็นด้วยตา จากนั้นเสียงพึมพำยกใหญ่ของเหล่าแม่ทัพนายกองก็ดังขึ้น ข้ามหัวเซอิจิไปๆมาๆ กษัตริย์หนุ่มได้ได้มองพื้น และกลอกตามองแม่ทัพเหล่านั้นเป็นบางครั้ง แต่เขาไม่รู้เลยว่าแม่ทัพทุกคนรอให้เซอิจิพูดอยู่ เพราะใครๆก็รู้ว่าวันก่อนซาไอหายไป
เธอได้ไปหาจิเคตะ ผู้เป็นอาจารย์ของเซอิจิ ในเมืองหลวงก็มีมิโดริ มารดาบุญธรรม ของเซอิจิอยู่ แล้วซาไอก็เป็นคนรักของเซอิจิด้วย!!! สรุปว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับเซอิจิที่สุด
.
เซอิจินั่งเงียบอยู่นาน ลดมือที่กุมขมับมาเท้าไว้ที่หัวเข่า เสียงพึมพำยังไม่ซาลง ในที่สุดเซอิจิก็พึมพำออกมาเบาๆ
แต่นั้นได้ผลเกินคาด แม่ทัพทุกคนหันขวับมาหาเขาทันที(เนื่องจากรอให้พูดมานานแล้ว) ทุกปากเงียบเสียงลง และแทบจะวินาทีเดียวกันที่แม่ทัพนายกองทุกคนถามขึ้นว่า
"อะไรน่ะ?"
เซอิจิเงยหน้ามองแม่ทัพทุกคนอย่างงงๆ ที่พูดพร้อมกันราวกับนัดกันมา
"อ้อ
" เขายืดหลังตรงเพราะเกร็งที่ทุกคนหันจุดสนใจมาที่ตนเองทั้งหมด
"หมายถึงที่ข้าพูดเมื่อตะกี้น่ะหรือ?" แม่ทัพทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน(อีก)ราวกับนัดกันมา
"ข้าบอกว่า
ข้าอยากไปดูซาไอหน่อยน่ะ
.ขอตัวขอรับท่านแม่ทัพใหญ่" ว่าแล้วเซอิจิก็ลุกพรวดค่อมกายตามมรรยาทแล้วก้าวออกไป แม่ทัพต่างหลีกทางให้ออกไป หลังจากเซอิจิออกไปแล้ว สักพักต่อมาเมื่อทุกคนเริ่มคืนสติสะตัง โควตะก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางทรุดตัวลงบนเก้าอี้แล้วนวดขมับเบาๆ
"นัตสึกิ
" เขาพึมพำ
"อะไรน่ะขอรับ?" มาคุถามขึ้น โควตะพูดอะไร กิๆ
นากิหรือเปล่า?
"เปล่าหรอก
อย่าสนใจเลย" โควตะตัดบท
"เลิกประชุม
ไปพักผ่อนเถอะ พอซาไอฟื้นแล้วเราค่อยมาปรึกษากันอีกที" โควตะโบกมือเป็นเชิงเชิญออกไป(ไล่นั้นเอง!!!) แม่ทัพทุกคนทำความเคารพแล้วเดินออกไป แม้แต่โทงาริ จะมีคนเดียวก็คือซาโอะที่เดินหันออกไปเลย ทำให้ถูกโทงาริเอ็ดยกใหญ่
หลังจากความสงบกลับมาอีกครั้ง โควตะเอนกายพลางหลับตาลงบนเก้าอี้ มาคุรินน้ำชาเพื่อเป็นการคลายอิริยาบทก่อนที่จะยกจรดริมฝีปากตัวเอง
"คิดว่าไง? มาคุ"
"ขอรับ?"
