|
มาโซยะหรือมาโซยุราโอะคว้าดาวกระจายที่ลับเสียจนคมกริบขึ้นมาเมื่อเข้ามาอยู่ในแดนศัตรู เขาก้าวเงียบๆแต่มีจังหวะที่รวดเร็วเข้ามาจนถึงเขตพระราชวัง มาโซยะหลบทหารที่เดินผ่านมาก่อนที่จะก้าวกระโดดขึ้นกำแพง แล้วเดินอย่างมั่นคง พร้อมกับระมัดระวังสิ่งรอบข้างไปพร้อมๆกัน
"ราชานินจา
.มาโซยุราโอะ
" เสียงเรียกดังขึ้นมาจากข้างหลัง มาโซยะรีบหันกลับไปอย่างรวดเร็ว ตั้งท่าจะขว้างดาวกระจาย
"อ
อาเกกินารุซาวะ" มาโซยะเอ่ยอย่างตกใจเมื่อเห็นร่างสะโอดสะองของคุโนะอิจิสาว(นินจาหญิง)
"แหม
ตั้งท่าจะฆ่ากันเชียวรึ?" อากิโกะหรืออาเกกินารุซาวะเอ่ยขึ้น
"เจ้า
"
"อย่างเพิ่งพูด
ลงมาก่อน ตรงนั้นมันล่อหูล่อตาคน
" หญิงสาวกวัดมือเรียก มาโซยะลังเลสักครู่ก่อนที่จะกระโดดลงจากกำแพง เข้าสู่มุมมืด อนิจจาเมื่อเท้าของเขาต้องพื้นเท่านั้น หญิงสาวก็โจมตีใส่เขาทันที เธอโอบรอบคอของเขาและประกบริมฝีปากอย่างชำนาญ
"อ๊ะ!!! ทำอะไรเนี่ย!!!" มาโซยะร้อง เมื่อหญิงสาวผละออกไปพลางเลียริมฝีปากตัวเอง
"อุ๊ยตาย!!! ไม่รู้รึ? ว่าได้จูบราชานินจามันเป็นบุญแค่ไหน?" อาเกกินารุซาวะเอ่ย
"อากิโกะ สาวบริสุทธิ์เมื่อตอนนั้นหายไปไหนเล่า?" มาโซยะพยายามซ่อนใบหน้าของตัวเองไว้
"ข้าเป็นนินจาไม่คงที่หรอก
ตอนนี้ข้าเปลี่ยนโหมดเป็นสาวกิอง(หญิงงามเมือง)แล้วน่ะจ๊ะ
จะบอกให้
ชื่ออิงูจิ
อิงูจิจังไงจ๊ะ
เรียกสิ
พี่มาโซยะขา"
"ฮึ่ย!!! รู้แล้วน่า!!!" มาโซยะยังคงเช็ดริมฝีปากตัวเองด้วยแขนเสื้อ อาเกกินารุซาวะหรือตอนนี้คืออิงูจิมองมาโซยะอย่างแปลกใจ
"อุ๊ย! ดูท่าทางเจ้ากังวลจัง
เป็นจูบแรกรึยังไง?" อิงูจิถาม
"บ้า!!! ไม่ใช่" มาโซยะปฏิเสธ
"ว่าแต่เจ้ามาอยู่นี่ได้ยังไง?" มาโซยะเข้าเรื่อง อิงูจิทำหน้าเคร่ง
"เมื่อสองอาทิตย์ก่อน
ข้าคิดว่าคงตีนากิแตกแล้วแต่ไม่ใช่
เกิดศึกกับอิจิวเสียก่อน
ข้าจึงปลอมตัวเข้ามา มาเป็นนางกำนัล
"
"เดี๋ยวๆ เล่าช้าๆ เจ้าว่าปลอมตัว? แล้วมิโดริจำเจ้าไม่ได้รึ?" มาโซยะถาม
"ข้าปลอมตัวน่ะ!!! ราชินีจำข้าไม่ได้หรอก!!! อีกอย่างนางลืมแล้วว่าเคยจ้างข้า!!!" อิงูจิว่า
"เออ
ใช่เรื่องท่านซาไอน่ะ!!! เอ๋
หรือว่าจะเรียกว่าราชินีซาไอดีล่ะ เล่นหนีตามกันเลยนี่นา เอาเถอะ
ข้าจะบอกไว้นางกำลังมีอันตราย!!!" มาโซยะส่ายหน้า
"สายไปแล้วนางโดนของไปแล้ว..มีทางช่วยนางไหมล่ะ?" อิงูจิโคลงศรีษะอย่างน่าเอ็นดู
"มี!!! ข้าเพิ่งสืบมาได้
วิชาคุโรเคียวต้องให้คนทำเป็นคนแก้
อย่างเดียวเท่านั้น" อิงูจิว่า
"เออ
มีอีกอย่างที่สำคัญมาก!!!" อิงูจิกล่าว "โชคดีที่เจอเจ้า ข้ากำลังจะเผ่นออกไปหาเจ้าแล้วเชียว!!! ว่าแต่ท่านเซอิจิเป็นไงบ้าง?"
"ก็ดี
เก่งขึ้นมากทีเดียว"
"แหม
ท่าก็บอกแล้วว่าพระองค์ฉลาด
คิกๆ" "เข้าเรื่องต่อดีกว่า ราชินีเตรียมผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ชื่ออะไรน่า?
อ้อ
.ชิวาโนะ
รู้สึกจะมีความแค้นกับท่านซาไอเพราะไปฆ่าพี่สาวเขาอะไรนี่แหละ
แล้วราชินีมิโดริให้นางทำอะไรก็ไม่รู้ แต่รู้สึกว่าจะให้จัดการท่านซาไอเนี่ยล่ะ
.เราต้องอย่าให้นางแตะต้องท่านซาไอได้!!!" อิงูจิบอก
"แล้วตอนนี้นางอยู่ไหนล่ะ?"
"โธ่! ก็เมื่อกี้ข้าได้ยินว่าพวกนางจะเอาทัพ 500 คนออกไปไหนก็ไม่รู้ แต่คงไม่ไกลจากที่นี่นักหรอก
หาๆไปเดี๋ยวคงเจอ!!!"
"พูดง่ายจริงๆน่ะ" มาโซยะประชด "แต่ก็ช่างเถอะ ไปกันได้แล้ว!!!" ว่าแล้วมาโซยะก็วิ่งนำออกไป
"อุ๊ย!!! รอด้วยสิค่ะ พี่มาโซยะขาาาา" ว่าแล้วอิงูจิก็วิ่งตามไป
กองทัพของมิโดริที่นำพลเพียง 500 คนกับนางกำนัลอีกมากมายออกมาทรามกลางแสงจันทร์ หน้ากำแพงเมืองหลวง พระนางมิโดริอยู่บนรถทรงม้าสีขาว ม้าแต่ละตัววิ่งเหยาะๆไปข้างหน้าเรื่อย โดยมีหญิงผู้หนึ่งเป็นสารถี
"หยุด!" พระนางตรัสพลางจ้องมองออกไปข้างหน้า แล้วยิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นร่างหนึ่งอยู่บนม้าที่กำลังควบเข้ามา ผมที่ปล่อยสยาย นัยตาเลื่อนลอย คือซาไอนั้นเอง!!!
"ลงจากม้า!!!" ราชินีสั่ง ซาไอก็ลงจากม้าอย่างว่าง่าย พลางจูงม้าเข้าไปหาหน้ารถศึกราชินี
"ซาไอๆ ข้าอยากฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้เหลือเกิน!!!" พระนางขบฟัน "แต่จะฆ่าเจ้าให้ตายไปเสียเลยมันง่ายไป!!!"
