[HOME] [สารบัญ] l 1 l 2 l 3 l 4 l 5 l 6 l 7 l 8 l 9 l 10 l 11 l 12 l 13 l 14 l 15 l 16 l 17 l 18 l 19 l 20 l 21 l 22 l 23 l 24 l 25 l 26
     l 27 l 28 l 29 l 30 l 31 l 32 l 33 l 34 l 35 l 36 l 37 l 38 l 39 l 40/1 l 40/2 l 41 l 42 l 43/1 l 43/2 l 44 l 45
     l 46 l 47 l 48 l 49/1 l 49/2 l 49/3 - fin l

บทที่ 49 ส่วนเติมเต็มของหัวใจที่สมบูรณ์ / 2


เซอิจิกลับตำหนักอย่างเศร้าสร้อย พอเข้าไปในห้องเขาก็วางมือลงบนหน้าผาก แล้วถอนหายใจ

"โอ๊ะๆ! ไปขี่ม้ากับหนูจิ้งจอกมีอะไรน่ะหนักใจหรือพะยะค่ะ?" เซอิจิมองจิเคตะที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของห้อง

"จิเคตะ…ผู้ชายที่พูดความจริงที่ไม่เพราะนี่น่ารังเกียจหรือเปล่า?"

"ไม่รู้หรอกพะยะค่ะ!!! มันแล้วแต่ว่าคนนั้นคิดยังไง"

"แล้วถ้าคนๆนั้นจริงๆใจล่ะ?"

"งั้นก็พอทำใจ…"

"แต่ซาไอเกลียดข้า…"

"นางบอกรึ?"

"เปล่า…แต่นางวิ่งหนีข้า"

"คิดมากจริง…เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอกพะยะค่ะ"

"….." เสียงในห้องเงียบไป อากิโกะยืนฟังหน้าห้องเงียบๆ ตอนแรกคิดจะเข้าไปหาเสียหน่อย แต่สุดท้ายเธอก็หันหลังกลับออกไป

"มาโซยะๆ เฮ้! ได้ยินหรือเปล่า?" อากิโกะร้องเรียก

"อะไรเล่า? ปัดโธ่ดเอ๋ย! กำลังเฝ้าเจ้านายอยู่" เสียงร้องตอบกลับมา ร่างของมาโซยะเดินออกมา ใบหน้าของชายหนุ่มผินมองไปข้างหลัง อากิโกะเกาะรั่วมองอย่างสงสัย

"ท่านเซอิจิกับท่านซาไอทะเลาะอะไรกันน่ะ?" หญิงสาวถาม มาโซยะยักไหล่

"ไม่รู้แต่ท่าทางซาไอจะกลัวอะไรด้วย ตอนนั้นวิ่งร้องไห้มาแล้วปิดประตูเลย สงสัยตอนนี้คงหลับไปแล้วล่ะมั้ง"

"อืม~ ท่านเซอิจิก็เหมือนทุข์ร้อนอะไรสักอย่างแหละ เฮ้อ…เมื่อไรจะจับคู่นี้แต่งงานกันได้สักทีน่ะ"

"ก็คงต้องแล้วแต่เขาแหละ อากิโกะ ของแบบนี้มันบังคับใจกันไม่ได้หรอก…." พูดยังไม่ทันจบดี เสียงหวีดร้องก็ดังออกมาจากห้องของซาไอ นินจาทั้งสองรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว!!!

ซาไอกำลังมึนงง เธอเห็นหมอกเต็มไปหมด พอเธอลืมตาขึ้นเต็มที่ ก็พบว่าเธออยู่บนหลังคุโระอยู่…

"คุโระ!!!" เธอร้องพลางมองไปรอบๆก็พบว่าเธอนอนหลับทับอกของเซอิจิอยู่…หญิงสาวพยายามดันเขาออกแต่ไม่มีแรงเอาเสียเลย เซอิจิยิ้มให้เธออย่างยินดี เหมือนกับได้พบคนที่จากกันไปนาน เนื้อของเขาสกปรกและยังบาดเจ็บอีก เขากอดเธอไว้แนบอก ปากก็พูดอะไรที่เธอไม่ได้ยิน ก่อนที่จะยกหอกขึ้นแทงทหารเกราะดำที่กรูเข้ามา ซาไอพยายามถามเซอิจิว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ควบม้าออกไป….เธอเกาะม้าแน่น!!! สักพักต่อมาเซอิจิก็หันมามองเธอพลางพูดอะไรที่เธอไม่ได้ยิน เขาลงจากม้าพลางจูบหน้าผากเธอแล้วกอดเธอแน่น!!!