"ข้าหมายถึงคำพูดของมาโซยะ
ข้าเห็นด้วย!!!" มาคุจิบน้ำชาไปเล็กน้อยก่อนตอบ
"ข้าน้อยก็เช่นกัน
"
"อืม
" โควตะทำเสียงรับทราบ เขาใช้มือก่ายหน้าผาก นัตสึกิ
.แล้วเจ้าล่ะ
ถ้าเป็นเจ้าจะคิดอย่างไร?
. . . . . .
ผ่านไป 3 วัน ไวเหมือนโกหก ซาไอที่รู้สึกตัวนานแล้ว(2 วันมาแล้ว) แต่สุขภาพนั้นโควตะถือว่ายังโคม่า จึงสั่งไม่ให้ใครเยี่ยม ให้หญิงรับใช้ป้อนข้าวป้อนน้ำไปก่อน แต่ตอนนี้ซาไอลุกขึ้นมากายภาพบำบัดได้แล้ว หญิงสาวเดินวนไปๆมาๆในห้อง พลางหยิบดาบที่โชกเลือดขึ้นมาถอดฝักดู ปรากฏให้เห็นตัวดาบสะท้อนเงาแทนรอยยิ้มเจ้าของ เพราะดาบนั้นโทรมด้วยเลือด ส่วนเป็นเลือดใครนั้น
โควตะกำลังจะให้ซาไอเดินทางไปยังที่ประชุม เพื่อเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง
บัดนี้แม่ทัพนายกองมากันพร้อมแล้วต่างซุบซิบกันอย่างตื่นเต้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับรองแม่ทัพใหญ่หรือเสนาธิการทหารของกองทัพ "ซาไอ"
โควตะก็อยากรู้เหมือนกัน ตอนนี้เขานั่งระสับระส่ายอยู่บนเก้าอี้ ขณะที่ซาไอเดินเข้ามา โดยมีหญิงรับใช้พยุงอยู่
เธอค้อมกายเคารพแม่ทัพใหญ่ตามมรรยาท โควตะพยักหน้ารับรู้ แล้วชี้ไปที่เก้าอี้ประจำของซาไอ ซาไอก้มศรีษะรับ แล้วก้าวย่างช้าๆ ไปยังเก้าอี้ตน แล้วนั่งลงช้าๆ หลังจากนั้น ทั้งกระโจมก็เงียบกริบ ทุกคนรอฟังคำเล่ากล่าวจากซาไอว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
.
"ซาไอ!!! ข้าอยากให้เจ้าเล่าว่า เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า
" โควตะพูดแกมออกคำสั่ง
"
" ซาไอรับคำสั่ง ก่อนที่จะเอนหลังลงบนเก้าอี้ และหลับตาเพื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตน
"ข้า
." ซาไอเริ่มเล่า
"ข้าได้ไปพบ อิจิว หัวหน้ากองโจรที่ว่ากันว่าว่องไวราวสายลมมา
."
ซาไอกล่าวอย่างสงบทรามกลางใบหน้างุนงง สงสัย แล้วตื่นตกใจของผู้ได้ฟัง
*ตุ้บ!!! * เสียงโควตะฟาดแขนขวาลงบนโต๊ะ พลางถามด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างน่ากลัวว่า
"เจ้าบ้าไปแล้วรึไง?" เล่นเอาคนที่ได้ฟังขนลุกซู่
แต่ซาไอยังปรายตาไปมองโควตะอย่างอารมณ์เย็น เธอสานมือไว้ที่หน้าตัก พลางเล่าต่อ
"ข้าได้ออกไปจากค่ายในคืนที่ทำพิธีเผาศพของแม่ทัพปาปิยะ
"
"เจ้าบ้าไปแล้ว!!" โควตะยังคำรามด้วยเสียงทุ้มอย่างน่ากลัว
"ข้าได้ไปขอยืมเสื้อผ้าเก่าๆจากคนดูแลม้า
"
"เจ้าคิดอะไรอยู่"
"แล้วทำให้มันโสโครกที่สุด.."