"ข้าจะให้เจ้าทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าที่ข้าได้รับเสียอีก!!!" พระนางทรงยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม พลางวาดแขนไปยังทหารทั้ง 500 ที่อยู่ข้างหลัง
ซาไอโคลงศรีษะด้วยนัยตาเลื่อนลอยคล้ายรอฟังคำสั่งจากพระนางมิโดริ
"ซาไอ
เจ้าจงเสพสมกับทหารเหล่านี้ทุกคน
." สิ้นคำสั่งเสียงฮือฮาก็ดังมาจากเหล่าทหาร จะว่าเป็นเสียงประท้องก็ไม่ใช่ เชิงว่าจะเป็นเสียงยินดีเสียมากกว่าเพราะทหารที่มาในครั้งนี้ส่วนมากไม่ใช่คนนากิโดยแท้!!!
"จงเสพสมจนกว่าจะครบทุกคน
" พระนางย้ำคำสั่ง พลางหันกลับไปหาเหล่าทหารที่ยืนอยู่ข้างหลัง
"วากิ!!" พระนางทรงตรัสเรียกชายหนุ่มหน้าสวยที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนสนิทของอิจิว ขายหนุ่มก้าวออกมาช้าๆอย่างสงวนท่าที
"รับบัญชา!!!"
"ในจำนวนคนที่มา
เจ้ามีความแค้นกับมันมากที่สุด รองจากข้าและชิวาโนะ
เจ้าเป็นคนแรก!!!" ราชินีมิโดริทรงบัญชา
"รับด้วยเกล้า!!!" วากิรับคำพลางก้าวออกไป เข้าไปหาแม่ทัพหญิงที่ตอนนี้แทบไม่มีสติใดๆอยู่กับตัวเอง วากิบีบกรามของหญิงสาวด้วยความโกรธแค้น ซาไอไม่ได้ตอบโต้ เธอยังมองใบหน้าของคนที่ปะทุร้ายเธอด้วยสีหน้าเลื่อนลอย
"พามันเข้าไปในป่า!!! แล้วจัดการมันตามใจของเจ้า!!!" เมื่อสิ้นเสียงราชินี วากิก็กระชากแขนของหญิงสาวให้ตามไป
ฝีเท้าม้าควบตะบึงอย่างไปลดละ คุโระหยุดเป็นจังหวะเพื่อดมกลิ่นไปตามทาง แล้วมันก็วิ่งฉิวอีก ม้าอีก 2 ตัวที่บังคับโดยเดเอคิและจิเคตะตามมาอย่างกระชั้นชิด สุดท้ายทั้ง 4 ก็พบกับ
กองทัพที่ออกมาตั้งอยู่หน้าเมืองหลวง
ทันทีที่สายตาของเซอิจิและราชินีมิโดริประสานกัน ความแค้นในความรู้สึกของแต่ละคนก็ลุกโชนขึ้น ทั้งสองมองกันนิ่งไม่พูดไม่จากันอยู่พักหนึ่ง เซอิจิบังคับม้าให้อยู่นิ่ง
พลางนึกสรรพนามที่ควรใช้กับหญิงผู้นี้
.
"เสด็จแม่!!!!" เขาร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงดังกังวาน เขาตัดสินใจใช้คำพูดเหมือนที่เคยใช้ เผือว่าราชินีจะใจอ่อนช่วยเขาบ้างก็ได้
"โปรดคืนซาไอให้แก่ลูกด้วย!!!" ราชินีมอง 'อดีต' ลูกชายด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว และรังเกียจไปพร้อมๆกัน
"ข้าไม่ใช่แม่เจ้า!!! และก็ไม่คืนเชลยของข้าให้เจ้าด้วย!!!" พระนางทรงตรัสอย่างเหี้ยมหาญไม่แพ้กัน
"จิเคตะ!!! เราไม่นึกว่าเจ้าจะไปอยู่ฝ่ายมัน!!!" พระนางทรงตำหนิจิเคตะอย่างรุนแรง
"โปรดประทานอภัยด้วยราชินี
ข้าพระองค์นับถือพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งใด ที่มาในครั้งนี้มาเพียงเจรจาเท่านั้นเอง
หาได้มีจุดประสงค์ที่จะบังอาจสู้กับพระนางไม่!"
"ไม่มีวัน!!!" ราชินีตวาด "เราไม่นับเจ้าเป็นข้าราชบริพารของเราอีกแล้ว ไสหัวไป!"
"ราชินี
ท่านทำเพื่อซูคังหรือไม่? หากท่านทำ ข้าพระองค์คิดว่าควรพอได้แล้ว เราเสียทหารไปมากมาย อีกทั้งทรงทำไปเป็นชายาของราชาของนากินั้น เป็นการหมิ่นเกียรติขององค์โดราตะ!!!"
"หุบปาก!!! เรามีเส้นทางของเราเอง!!! หลังจากที่เราจัดการพวกเจ้าได้ เราจะตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้ปกครอง!!! ไม่ต้องพึ่งคนทรยศอย่างพวกเจ้า!!!" เซอิจิเห็นจิเคตะเม้มปากอย่างอดทน ไม่แน่ว่าอีกไม่ช้าความอดทนเขาจะหมดลงเร็วๆนี้ ซึ่งเพียงคิด เซอิจิก็สยอง
.
"ทรงหมิ่นเกียรติราชาโดราตะมากไปแล้ว
." จิเคตะพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ ที่น่ากลัวมาก
.ก
"ก็ดี
.ข้าพระองค์ไม่ใคร่อยู่กับพระนางแล้ว
จากนี้ไปหม่อมฉันจะเชิดชูราชาเซอิจิแห่งซูคังขึ้นครองราช
" จิเคตะพูดทีเล่นทีจริง แต่ราชินีมิโดริก็ยังไม่เกรงกลัว พระนางหัวเราะด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน
"เอาซี!!!" พระนางว่า "เจ้าและเดเอคิมันแค่พวกมีแต่แรง
ซ้ำยังรับใช้คนอ่อนแออย่างเซอิจิอีก
คงไปรอดยังงั้นแหละ" พระนางเยาะเย้ย
"ข้าเกรงว่ายังไม่ทันไรท่านเซอิจิของพวกเจ้าก็คงจะฆ่าตัวตาย
โน้นแน่ะ! ข้าส่งนังตัวดีไปเสพสมกับวากิในป่าแล้ว!!! ดีไหมล่ะ? อ๊ะๆ ไม่ต้องห่วงหรอก
นางไม่ดิ้นรนให้เจ็บตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ว่าง่ายเชียวล่ะ!!! หึๆ
" เซอิจิเบิกตาโพล่งและมองเข้าไปในป่าอย่างเจ็บปวด
"จะมากไปแล้ว!!!" เซอิจิก้มหน้ามองต่ำ
"เร็วเถอะพะยะค่ะ
" จิเคตะกล่าวพลางดึงดาบออกจากฝัก "ไปช่วยแม่หญิงของพระองค์เถอะ
พวกหม่อมฉันจะจัดการทางนี้เอง!!! ขอจัดการนังหญิงร่านปากมากเสียหน่อย
" จิเคตะยิ้มเครียดๆ เซอิจิจึงถอยม้า แล้วควบเข้าป่า
"หึหึ
ได้สิ ถ้าเจ้าต้องการอย่างนั้น ฆ่ามันให้หมด!!!" สิ้นสุรเสียงของราชินี เหล่าทหารก็ตั้งท่าจะวิ่งออกไป
แต่อนิจจามีเหล่าทหารเกราะดำวิ่งนำหน้าออกไปเสียก่อน ทั้งหมดคำรามก้องราวกับสัตว์ป่า พลางตะลุยพลนับร้อยเข้าหา 2 ตัว 3 ร่างที่อยู่ข้างหน้า!!!