สุดท้ายเธอก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มพูด…

"ที่ผ่านมาไม่ว่าข้าเป็นยังไง…แต่ใจของข้ารักเจ้าตลอดมา"

หญิงสาวรู้สึกเขินอายเล็กน้อยแต่ก็ยังพยายามสื่อสารกับชายหนุ่ม ก็ไม่ได้ผล เซอิจิตบม้าให้วิ่งออกไป แล้วเธอก็จับม้าเสียแน่น ม้าควบออกไปเรื่อยๆ จนกระทั้งไปประจันหน้ากับม้ายักษ์ หญิงสาวมองม้าฝ่ายตรงข้ามด้วยความสะพรึงกลัว ม้ายักษ์ที่น่าหวาดกลัวเดินออกมาจากเงามืด บนหลังของมันมีร่างหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มผมสีแดงนั่งอยู่… ซาไอรู้สึกว่าเธอเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหนมาก่อน…

"จ…เจ้าเป็นใคร?" หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หญิงสาวที่นั่งอยู่บนหลังม้ายักษ์มองเธอด้วยสายตาที่น่ากลัว

"อย่าจำได้น่ะ" เธอพูดคล้ายขู่ "คำสาปที่เจ้าได้ไปจากข้า…จะเป็นสิ่งผูกมัดเจ้าเอาไว้…" หญิงสาวว่าจบ ก็ลงจากหลังม้า พลางหยิบดาบออกจากสะพายข้าง เดินตรงมาหาซาไอ ซาไอถอยหลังอย่างรวดเร็ว คุโระของเธอหายไปไหนก็ไม่รู้…เธอหาสิ่งที่จะมาต่อสู้กับคนตรงหน้า ฉับพลันหญิงสาวก็จับดาบจากสะพายข้างได้ เธอคว้ามันมารับอาวุธที่ฟาดลงมาทันที แรงกดดาบของหญิงผมแดงรุนแรงยิ่งนัก ซาไอทำได้เพียงจับดาบต้านเท่านั้น หญิงผมแดงยิ้มให้กับเธออย่างโหดร้าย เธอมองซาไอสักครู่ก่อนที่จะใช้ดาบแทงตัวเอง เลือดแดงซาดกระเซ็นถูกหญิงสาวทั่วสรรพางค์กาย หญิงสาวกรีดร้องและ…ลืมตาตื่นอย่างรวดเร็ว ภาพที่เห็นเป็นหญิงสาวผมแดงต่อหน้าเธอเมื่อสักครู่นี้ แปรเปลี่ยนเป็นมาโซยะ และอากิโกะ ทั้งสองมีที่ท่าตกใจอย่างเห็นได้ชัด พอซาไอลืมตาขึ้นแทบจะเป็นทันทีทั้งคู่จะถามขึ้นพร้อมกัน

"เป็นอะไรรึเปล่า?" "เป็นอะไรรึเปล่าเพค่ะ?" ทั้งสองถามขึ้นพร้อมกัน ซาไอมองมาโซยะแล้วมองอากิโกะ

"ไม่เป็นไร…" ซาไอตอบด้วยเสียงสั่นๆ เหงื่อไหลทั่วเต็มตัว

"ข้าฝันร้าย…ฝันร้ายนิดหน่อย"