"เจ้ามันไร้หัวคิด"
"แล้วข้าก็ศึกษาลักษณะทางเดินที่อิจิวเดินทาง
"
"ไอ้เด็กโง่
." คราวนี้ซาไอหันขวับ
"เจ้านั้นล่ะควรฟังข้า โควตะ!!!" ซาไอสวนกลับอย่างหมดความอดทน โควตะสะดุ้ง แล้วปิดปากเงียบ ซาไอลดตาจากโควตะแล้วเล่าต่อไป
"ข้าเล่าถึงไหนน่ะ? อ้อ
.แล้วข้าก็คาดคะเนทางที่มันน่าจะเดินทางผ่าน แล้วไปดักรออยู่ที่นั้น แล้วข้าก็เจอมัน อิจิว
." ทุกชีวิตนิ่งสงบเพื่อฟังการผจญภัยอันลึกลับที่ซาไอได้เจอราวกับกลุ่มเด็กนั่งฟังนิทานจากผู้เฒ่าข้างเตาพิง..
"ข้านั่งอย่างหดหู่ข้างต้นไม้ใหญ่ที่ข้าคาดว่าอิจิวจะผ่านมา ดินโป่งเละเต็มตัวของข้า ข้านั่งอยู่เกือบวัน โดยไม่ลุกไปไหนเลยเพื่อให้อุบายของข้าสมบูรณ์
"
"ในที่สุดอิจิวก็มา พร้อมกับกองทัพของมัน เกือบพันเชียวล่ะ แต่ละคนไม่มีแววว่าจะน่ากลัว แต่ดูจากลักษณะการเดินหรือนัยน์ตา พวกมันแต่ละคนเป็นไอ้โหดที่น่ากลัวมาก
"ข้าไม่ต้องถามเลยว่าใครคืออิจิว ด้วยสัญชาติญาณของข้ามันบอก ชายใบหน้าคมผู้นั่งอยู่บนม้าสีเกาลัดนั้นเองคืออิจิว
" ซาไอละจากการเล่าชั่วคราวแล้วกวาดนัยต์ตามองเหล่าผู้ฟังคำปราศรัยของตนก่อนที่จะต่อเรื่องต่อราวต่อไป
"ข้ายิ่งแสร้งนอนตรมบนพื้นดิน กวาดเอามูลม้าข้างตัวขึ้นมาละเลงทั่วตัว แล้วนั่งนิ่งราวกับคนที่ตายแล้ว
.
แล้วในที่สุดพวกมันก็มา
คนที่เข้ามาทักข้าหาได้ใช่อิจิวไม่
ข้าได้ยินอิจิวเรียกมันว่าวากิ วากินั้นรูปร่างผอมบาง ผิวขาวเนียนราวกับดรุณีวัยกำดัดทีเดียว ข้าได้รู้รูปพรรณสัณฐานมัน เนื่องจากข้าลอบมองจากหางตา มันใช้เพียงปลายนิ้วสะกิดข้าอย่างรังเกียจ ข้าแสร้งกระซิบเช่นคนกระหายน้ำ ทำปากเรียกหาน้ำจากมัน
"เฮ้!! เจ้า" มันร้อง
"ตายหรือยังเนี่ย?" มันเอื้อมมาเขย่าไหล่ข้า ทำทีราวกับร่างข้าเป็นร่างสุนัขจรจัด
"ยังไม่ตายขอรับ ท่านอิจิว" "ให้ช่วยไหมขอรับ?" มันตะโกนอย่างโล่งใจแล้วรีบผละจากข้าทันที
"อืม
ช่วยก็แล้วกัน เผื่อมันเป็นคนแถวนี้จะได้บอกเราได้ด้วยว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรแล้วบ้าง!!!" อิจิวตะโกนกลับมา
"ขอรับ!" วากิรับคำสั่ง แล้วมันก็สั่งให้คนหามร่างของข้าไป
.
|