"แหม
ไม่ได้ออกกำลังเสียนาน
." จิเคตะเปรยอย่างสบายอารมณ์ แล้วม้า 2 ตัวก็เข้าห้ำหั้นกับฝูงทหารเกราะดำ!!!
ซาไอตามไปอย่างว่าง่าย วากิลากหญิงสาวผ่านแมกไม้ไปสักครู่จนลึกเข้าไปในป่าพอสมควร เขาดึงหญิงสาวมาข้างหน้าและผลักเธอจนล้ม
"ตุ้บ!!!" เสียงซาไอลงไปคลุกดิน ฝุ่นตลบอบอวลไปทั่ว แต่หญิงสาวก็ไม่ตอบโต้ เธอยังนั่งอยู่บนพื้น สายตาก็มองตามใบหน้าของบุรุษที่เข้ามาใกล้
"ขัดขืนสิ!!!" เขาคุกเข่าต่อหน้าเธอและกระซิบด้วยความโกรธแค้น ซาไอกระพริบตาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ชายหนุ่มเอื้อมไปจับไหล่ของเธอแล้วพลักไปชนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างหลัง
"
" ซาไอได้แต่อ้าปากแต่ไม่มีเสียงร้องออกมา
"เจ้าทำร้ายท่านอิจิว!!! พี่ของเจ้าฆ่าท่านอิจิว!!! เจ้าสมควรถูกหมิ่นยิ่งกว่านี้เสียอีก!!!" สิ้นคำพูดของชายหนุ่ม ริมฝีปากก็เข้าตวัดเลียไปทั่วใบหน้าสวยของซาไอ ตรงดิ่งเข้าไปยังซอกคอขาวเนียน วากิจับแขนของเธอข้างหนึ่งเอาไว้
แล้วเขาก็เห็นตัวอักษรบางอย่าง
"เซอิจิ
" ริมฝีปากเผยอช้าๆ พลางยิ้มอย่างสาแก่ใจ
"เซอิจิของเจ้าต้องรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น!!!" ชายหนุ่มกระซิบข้างหูหญิงสาว พลางโลมเลียอย่างถึงอารมณ์ ลมร้อนเป่าเข้าซอกคอหญิงสาวอย่างพิศวาสในความงาม
.แกร่งกร้าวอย่างไรก็คือผู้หญิงอยู่ดี!
.
มือข้างหนึ่งรั้งเสื้อของตนออก อีกข้างช่วยหญิงสาวเปลื้องเสื้อผ้าที่คลุมกายออก ผิวขาวนวลถูกเผยออกให้เย้ยแสงจันทร์ช้าๆ อย่างที่ผิวขาวๆของวากิยังต้องอาย ขณะที่เธอจะชอบใส่ชุดขุนพลนั้น ผิวขาวถูกหลบแดดเอาไว้ใต้เกราะ ชายผู้มาเพื่อย่ำยีเกียรติใช้มือจับผิวนวลอย่างแทบไม่เชื่อสายตา เขามองอย่างเสียดายเล็กน้อยก่อนดำเนินการต่อไป ชั้นในสีแดงเหมือนหญิงสาวทั่วไป เจ้าของมือสอดมือไปใต้หลังของหญิงสาวแล้วพยายามแก้เชือกที่พันธนาการทรวงอกแรกแย้มเอาไว้ เขาแก้มันออกและกำลังจะดึงมันออก
"ตายซะ!!!" เสียงดังมาจากข้างหลังของวากิ ชายหนุ่มรีบหันหลับไปทันทีก็พบว่าเซอิจิกำลังจะหวดดาบใส่หน้าตน เขาหลบคมดาบนั้นไปได้เพียงฉิวเฉียว เซอิจิยังตามเอาเรื่องอย่างไม่ลดละ วากิยังหลบอย่างใจเย็น
"โอ๊ะโอ๋!!! เจ้าชาย
" เขาเยาะเย้ย "แม้ทรงปรีชาบุ๋น
แต่วิชาการต่อสู้ของพระองค์ยังอ่อนหัดนักเมื่อเทียบกับกระหม่อม
" ว่าแล้ววากิก็ดีดตัวไปในด้านตรงข้าม แล้วลงยืนอย่างมั่นคง
"หนอย!!! ไวนักน่ะ!!!" กษัตริย์ขบฟัน
"หม่อมฉันจะฆ่าพระองค์
แล้วจัดการนังหญิงนั้นทีหลัง" ว่าแล้ววากิก็ซัดมีดสั้นออกมา มันฝ่าอากาศเข้าหาเซอิจิ ชายหนุ่มเอี้ยวตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด พลางจ้องไปที่วากิและอาณาบริเวณรอบๆ
"ฮึ่ม!!!" เสียงวากิสบถออกมาเมื่อฝ่ายคนมีดาบโถมดาบเข้าหาตนอย่างไม่กลัวตาย
"คลิ๊ก!!!" เสียงมีดสั้นกระทบกับดาบที่เซอิจิถือ วากิชักมันขึ้นรับไว้เส้นยาแดงผ่าแปด เซอิจิที่ใช้ดาบนั้น เมื่อเห็นว่าการกดดาบไปที่ฝ่ายศัตรูไม่ได้ผล จึงดีดตัวใส่วากิอย่างรุนแรง ทำเอาคนหน้าสวยถอยหลังพรืดไปก้าวใหญ่!!!
"ร้ายกาจขึ้น
แต่ก็เล็กน้อยมาสำหรับกระหม่อม!!!" "เคร้ง!!!" พอวากิพูดได้จบประโยคเซอิจิก็หวดดาบใส่อีกครั้ง คราวนี้เร็วและแรงกว่าเดิม กษัตริย์ทรงใช้เวลาชั่วพริบตาแทงดาบใส่วากิอีก ซ้ายทีขวาที!!! ชายหนุ่มได้แต่หลบไปมาอย่างใจเย็นพลางถอยหลังไปเรื่อยๆ
"ฮึๆ
" เซอิจิหัวเราะบ้าง วากิขมวดคิ้วอย่างรำคาญ เมื่อถอยไปได้อีกก้าวหนึ่งเขาก็หยุดและจับมีดสั้นในท่าเตรียมสู้
"หม่อมฉันคงเล่นกับพระองค์ไม่ได้แล้วล่ะพะยะค่ะ!!!" วากิเหยียดยิ้ม
"จงตายเสียเถอะ!!!" เสียงตวาดก้องพลางทะลวงมีดใส่เซอิจิอย่างรวดเร็ว เซอิจิเพียงแต่ยิ้มแล้วหลบอย่างรวดเร็วกว่า
"เคร้ง!!!" เสียงหวดดาบกลับหลังจากถูกโจมตีของเซอิจิเกิดขึ้นทันทีเมื่อหลบมีดได้ วากิต้องรีบกลับมารับดาบ เขาก้าวเท้าถอยหลังอีกครั้งหนึ่ง และแล้วก็เกิดเหตุการณ์พลิกพลันขึ้นเมื่อ
"ฮวบ!!!"
"!!!!!" "อะไรกันนี่!!!!" วากิอุทานอย่างตื่นตระหนก เมื่อเท้าของเขาข้างหนึ่งลงไปแช่อยู่ในบ่อโคลน ซึ่งเขาไม่ทราบมาก่อนเลยว่ามันมีอยู่!!!