"ฝัน? ฝันว่าอะไร?" มาโซยะซักไซ้ ซาไอก้มหน้าพลางสางผมที่ลงมาปรกหน้า

"ฝ…ฝัน ว่าอยู่ในสนามรบกับท่านเซอิจิ ล..แล้วกำลังหนีอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ท่านเซอิจิปล่อยข้าให้หนีไปคนเดียว ข้าก็หนีไปจนเจอผู้หญิงคนหนึ่ง…" ซาไอตัวสั่น

"นางพูดถึงคำสาปอะไรก็ไม่รู้…แล้วเอาดาบมาจะฆ่าข้า แต่ก็ใช้แทงตัวเอง เลือดกระเด็นไปทั่ว ข้าก็เลยตกใจตื่นเท่านั้นแหละ" ซาไอบอก อากิโกะเดินเข้ามาหาหญิงสาวแล้วทรุดตัวลง เธอใช้ปลายนิ้วปาดเหงื่อให้หญิงสาวเบาๆ

"มิโดริ…ชิวาโนะ" เธอพึมพำเบาๆ

"ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาจิ้มลิ้ม มีผมแดงใช่ไหมเพค่ะ…" อากิโกะถามซาไอ ซาไอพยักหน้า อากิโกะวางมือลงบนมือของหญิงสาว พลางหันไปมองมาโซยะ

"จำเรื่องที่ข้าพูดให้เจ้าฟังได้ไหม? ชิวาโนะน่ะ" เธอกระซิบข้างหูมาโซยะ ชายหนุ่มพยักหน้า

"สงสัยว่านางเนี่ยแหละต้นเหตุ…" แล้วอากิโกะก็ลุกขึ้นยืน

"ข้าคุ้นเคยเจ้า…อากิโกะ" ซาไอพูด "เราเคยรู้จักกันใช่ไหม?" ซาไอถามหญิงสาว อากิโกะลังเลสักครู่ก่อนจะตอบ

"เคยเพค่ะ…หม่อมฉันเป็นหนึ่งในขุนพลของท่านเซอิจิ" หญิงสาวตอบ ซาไอขมวดคิ้วเล็กน้อย

"อย่างนั้นท่านเซอิจิคงส่งเจ้ามา เขาส่งเจ้าให้มาบอกอะไรข้าล่ะ?" อากิโกะส่ายหน้า

"เปล่าเพค่ะ หม่อมฉันได้ยินว่าทรงทะเลาะกัน…" หญิงสาวเอ่ยตรงๆ ซาไอโคลงศรีษะเล็กน้อยพลางหันไปคุยกับมาโซยะ

"มาโซยะ ไปดูให้ข้าหน่อยว่านางกำนัลไปอยู่ที่ไหนหมด" มาโซยะมองหน้านายหญิงก่อนที่จะหันไปมองอากิโกะ มองไปมองมาสักครู่เมื่อเห็นว่าใจหญิงหยั่งยากเกินคาดเดา เขาจึงยอมเดินออกไปโดยดี เมื่อมาโซยะเดินออกไปแล้ว ซาไอก็กลับมามองอากิโกะ เธอยิ้มให้คล้ายรู้ทัน

"นายตนอย่างไรก็ต้องถูก คิดว่าข้าไปทำอะไรท่านเซอิจิล่ะ?"

"หม่อมฉันไม่ได้บอกอย่างนั้น…" อากิโกะปฏิเสธอย่างสงบ

"ท่านเป็นเจ้าสาวการเมือง ไม่แปลกใจที่ทรงเคยชื่นชอบท่านเซอิจิแต่บัดนี้ไม่!!! เพราะบ้านเมืองของท่านถูกโจมตีโดยพระองค์ หม่อมฉันจึงไม่แปลกใจที่ท่านย่อมต่อต้านเป็นธรรมดา…"

"อ้อ…ที่แท้ก็มาเจรจา" ซาไอกล่าว

"มิได้หม่อมฉันมาเอง และใคร่จะมากราบบังคมทูลถามว่าเกิดอะไรขึ้น?" อากิโกะก้มศรีษะ ซาไอลงตาลงมองอย่างอดทน

"ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงได้สนใจเรื่องนี้นัก แต่ขอบอกไว้ก่อนน่ะ ข้าจำไม่ได้ว่าเราเคยรู้จักกันในแง่ดีหรือแง่ร้าย แต่ตอนนี้ข้าชักรู้สึกไม่ดีกับเจ้าแล้ว…"

"เหมือนครั้งแรกที่ทรงเจอหม่อมฉัน ก็ทรงพูดเช่นนี้" หญิงสาวยิ้มเยาะ พอจบคำซาไอผู้ถูกยั่วก็ลุกขึ้นอย่างหมดความอดทน

"ออกไปจากห้องนี้!!!" เธอชี้ไปยังประตู "ข้าอุตส่าห์อุตส่าห์ไม่มีปากเสียงกับท่านเซอิจิเพราะเห็นว่าเขาเป็นว่าที่สามี!!! ทรงเป็นคนโหดร้ายแค่ไหน เขาบุกนากิเพื่อเอาตัวข้า ไหนบอกข้าสิ!!! เมื่อก่อนเขาฆ่าคนเป็นผักปลาอย่างนี้หรือเปล่า!!!" อากิโกะมองผู้สูงศักดิ์กว่า เรียวปากงามยังยิ้มเยาะ

"ท่านนั้นล่ะต้องรับผิดชอบ!!! คนที่ทำให้พระองค์เป็นอย่างนี้ก็คือท่านนั้นแหละ!!!" อากิโกะเดินเข้าไปใกล้ซาไอ

"เมื่อก่อนท่านอยากให้พระองค์เข้มแข็ง ท่านพร่ำสอนพระองค์ให้ยืนอยู่ด้วยขาของตัวเอง ตอนที่ท่านสอนน่ะ ข้าไม่ว่าท่านหรอก เพราะท่านหวังดี ท่านรักพระองค์ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว!!! ท่านน่ะมันเห็นแก่ตัว ชอบมองอะไรด้านเดียว ตอนท่านยังเป็นขุนพลซาไออยู่ ท่านเป็นคนเก่ง เพราะท่านมองอะไรสองด้านเสมอ…ทำให้ท่านเหนือกว่าใคร เพราะท่านสามารถเข้าใจศัตรูได้เพราะมองความคิดในด้านพวกมันได้!!! ท่านเซอิจิไม่ใช่คนปากหวาน หม่อมฉันรู้!! และไม่เคยพูดสักคำว่าพระองค์เป็นคนดี ผู้ชายที่ทำอะไรแล้วอ้างแต่ว่าตัวเองถูกน่ะ มันไม่ใช่คนดีแท้หรอก!!! ท่านเซอิจิทรงเดินตามทางที่พระองค์เห็นว่าดีแล้ว ทรงยอมเสียทุกอย่างให้ท่าน!!!" อากิโกะหยุดหอบ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอดทน

"เมื่อท่านจำข้าได้…ท่านย่อมนึกถึงตอนที่ท่านเป็นขุนพลได้…" หญิงสาวกล่าว

"อย่าได้นึกถึงใจท่านแต่เพียงอย่างเดียว นึกถึงคนที่รักท่านด้วย…"

"พระองค์ทรงรักท่านมากจนทำตัวไม่ถูก…ทรงอยากปล่อยท่านไปแต่มันก็กระชากใจตัวเอง…จะให้ท่านอยู่ก็สงสารท่านจับใจ…"

"การกระทำครึ่งๆกลางๆอยู่อย่างนี้ สิ่งเดียวที่พระองค์จะทำได้คือทำให้ท่านรักพระองค์"

"ตอนที่ทรงบุกไปบ้านเมืองท่าน ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ทำร้ายประชาชนแม้แต่คนเดียว!!! ถ้าทรงเห็นบาดแผลบนอกของพระองค์ ท่านจะรู้ว่านั้นแหละคือหลักฐาน เพราะไม่ทรงชอบเดินทัพไปกลางเมือง เนื่องจากอาจต้องรบราฆ่าฟันกับคนบริสุทธิ์ จึงทรงเดินทัพในป่า ทำให้ถูกทำร้าย!!! ถ้าจะถามว่าทำอย่างนั้นทำไม? ทั้งๆที่ทรงรักสงบจะตายไป ก็เพราะท่านน่ะสิ"