"ฮึๆ
." เซอิจิหัวเราะอย่างมีชัย "เรื่องบู๊เลือดอาบ ข้าอาจสู้เจ้าไม่ได้
แต่เรื่องใช้เล่ห์ข้าเรียนมาจากซาไอเยอะ!!! อ้อ
ข้ายังบอกเจ้าไม่หมด ไอ้บ่อนั้นเป็นโคลนดูดด้วยน่ะ จะบอกให้
"
"กรอด!!! ร้ายนัก!!!" วากิขบฟันพลางพยายามดึงเท้าของตนขึ้นจากบ่อ แต่ยิ่งดึงมันก็ยิ่งดูดลึกลงไป!!! เซอิจิเอาดาบจ่อที่ลำคอขาวของวากิ
"ข้าไม่ฆ่าเจ้า
เช่นเดียวกับที่ซาไอไม่ทำ
จงอยู่ในบ่อนี้ตามแต่บุญตามมีตามเกิดของเจ้าเถอะ!!!" ว่าจบเซอิจิก็ยันวากิลงไปหงายหลังอยู่ในบ่อโคลน!!!
"อย่างนี้ก็ไม่ต่างจากฆ่าข้าหรอกน่า!!!" เสียงตวาดดังขึ้นมาจากบ่อโคลน
"ใช่
" เซอิจิกล่าว "เพราะถ้าเจ้าขึ้นมาได้ซาไอก็มีอันตราย
ฉะนั้น ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่ก็ไม่ช่วย
จงดิ้นรนด้วยตนเองเถอะ!!!"
"ฮึ่ม! ท่านมันเลวมาก!!!"
"ใช่
" กษัตริย์ยิ้มอย่างเกเร "ก็ข้าไม่ใช่ผู้หญิงนี่นา
" ว่าแล้วพระองค์ก็เดินจากไปปล่อยให้ฟ้ากำหนดชะตาให้คน
กษัตริย์หนุ่มเดินเข้าหาร่างของหญิงสาวที่มีนัยตาเลื่อนลอย เขาทรุดเข่าลงพลางโอบไหล่หญิงสาวที่ไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืนขึ้นมา
"ซาไอ
รู้สึกตัวหรือเปล่า?" เซอิจิทรงใช้มือลูบแก้มสีขาวเพราะความหนาวเบาๆ "เย็นไปทั้งตัวเชียว
" ว่ากระนั้นกษัตริย์หนุ่มก็ทรงใช้มือจับแขนของหญิงสาวที่เย็นเชียบ พลางเอื้อมมือไปเหน็บสายปราการชิ้นสำคัญที่ถูกคนสารเลวเปลื้องออกมา เนื้อนวลขาวทำเอาใจบุรุษผู้สูงศักดิ์ผู้นี้หวาบหวามใจไม่ใช่เล่น
เซอิจิถอดเสื้อนอกของตัวเองออก แล้วห่มให้หญิงสาว ศรีษะของซาไอโงนเงนพาดลงบนไหล่ของกษัตริย์หนุ่ม
เซอิจิย่อตัวลงเพื่อช้อนเอาตัวหญิงสาวขึ้นมา แล้วเดินออกไป เจ้าคุโระที่ตามเซอิจิมาด้วยเดินเข้ามาก้มหน้ามองนายสาวที่นัยตาเลื่อนลอยอย่างสงสัยเต็มประดาว่านายตนเป็นอะไร! เซอิจิวางซาไอไว้บนหลังม้าก่อนที่จะหันมาหาเจ้าคุโระที่พยายามจะถามให้ได้ว่าซาไอเป็นอะไร!!!
"อย่าห่วงเลย
นายของเจ้าป่วยนิดหน่อยแต่นางจะหายดีแน่!!!" เซอิจิตบต้นคอปลอบม้าดำ พลางก้าวขึ้นม้าแล้วควบออกไปอย่างรวดเร็ว
"บึ้กๆๆๆๆ แก๊ง!!!" เสียงของร่างทหารเกราะดำผู้หนึ่งซึ่งถูกเหวี่ยงใส่เพื่อนทหารคนอื่นโดยฝีมือของเดเอคิ เล่นเอาพวกทหารเกราะดำล้มลงไปนับสิบๆร่าง เขางอตัวลงหอบเล็กน้อย ก่อนที่จะดึงดาบในมือของทหารเกราะดำตัวหนึ่งขึ้นมาฆ่าฟันพวกของมันเอง
โทะโดะง้างธนู 10 ดอกบนคันธนูอันโตของเธอ แล้วแผลงออกไปปักหน้าและอกของทหารเกราะตายกันเป็นเบือ ร่างบางก้าวกระโดดขึ้นยืนบนกองศพทหารเกราะดำ พลางคว้าลูกธนูพิเศษที่มีความสามารถในการทะลวงของเธอออกมาดอกหนึ่งก่อนที่จะเล็งไปยังรถศึกของราชินี
"ตายซะเถอะ!!!" ริมฝีปากบางกระซิบ "เจ้าเป็นคนพวกกับเจ้าเลวอิจิวที่ย่ำยีข้า ซ้ำยังส่งท่านเดเอคิไปตาย!!! ค่าของเจ้าไม่มีมากพอเป็นราชินี
" พอจะปล่อยคันง้างธนู จิเคตะที่เพิ่งพ้นจากการนัวเนียของพวกทหารเกราะดำนับร้อยๆร่าง ก็เข้ามาปัดคันศรนั้นอย่างรวดเร็ว!
"ช้าก่อน!!!" ด้วยความตกใจ โทะโดะยิงลูกศรพลาดไปโดนทหารเกราะดำ ลูกดอกเข้าทะลวงทหารเกราะดำ 3 ร่างรวดก่อนที่จะเข้าปักที่ต้นไม้
"ห้ามข้าทำไม!!!"
"อย่าเพิ่งฆ่านาง
เราต้องเก็บนางให้ถอนคำสาปให้ซาไอ!!!" จิเคตะพูดอย่างจริงจัง
"เอางั้นก็ได้!" ว่าแล้วโทะโดะก็หันไปยิงธนูใส่ทหารเกราะดำอย่างฉุนเฉียว ซึ่งโชคร้ายตกเป็นวัตถุระบายอารมณ์ของเธอ!!!
"ให้ตายเถอะ
อารมณ์โกรธง่ายเหมือนเจ้าเดเอคิเลย
เฮ้อ!" จิเคตะกระโดดเข้าไปกลางวงของทหารเกราะดำ
"ย้ากกกกกก!!! เพลงดาบพิฆาตพระยายม!!!"
"ฉัวะๆๆๆ" ลำดาบตรงฟาดฟันคอของเหล่าทหารเสกจากฟางอย่างไม่ลดละ จิเคตะพยายามเข้าไปทำลายพิธีให้ได้!
"ท่านเซอิจิ!!!" เดเอคิร้องอย่างยินดีเมื่อเห็นเซอิจิควบม้าดำออกจากป่า พร้อมมีซาไออยู่ในอ้อมแขน
"หนีไปเลยพระองค์!!! กลับค่ายไปซะ
อีกไม่นานก็สว่าง ไปบอกเจ้าหัวมังคุด(โควตะ)ให้ยกทัพมา ตีที่นี่ให้แตกไปเลย!!!" จิเคตะร้องจากระยะไกล เซอิจิควบม้าจะออกไป
แต่เหล่าทหารเกราะดำก็เข้ามาขวางเอาไว้ไม่ให้ไป พลางบุกโจมตีโดยไม่ให้ตั้งตัว มีดาบหนึ่งเข้าฟันสีข้างของเจ้าคุโระ เฉือนเนื้อของมันไปเล็กน้อย คุโระพ่นลมอย่างเกรี้ยวกราดก่อนที่จะกระโดดหลบเหยียบหัวทหารเกราะเหล่านั้น
"ทำไมมันเยอะอย่างนี้?" เซอิจิบ่นพึมพำพลางเปลี่ยนมือที่อุ้มซาไอเอาไว้ไปเป็นข้างเดียวกับที่จับบังเหียน แล้วดึงดาบที่แขวนไว้ข้างสะโพกม้า
"ฟ้าวๆๆๆ" เสียงดาบของกษัตริย์หนุ่มฉวัดเฉวียนไปมา เข่นฆ่าทหารเกราะดำไปได้จำนวนหนึ่ง แต่การรบบนหลังม้ามือเดียวนั้นลำบากยิ่งนัก ยิ่งต้องระวังไม่ให้ซาไอถูกดาบอีก เป็นที่ลำบากของกษัตริย์หนุ่มเป็นอย่างมาก!!! ขณะที่ฟาดฟันดาบเก้ๆกังๆอยู่นั้น มีทหารเกราะดำผู้หนึ่งแทงอาวุธยาวซึ่งดูคล้ายกับหอกเข้าใส่เซอิจิในอีกด้าน เซอิจิซึ่งกำลังรบกับกองทหารดาบอยู่นั้นไม่ทันเห็น อาวุธยาวนั้นจึงปักเข้าไปในขาของเขา
"อ๊าก!!! กร๊อด!!!" เซอิจิซึ่งถูกแทงที่ขาหันกลับมาและฟาดดาบเข้าที่ลำคอของทหารหอก แล้วฉวยหอกมาใช้เป็นอาวุธแทน!!! เขามองไปทางรถศึกของราชินีมิโดริ ก็ให้ปรากฏทหารชุดใหม่ก้าวเข้ามา ทหารเหล่านั้นตรงเข้ามาที่เซอิจิ โดยไม่สนใจ เดเอคิ โทะโดะ หรือจิเคตะ!!!
ขณะที่เหล่าทหารตั้งหน้าตั้งตาบุกเข้าหาเซอิจิ จู่ๆ ก็มีดาวกระจายนับสิบอันพุ่งเข้าหาทหารแถวหลัง ทำเอาเหล่านักรบสีดำล้มเป็นระนาวราวกับโดมิโน่!!!
"อุ๊ยต๊าย!!! เท่มากค่า~ พี่มาโซยะ!!!" เสียงอิงูจิร้องพลางตบมือชื่นชมยกใหญ่ให้กับท่าปาดาวกระจายของมาโซยะ พวกเขาสองคนหลงทางเพราะยายอิงูจิพาหลงตั้งนาน สุดท้ายก็ออกมาได้พร้อมพบภาพการรบอีรุงตุงนังอยู่ข้างหน้า พวกเขาต่างซ่อนอยู่บนกิ่งไม้ที่ลับตาคน เพราะมาโซยะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาเป็นนินจา ส่วนอิงูจิก็ไม่อยากให้เซอิจิเห็นว่าอากิโกะอยู่ที่นี่ทั้งๆที่ควรอยู่กับญาติ
"หยุดพูดแล้วมาช่วยกันหน่อย
" มาโซยะดุอย่างอารมณ์เสีย
"ได้เลยค่า~" เสียงอิงูจิร้องพลางขว้างดาวกระจายออกจากไปปักหลังเหล่าทหารเกราะดำอีก
"มันเยอะเหลือเกิน!!!" มาโซยะเอ่ยอย่างฉุนเฉียว
"มาโซยะ
"
"อะไร?"
"อีกไม่นานก็คงเช้า
รีบไปที่ค่ายเถอะ แล้วเอากองทัพมาจัดการให้เมืองหลวงแตกไปทีเดียวเลย!!!"
"เอางั้นรึ?"
"ใช่สิ! คิดว่าพูดเล่นรึไง? เอาเถอะรีบไปรีบมาล่ะ
ถ้าทำดี กลับมาจะให้หอมแก้มฟอดใหญ่ๆเลย ฮิๆ
"
"งั้นไปล่ะ!" มาโซยะกล่าวลาโดยไม่สนใจกันคำพูดเล่นของอิงูจิ เขาเร่งความเร็วในขีดสูงสุดเท่าที่เคยทำมาในชีวิตมุ่งตรงกลับไปยังค่ายพักของกองทัพกู้ชาติ
แสงแรกของวันที่ 10 ก.ย. ส่องเข้ามาสู่ค่ายของกองทับกู้ชาติ
ขอนิทราจงมาในคราบของราตรี
เมื่อพ้นเวลาราตรีทำให้ต่างคนต่างลุกขึ้นเมื่อแสงแรกของดวงอาทิตย์ส่องเข้ามา โควตะที่ฟุ่บโต๊ะลุกขึ้นอย่างปวดคอ เขาหมุนคอไปมา พลางบิดขี้เกียจแล้วเมื่อลุกขึ้นได้ เขาก็มองตรงไปที่เตียงซาไอ!!!
ซาไอหายไปไหน! เขาคิดอย่างตื่นตระหนก พลางวิ่งเข้าไปคว้าเชือกที่เคยผูกซาไอ ไม่ได้ตัด
หรือมีใครแก้ออกไป
เซอิจิ!!! เซอิจิก็หายไป!!! เขาวิ่งออกไปนอกค่าย แล้วตะโกนถามทหารทุกคนที่เขาพบว่ามีใครเห็นซาไอบ้าง.. ปรากฏว่าคำตอบที่ได้กลับมาช่างน่ากลัวเหลือเกิน เพราะทหารทุกคนต่างหลับไหลภายใต้ราตรีกัน
"ตามหาซาไอ!!!" เสียงสั่งออกจากปากของโควตะ เขาก้าวเข้าไปเพื่อเอาดาบ
สงสัยวันนี้เขาคงต้องรบอีก
"ท่านโควตะ!" มาคุก้าวเข้ามา
"มีอะไร?"
"เดเอคิ จิเคตะไม่อยู่ขอรับหายตัวไป!!! มีรอยคุกถูกพังด้วย!"
"แล้วมาโซยะล่ะ?"
"ไม่อยู่เหมือนกันขอรับ
"
"หรือเจ้าพวกนั้นทรยศเรา!!!"
"ท่านเซอิจิเรอะ? ไม่มีทางหรอก" มาโซยะพูดเป็นเชิงพึมพำกับตัวเอง "รึว่าแค่ 3 คน? มาโซยะก็ช่วยซาไอตั้งหลายครั้ง
เดเอคินั้นก็ไม่เท่าไร มีแค่จิเคตะเท่านั้นแหละ
"
"ท่านโควตะ!!!" มีทหารผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา ทั้งมาคุและโควตะหันกลับไปมอง
"มีอะไร?"
"มาโซยะขอรับ ท่าน
ม
มาโซยะ เพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่
บอกว่ามีเรื่องของท่านซาไอ
ตอนนี้กำลัง แฮ่กๆ พักเหนื่อยอยู่ขอรับ
"
"จริงรึ?" โควตะยิ้มอย่างยินดี พลางเดินปนวิ่งตามทหารไปทันที พอเห็นร่างที่นั่งหอบอยู่บนเก้าอี้ที่มีทหารผู้หนึ่งยืนเฝ้าอยู่ เขาก็วิ่งเข้า ไปมาโซยะทันที!