"หม่อมฉันไม่รู้ว่าท่านเคยอีกหรือไม่ แต่ถ้าไปถามคนในกองทัพ ใครๆ ก็รู้ว่าการออกรบทุกครั้ง หลังจากจบศึกแล้ว พระองค์จะใช้ดาบกรีดนับศึกที่พระองค์ได้ฆ่าคนไว้ที่อกตัวเอง!!! เป็นการไถ่บาปที่ได้ทรงฆ่าคน!!!!" อากิโกะถอนหายใจหลังจากพูดเสร็จ แล้วยิ้มอย่างเศร้าๆ

"ไม่ได้มาบังคับพระองค์รักท่านเซอิจิ แต่มาบอกท่านว่า ท่านเซอิจิไม่ได้ชั่วช้าอย่างที่ท่านเคยคิด…" เธอจับมือซาไอขึ้น

"ถ้ายังจำได้บ้าง ขอให้ความรักที่ท่านเซอิจิรักท่าน และเมื่อครั้งที่ท่านยังรักพระองค์มาก จนทำแผลนี้ขึ้นมา" เธอใช้มือลูบแผลบนแขนซาไอ

"คำว่า 'เซอิจิ' ท่านสลักมันด้วยหัวใจ ข้าเชื่อว่าไม่ยังไง ความทรงจำที่หลับไหลอยู่ในตัวท่าน ยังคงรักท่านเซอิจิที่สุด…" เธอวางมือของซาไอลง แล้วก้มถวายบังคมลา เดินออกไป

ซาไอมองหญิงสาวที่เพิ่งออกไปก่อนเม้มปาก แผลที่เธอเห็นเมื่อตอนเช้าน่ะหรือ? คือแผลที่เขาไถ่บาปตัวเอง

…..ข้าควรจะทำยังไงดี?… เธอคิด
…..ข้าจะรักเขาหรือ? ไม่หรอก…ข้ากลัวเขา เขาปล้นแผ่นดินของข้า….
…..นี่หรือ? ความรู้สึกในใจเจ้าจริงๆ…. เสียงแปลกประหลาดถามขึ้น
…..ถามความรู้สึกเจ้าจริงๆสิ ว่ารู้สึกอย่างไรกับผู้ชายคนนั้นกันแน่…. เสียงประหลาดถามต่อ
…...อย่าให้ความคิดบดบังความรู้สึกของเจ้า…. หญิงสาวยกมือขึ้นทาบอกตัวเอง
…….รู้สึกยังไงบ้าง?…..
……ข้าอยากกลัวเขา….
…..แต่ไม่ช้าข้าก็อยู่กับเขาได้อย่างมีความสุข….
…...ทุกครั้งที่อยากแค้นเขา….
……ข้าก็กลัวความคิดตัวเองนั้น จนโมโหตัวเอง….
……ข้าไม่อยากให้เขาเข้าใกล้ข้า เพียงเพราะกลัวเขารู้ความรู้สึกข้า….
…..ดีแล้ว… เสียงประหลาดพูดเสียงอ่อนโยน
….แล้วเจ้าจะทำยังไงล่ะ?….
…..ข้าจะไปหาเขา….ขอโทษเขา เราจะได้คืนดีกัน ข้าจะไม่เอาแต่ใจอีก….
…..อืม… …..
…..ด้วยความรักที่เขามีต่อเจ้า…เขาต้องยกโทษให้แน่….

สิ้นเสียงประหลาดซาไอก็ล้มตัวลงบนเตียง พรุ่งข้าจะไปขอโทษเขา… เธอคิด ซาไอไม่รู้ว่าเธอมีใจให้เซอิจิรึเปล่า? แต่เธอรู้ความรู้สึกตัวเองว่า การทะเลาะกับเขาทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเลย…


เช้าของวันหนึ่ง ร่างสูงของกษัตริย์แห่งนากินั่งอยู่บนเก้าอี้ที่วางไว้ริมหน้าต่าง เซอิจิยกมือวางลงบนศรีษะ คิดอะไรสักอย่างอยู่คนเดียวสักพักใหญ่ ก่อนที่จะยกมือออกจากหน้าผากแล้วหันไปทางคนผมแดง

"จิเคตะ"

"……" ชายผมแดงหันมามองเซอิจิ

"ทำไมหรือพะยะค่ะ?"

"ข้ากักขังนางไว้ที่นี่เหมือนคนเลวเลยน่ะ ถ้าใจนางไม่มีข้า ข้าส่งนางกลับนากิดีไหม?" จิเคตะอ้าปากค้างอย่างตกใจ จะให้ราชินีในอนาคตของนากิหลุดมือไปเรอะ ไม่มีทาง!

"พระองค์!" จิเคตะพูดอย่างเคร่งขรึม "ทรงคิดให้ดีก่อนน่ะพะยะค่ะ…."

"ทรงบุกข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อไปเอาตัวนางมา ยอมถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ ยอมเสี่ยงตั้งมากมายเพื่อให้ได้ตัวนางมา แต่จะคืนนางให้นากิง่ายๆอย่างนี้หรือพะยะค่ะ?" จิเคตะคัดค้าน

"นางไม่มีความสุขที่อยู่กับข้าเลยจิเคตะ…ข้าอาจไม่ดีพอ" เขาพูด

"แล้วเรื่องราชินีของพระองค์อีกพะยะค่ะ….จะทำอย่างไร!!!" จิเคตะถาม

"….." เซอิจิเงียบไป "ข้าไม่มีราชินี" เขาตอบ "เจ้าก็รู้นี้นาว่าข้ารักนางมาก…แต่ไม่นานหรอกข้าคงจะหายเศร้าในไม่ช้า"

"แต่หม่อมฉันไม่ยอม!!" จิเคตะกล่าว "ทรงทำอย่างนั้นได้แน่แต่ไม่ทรงบ้างหรือหรือพะยะค่ะ? ว่าว่าใจของพระองค์จะเป็นอย่างไร ทั้งๆที่ทรงรักนางมากแท้ๆ"

"ข้าพูดในสิ่งที่ข้าจะทำ…ข้าเตคยคิดว่ามีแค่ตัวนางอยู่คงไม่เป็นอะไร แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าการที่ใจของนางไม่ได้อยู่กับข้าด้วยนั้นมันเป็นความทุกข์เหลือแสน ยิ่งกว่านางไม่ได้อยู่กับข้าเสียอีก" เซอิจิกล่าว จิเคตะมองเจ้านายอย่างไม่ยอมแพ้

"แต่…"

"ข้าตัดสินใจแล้ว…ถ้านางไม่ต้องการอยู่กับข้า ข้าก็จะส่งนางกลับ" ทรงประกาศ พลางมองไปทางจิเคตะ เขาได้ถอนใจ

"ทรงตัดสินใจแล้ว หม่อมฉันห้ามไม่ได้ ตามพระทัยพระองค์เถอะพะยะค่ะ"

ทั้งสองก็เงียบไป สายลมพัดโบกเอื่อยๆ นกน้อยแม้ร้องเพลงไพเราะเพียงใดก็ไม่ทำให้ใจเขาสดใสขึ้นมาเลย เซอิจิกลับไปนั่งที่เก้าอี้จนเกือบเที่ยง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เดเอคิก้าวเข้ามา

"เออ…ท่านเซอิจิ"