"มาโซยะ
เจ้าบอกว่า
" มาโซยะรีบยกมือขึ้นห้าม
"อย่าเพิ่งพูดอะไร
.ให้ข้าเล่าคนเดียวพอ
เอาล่ะ! ถูกต้องแล้วที่ข้ามีข่าวซาไอ รู้ด้วยว่านางอยู่ที่ไหน!!! ทีนี้ฟังข้าหน่อยห้ามพูดอะไรทั้งสิ้นเพราะข้าเหนื่อยมาก
" มาโซยะจับชายเสื้อของโควตะไว้แล้วเริ่มพูด
"ซาไอถูกมิโดริใช้ไสยศาสตร์ล่อออกไป
.ท่านเซอิจิ
เดเอคิ จิเคตะและแม่สาวผมสีน้ำตาลอีกคนหนึ่งออกไปช่วยซาไอ
ส่วนข้านั้นอยู่คนละรอบกัน ข้าเห็นพวกเขากำลังเสียทีทหารฟางดังนั้นจึงมาให้ท่านยกทัพไปช่วย
เท่านี้แหละ
หากเราบุกตีในทีเดียวอาจจะตีเมืองหลวงแตกเลยก็ได้!"
"
" โควตะมองมาโซยะอย่างแปลกใจ แต่ในที่สุดเขาก็หันกลับไปสั่งเหล่าทหาร
"จัดทัพ!!! เราจะยกไปตีเมืองหลวง!!!"
ขณะที่เซอิจิกำลังยกทวนฟาดฟันไปยังทหารฟางที่กระหน่ำเข้ามานั้น แสงอาทิตย์แรกของวันก็เฉิดฉายขึ้นไปยังขอบฟ้า แสงอาทิตย์นั้นส่องแสงเข้าใส่นัยตาเลื่อนลอยของซาไอ ทำให้นัยตาหม่นๆของหญิงสาวเริ่มมีแววอีกครั้ง!
"แย่ล่ะ!!!" ราชินีมิโดริอุทาน พลางพยายามบันดาลหมอกควันลงมาปกคลุมเพื่อไม่ให้ซาไอรู้สึกตัว แต่สายไปเสียแล้ว ทันทีที่หญิงสาวต้องแสงอาทิตย์ สติก็เริ่มกลับคืน!!!
คุโรเคียว
.โชคร้ายแห่งรัตติกาล
ถึงวิชานี้จะวิเศษแค่ไหน! แต่ก็มีกติกากำหนดเด็ดขาดไว้ว่าใช้ได้ในตอนกลางคืนเท่านั้น
ซาไอจะอยู่ในอาณัติของเธออีกต่อเมื่อไร้แสงตะวันเท่านั้น
ซาไอยกมือขึ้นกุมศรีษะอย่างมึนงง ริมฝีปากเผยอเรียกชื่อของคนที่เห็นเป็นคนแรก!
"ท่านเซอิจิ
" เธอกล่าวเพียงแผ่วเบา แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
เซอิจิหันมามองเธออย่างแปลกใจก่อนที่จะยิ้มให้หญิงสาวอย่างสดชื่น
"รู้สึกตัวแล้วรึ ซาไอ!"
"หม่อมฉัน
"
"อย่าเพิ่งพูดอะไรทั้งสิ้น
ตอนนี้เจ้านั่งเฉยๆไปก่อนน่ะข้าขอจัดการเจ้าพวกนี้ก่อน
" ครั้นพูดจบกษัตริย์หนุ่มก็แทงหอกใส่ทหารเกราะดำอีกตัว
"เจ้าถูกไสยศาสตร์ควบคุม
แต่ข้าช่วยได้
ไม่สิต้องบอกว่าพวกเราถึงจะถูก
ระหว่างนั้นก็มีเรื่องนิดหน่อย!
ทีนี้ไม่ต้องห่วง เกาะข้าแน่นๆล่ะ เราจะไปกันแล้ว!!!"
ซาไอโอบรอบลำตัวของเซอิจิไว้แน่นตามที่เจ้าตัวบอก เซอิจิจับบังเหียนพลางบังคับเจ้าคุโระให้วิ่งออกไปในทิศทางที่มุ่งตรงไปยังค่ายกองทัพกู้ชาติ แต่ขณะนั้นหมอกเริ่มลงเรื่อยๆ เซอิจิเริ่มมองเพ่งไปในอากาศฝ่าหมอกเหล่านั้น!
"บ้าจัง!" เขาสบถ แต่แล้วตาของเขาก็มองเห็นอะไรบางอย่าง
"
" เซอิจิเพ่งฝ่าหมอกไปอีกเพราะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
"นั้นกองทัพของพวกเรานี่!!!" เขาร้อง พลางหวดหอกใส่กะโหลกของทหารเกราะดำตัวหนึ่งที่เข้ามาจุ้นจ้าน
"ซาไอ!!! ฟังน่ะ
" เขาหันมาพูดกับซาไอ
"จำไว้น่ะ
เจ้าต้องขี่คุโระไปหาโควตะให้ได้ แล้วจะปลอดภัย!!! เข้าใจไหม? ควบไปให้สุดเลย เข้าใจไหม?"
"เข้าใจ
.แล้วพระองค์
."
"ถ้าคุโระรับน้ำหนักเรา 2 คนมันจะไม่เร็วพอ
ข้าจะอยู่ที่นี่ ส่วนเจ้าควบคุโระไป
ฝ่าหมอกออกไป
โชคดี" แล้วกษัตริย์หนุ่มก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหญิงสาว แล้วกอดเธอแน่น
"ที่ผ่านมาไม่ว่าข้าเป็นยังไง
แต่ใจของข้ารักเจ้าตลอดมา" เซอิจิกล่าว ก่อนที่จะลงจากม้าทั้งๆที่ขายังเจ็บ
"พระองค์
.." ยังไม่ทันที่ซาไอจะพูดจบ เซอิจิก็ตบบั้นท้ายม้าให้มันวิ่งออกไป "ไปซะ!!! หมอกลงแล้ว!!!"
แล้วม้าก็วิ่งออกไปจนลับตา กษัตริย์หนุ่มหันหน้าเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง
"เสด็จแม่
ท่านบังคับให้ลูกลุยเองน่ะ
ระวังเซอิจิ คนอ่อนแอไว้หน่อยล่ะ!!!"
ราชินีมิโดริที่ทรงประทับอยู่บนรถศึก ข้างกายพระนางคือหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่นามว่า ชิวาโนะ!!!
"เหตุการณ์เป็นอย่างไรแล้วบ้างเพค่ะ
ราชินี" หญิงสาวถามอย่างคาดหวัง ราชินีมิโดริชายตามามองก่อนที่จะเพ่งมองไปข้างหน้า
"วากิทำไม่สำเร็จ!!!
แต่ไม่เป็นไร
ดาวจิ้งจอกขาวร่วงแล้ว
ถึงนางไม่ตายก็มีเคราะห์ใหญ่!!!"
"เคราะห์ใหญ่แน่เพค่ะ" ชิวาโนะเสริม "ตราบใดที่หม่อมฉันอยู่นางไม่อยู่ดีแน่
" ริมฝีปากบางแค่นแต่ละคำด้วยความเคียดแค้น
"หม่อมฉันต้องทำอย่างไรบ้างเพค่ะ
." เสียงใสถามด้วยความสงบ ไม่ต่างจากสีหน้า
.
ราชินีทรงหัวเราะในลำคอ พลางหันมากล่าวกับหญิงสาว
"จงขี่ม้าตัวนั้นไป
มันจะพาเจ้าไปหานาง
คงรู้หน้าที่ของเจ้าใช่ไหม? เพียงโลหิตเจ้าต้องตัวนาง
หน้าที่ของเจ้าก็จะสำริดผล
" ราชินีกล่าวพลางชี้ให้เห็นม้าสีดำทมิฬ ตัวใหญ่ราวกับหมียักษ์ ขนรุงรังเหมือนปีศาจในนิทานปรัมปรา ตาสีแดงดั่งใช้โลหิตอาบ เวลาหายใจ ลมหายใจลุ่มร้อนอุปมาได้ว่าร้อนน้อยกว่าเพลิงนรกอเวจีสักหน่อยหนึ่ง!
สาวน้อยชิวาโนะชายตามองอย่างสงบก่อนที่จะถวายคำนับพลางก้าวย่างออกไป จับบังเหียนแล้วควบม้าปีศาจออกไปอย่างไม่มีทีท่ากลัวเกรง!!!
ซาไอที่กำลังควบคุโระออกไปสุดแรงอย่างที่เซอิจิบอก เธอรู้สึกกลัวจับใจ กลัวที่จะต้องแยกจากเซอิจิ
เหมือนกลัวเรื่องที่ปวดหัวเมื่อคืน
ตอนนี้หมอกลงหนาเสียจนมองอะไรไม่เห็น.. ถ้าจะมีอะไรขวางหน้าอยู่เจ้าม้าดำคงชนเข้าอย่างจัง
"ฮ้าาาาาาา!!!!" ยังคิดไม่ทันจบดีก็มีเสียงคำรามร้องขึ้นหน้าเจ้าคุโระ เธอรีบชักม้าให้หยุด พลางลูบต้นคอปลอบขวัญมัน
"ค
ใคร?" ซาไอเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือ เสียงยังคงสั่นแม้ว่าเธอจะหยิบดาบออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความกลัวก็ตาม!!!
"ฮึๆ
" เสียงหัวเราะดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงกีบม้ากระทบพื้น ปรากฏให้เห็นร่างอรชรอ้อนแอ้น ใบหน้าจิ้มลิ้ม อยู่บนหลังม้าสีดำขนรุงรังที่ตัวโตกว่าคุโระที่ตัวใหญ่แล้วเกือบครึ่งหนึ่ง
"จ
เจ้า
" ซาไอพูดอย่างหวาดกลัว สักครู่เธอก็กลืนน้ำลาย "ป
เป็นใคร?"
"เจ้ากลัวเรอะ ซาไอ?
ฮึๆ ทำไมเจ้าไม่กลัวอย่างนี้ตอนที่ฆ่าพี่ของข้าบ้าง?" น้ำเสียงโศกเศร้าอย่างเห็นได้ชัด!
"ฆ
ฆ่า ใคร?" ซาไอขมวดคิ้ว หญิงคนนี้มาแก้แค้นให้ใคร?
"เจ้าจำไม่ได้รึ?
.คงฆ่าคนมากจนจำไม่ได้กระมังว่าฆ่าใครไปบ้าง
ก็ได้จะบอกเอาบุญ
พี่ของข้าชื่อโชวโกะ!!!" คำสุดท้ายที่เอ่ยชื่อพี่สาวช่างเต็มไปด้วยความโศกเศร้าในอารมณ์เหลือเกิน! ซาไอเบิกตาทันที
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มกลับคืนมาในความทรงจำ
.โชวโกะ โชวโกะ!!! ฮือๆ โชวโกะ!!!
"ข
ข้าไม่ได้ตั้งใจฆ่านางน่ะ" ซาไอคร่ำครวญ "โธ่!"
"ข้าไม่รับรู้ใดๆ
เมื่อเจ้าฆ่าพี่ข้าแล้วก็จงฆ่าข้าด้วย!!!" นางผู้นั้นลงจากม้าปีศาจ เจ้าม้าปีศาจวิ่งเข้าชนคุโระ จนซาไอตกลงจากหลังม้า
"ตุ้บ!" เสียงซาไอตกจากม้า หญิงสาวลุกขึ้นช้าๆอย่างเจ็บปวด คุโระถูกกันออกไปโดยม้าปีศาจ
"ไม่หรอก!!!" เธอว่า "ข้าไม่ฆ่าใครถ้าไม่จำเป็น
ยิ่งเป็นผู้หญิงแล้ว ข้าไม่ทำ!" ว่าแล้วซาไอก็เชิดหน้า พลางเก็บดาบเข้าฝัก!
"แต่ครั้งนี้เจ้าต้องฆ่าแน่!!!" หญิงสาวกล่าวพลางหยิบดาบออกจากฝัก "เพราะข้ากำลังจะฆ่าเจ้า
" เธอยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมทำให้ใบหน้าสวยของเธอมองดูน่ากลัวไปถนัดตา เธอถือดาบแล้ววิ่งเข้าหาซาไออย่างรวดเร็ว
"เคร้ง!" เสียงดาบปะทะกัน ซาไอหยิบดาบของเธอขึ้นมารับ หญิงสาวตรงหน้าเธอโถมกายกดดาบใส่เธอโดยแรง ซาไอไม่กล้าบิดตัวออก เพราะเกรงดาบจะพลางถูกหญิงสาวตรงหน้า จึงยอมถูกกดอยู่อย่างนั้น
แล้วดูเหมือนจะมีเวทย์มนต์ แรงของสาวน้อยตรงหน้าเธอเพิ่มขึ้นมหาศาล ทำให้ซาไอถูกกดลงไปคุกเข่ากับพื้น!
"ฮี่!!!!" เสียงร้องอย่างเกรี้ยวกราดของคุโระดังขึ้น เมื่อเห็นเจ้านายเสียเปรียบ มันไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ เพราะเจ้าม้าปีศาจที่ดักทางมันไปเสียทุกทาง!!! ซาไอที่ถูกกดอยู่กับพื้นมองใบหน้าสวยอย่างตกใจ เมื่อหญิงสาวยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ดาบจนแทบจะแทงลำคอของเธอเอง
"จงรับคำสาปไปซะ! ซาไอ!!!" สิ้นคำของหญิงสาว เธอก็ใช้ดาบของเธอปาดคอตนเองจนเลือดสีแดงพุ่งกระฉูดใส่ซาไอเต็มๆ ซาไอแทบกรีดร้องออกมาหากแต่ไม่มีเสียง ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือรอยยิ้มอย่างเปรมปรีดิ์ของคนที่ล้มลงไป ก่อนที่ซาไอจะรู้สึกเหมือนถูกทุบอย่างแรง เธอล้มลง แล้วสติก็หลุดลอยไป!!!!
"แฮ่!!!" เสียงคำรามของม้าปีศาจร้องขึ้นมาเหมือนจะบอกใครสักคนว่าเรื่องจบลงไปแล้ว
แล้วมันก็เดินลับหายในสายหมอก ปล่อยให้คุโระวิ่งเข้าไปหานายสาวที่ล้มอยู่อย่างตื่นตระหนก มันพยายามปลุกนายหญิงโดยการเลีย
แต่ซาไอก็ยังนอนอยู่ตรงนั้น
โดยไม่เคลื่อนที่ไปไหน
"ในที่สุดก็เจอพระองค์
ท่านเซอิจิ" จิเคตะร้องขึ้นเมื่อเห็นเซอิจิเดินกระเผลกเข้ามา เซอิจิยิ้มพลางกุมขาข้างที่บาดเจ็บ
"พระองค์บาดเจ็บ
" เดเอคิปราดเข้าไปช่วยพยุง
"ขอบใจ
"
"แล้วแม่จิ้งจอกน้อยล่ะพะยะค่ะ?" จิเคตะถาม
"ข้าให้นางไปหาพี่ของนางแล้ว
ทีนี่เราจะได้หมดห่วง แล้วไปลุยกับเสด็จแม่ตรงๆซักที"
"แล้วทรงหาพวกเราเจอได้ยังไง?" โทะโดะถามขึ้นบ้าง เซอิจิได้แต่ยิ้มแล้วชี้ที่หมอก
"หมอกกั้นภาพแต่ไม่กั้นเสียง
พวกเจ้าเล่นคุยกันซะ เสียงยังกับฟ้าถล่ม จะให้ข้าตามไม่เจอได้ยังไง
."
"เป็นอันจบเรื่องไป
มาเข้าเรื่องกัน
แล้วจะให้เราหาราชินีเจอได้ยังไรพะยะค่ะ?" เดเอคิถาม
"ไม่ยากเลย
" เซอิจิตอบ "เสด็จแม่เป็นคนทำทหารเกราะดำพวกนี้ใช่ไหม?"
"ใช่
" ทั้งสามตอบ
"แล้วพวกมันจะเดินตรงมาหาพวกเราราวกับเห็นเลยใช่ไหม?"
"ก็ใช่"
"งั้นดี
เราแค่เดินสวนเจ้าพวกนี้ขึ้นไป แล้วก็จะเจอเจ้าพวกนี้เองนั้นแหละ!!!"
"โอ๋
แผนเยี่ยม!!!" เสียงชมอย่างภูมิใจในลูกศิษย์ดังมาจากจิเคตะ
"ขอบคุณ!!!
แต่ว่าเรารีบไปกัน
เพราะถ้าหมอกยังไม่หาย
พวกแม่ทัพโควตะบุกเข้ามาไม่ได้แน่!!!
เดเอคิข้าขาเจ็บ ขอขี่หลังเจ้าไปนะ
จะได้เร็วๆ!!!"
"เป็นเกียรติยิ่งนัก!!!" แล้วเซอิจิขึ้นขี่หลังเดเอคิ ทั้งสี่ออกเดินทางเข้าหารถศึกของราชินีมิโดริ!
ฝ่ายราชินีมิโดริยังคงร่ายมนต์ให้หมอกปกคลุมไปเรื่อยๆอย่างไม่ลดละ แม้จะสยบซาไอได้สำเร็จแต่ศึกยังไม่จบ ราชินีมิโดริยังคงเสกทหารฟางต่อไป และแล้วพระนางก็ได้ใช้แผนการเดิมอีกนั้นคือทหารฟาง! แถมยังมีเป็นสองเท่าของครั้งก่อนเสียอีก
ครั้งนี้กองทัพกู้ชาติจะต้องราบเป็นหน้ากอง!
"
." พระนางเริ่มต้นท่องคาถา
"โอม
." พระนางเตรียมจบมนต์ แต่
. "ปึ้ง!!!" ร่างหนึ่งกระโดดลงบนโต๊ะพิธี เล่นเอาเครื่องเซ่น ธงทวน กระถาง อาวุธ ต่างๆ แตกกระจาย!
"เจ้าเป็นใครน่ะ?!!!" ราชินีร้องถามอย่างโกรธเกรี้ยว คนที่กระโดดลงบนโต๊ะได้แต่ยิ้มหวาน
"ต๊าย!!!!
" คนลึกลับที่ยืนอยู่บนโต๊ะได้แต่ส่งเสียงแบบดัดจริตสุดๆ พลางกุมแก้มทั้งสองข้างไว้
"จำหม่อมฉันไม่ได้หรือค่ะ
ราชินีขา~" ร่างลึกลับเอ่ยพลางก้มหน้าลงไปหาราชินีที่ทำหน้าบูดเบี้ยว!!!
"เจ้า
.!!! เจ้าเป็นใคร? เราไม่เคยรู้จักเจ้า!!!" ราชินีมองใบหน้าหญิงสาวข้างหน้า แล้วนึก
นังนี่เป็นใคร
.
"อุ๊ย! ซิกๆ" หญิงสาวบนโต๊ะทำทีร้องไห้ "หม่อมฉันอิงูจิยังไงล่ะเพค่ะ!!! นางกำนัลของพระองค์!!!"
"อิงูจิ! อ้อ
เจ้านางกำนัลของเรา ทำอย่างนี้ทำไม?" ราชินีมิโดริถาม
"อย่าเพิ่งสรุปซีเพค่า~" อิงูจิร้อง "หม่อมฉันไม่ได้เป็นแค่นั้นน่ะสิเพค่ะ" แล้วอิงูจิก็ทำท่าขรึมลงทันควัน
"ยังจำพระนางยานางิพระราชมารดาแท้ๆของเจ้าชายเซอิจิได้ไหมเพค่ะ?"
"
" ราชินีมิโดริอ้าปากค้าง พระนางเนี่ยล่ะ เป็นคนฆ่าราชินียานางิกับมือ!!! และขึ้นเป็นราชินีแทน
"จ
เจ้าคงไม่ใช่!!!"
"แหม~ อย่าทำท่าตกใจสิเพค่ะ
หม่อมฉันไม่ใช่ผีพระนางยานางิหรอกเพค่ะ!!!" อิงูจิพูดติดตลก แต่ใบหน้าของเธอตรงข้ามกับน้ำเสียง หญิงสาว
"หม่อมฉันแค่มาแก้แค้นให้เจ้านายเท่านั้น
ไม่เอาถึงตายหรอก
.แม้หม่อมฉันจะอยากฆ่าพระนาง!!! ฆ่าๆๆๆ คนอย่างเจ้าให้ตายไปเสียเลย!!!
"อิงูจิกรีดร้องใส่หน้าราชินีมิโดริราวกับเป็นบ้า
"อุ๊ย! ฮิฮิ
ขอโทษที
ใส่อารมณ์ไปหน่อย
" อิงูจิค่อยๆยืดตัวขึ้นจากใบหน้าตกใจของราชินีมิโดริ
"หม่อมฉันขอถวายพระพร
อย่าได้ทรงทำสำเร็จเลย!!!" อิงูจิยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม พลางหยิบไต้จากผ้าคาดเอวแล้วจุดไฟขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะโยนมันลงบนกองตุ๊กตาฟาง ไฟลามขึ้นบนฟางอย่างรวดเร็ว ราชินีจ้องอย่างตะลึงงันไปชั่วครู่พลางหันไปทางอิงูจิ
"ไม่น๊ะ!!!" พระนางมิโดริกรีดร้องบ้างพลางใช้มือกุมกาบหู "เจ้าจะทำลายแผนข้า!!!" พระนางทรงตะคอกใส่อิงูจิที่ยังยืนอยู่บน 'อดีต' โต๊ะพิธี
ที่บัดนี้เป็นแค่โต๊ะไม้ธรรมดา
"ขอบพระทัยเพค่ะ
ที่ชม" อิงูจิกล่าว "ขอทรงถูกจับโดยสงบ!!!" สิ้นคำอวยพรอิงูจิก็จะกระโจนออกไป แต่เหล่าทหารรอบข้างวิ่งใส่เธอตามสัญชาติญาณตัวประกอบ แต่คนอย่างอาเกกินารุซาวะไม่ได้มาแต่มารยา เธอมากับฝีมือด้วย เพียงไม่กี่ก้าวทหารเดิน ดาวกระจายก็พุ่งเข้าทำลายล้าง พร้อมๆกับร่างของอาเกกินารุซาวะก็หายไปด้วย!!!
|