"บอกว่าข้าไม่อยากพบใคร…" เขาว่า

"แต่…" เดเอคิอ้ำอึ้ง

"ถ้าเขาดึงดันยังจะเข้ามา บอกเขาไปว่าข้าป่วย ไม่ต้องการพบใคร…ป่วยหนักใกล้ตายแล้ว…ให้ข้าได้ตายอย่างสงบเถอะ" เซอิจิพูดออกไปอย่างรำคาญเล็กน้อย เดเอคิมองเซอิจิอย่างหนักใจก่อนที่จะถวายบังคมและก้าวออกไปนอกห้อง เมื่อประตูปิดลง ชายหนุ่มก็ถอนใจพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ไม่นานความสงบก็ถูกทำลายลงเมื่อเกิดมีเสียงโต้เถียงกันอยู่หน้าห้อง เหตุการณ์คล้ายกับมีคนผู้หนึ่งต้องการเข้ามา แต่เดเอคิขัดขว้างสุดกำลัง เซอิจิถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย ชายหนุ่มตัดสินใจเดินไปยังประตู ก่อนที่จะกระชากมันออกอย่างรำคาญเล็กน้อย ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือซาไอ หญิงยกมือปิดปากอย่างประหลาดใจ

"ซ…ซาไอ" เซอิจิตะกุกตะกักเล็กน้อย ซาไอถวายบังคมอย่างประหม่า ต่างคนต่างมองกันสักครู่หนึ่ง

"หม่อมฉัน…เข้าไปได้ไหมเพค่ะ…" หญิงสาวถามขึ้น เซอิจิไม่ได้ตอบ เขาผายมือออกเป็นเชิงอนุญาต หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ประตูมองซ้ายมองขวาก่อนก้าวเข้าไป เซอิจิเดินตามหลังเข้ามา พลางมองไปที่จิเคตะก่อนจะมองไปที่ประตู จิเคตะทราบเหตุการณ์ เขาลุกถวายบังคมและเดินออกไป เซอิจิลื่นเก้าอี้ให้หญิงสาวนั่ง ส่วนตัวเขาเองก็เลื่อนเก้าอี้มานั่งเช่นกัน…

ชายหนุ่มยิ้มเป็นเชิงถาม

"ห…ม่อมฉันจะมาคุยเรื่องเมื่อเพค่ะ…" หญิงสาวรวบรวมความกล้าพูดขึ้น เซอิจิยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน

"มีอะไรหรือ?" เขาถาม หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่ม พลางลอบบิดมือที่อยู่บนตัก เธอลดตามองมือตัวเอง ก่อนจะแหงนหน้าสวยมองชายหนุ่ม

"หม่อมฉันคิดว่าเมื่อวานหม่อมฉันคงจะหยาบคายกับพระองค์ วันนี้หม่อมฉันจึงมาขอประทานอภัย วันนี้หม่อมฉันจึงมาขอประทานอภัยเพค่ะ" หญิงสาวพูดจบก็หลบตาชายหนุ่ม เซอิจิมองหญิงสาวอย่างไม่ถือสาหาความ พลางยิ้มอย่างเป็นมิตร

"ข้าไม่ว่าอะไรหรอก…คิดว่าการกระทำของข้าเจ้าคงไม่ชอบ" ชายหนุ่มลุกขึ้น เดินไปยังหน้าต่างและมองออกไป

"เป็นการบังคับเจ้าเกินไป" ชายหนุ่มถอนใจ

"ซาไอ" เขาหันกลับมาทางหญิงสาว "เจ้าอยากกลับนากิไหม?" ชายหนุ่มถาม ซาไอนั่งนิ่ง มองเซอิจิอย่างตื่นตระหนก

"จะทรงไล่หม่อมฉันกลับนากิหรือเพค่ะ?" หญิงสาวถามด้วยเสียงสั่นๆ

"เจ้ากลัวข้า" เขาบอก "ไม่จำเป็นต้องฝืนใจหรอก ถ้าอยากกลับนากิ ข้าจะให้คนเตรียมสัมภาระไว้ให้" ซาไอมองเซอิจิอย่างไตร่ถาม

"จะทรงไล่หม่อมฉันกลับนากิจริงๆ" ซาไอลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปข้างหลังกษัตริย์ พลางจับชายเสื้อพระองค์ไว้ เซอิจิลดตาลง เอื้อมมาข้างหลัง จับมือของหญิงสาวเอาไว้ เขาหันกลับมาพลางจุมพิตมืออย่างนิ่มนวล ซาไอไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เธอจับมือของชายหนุ่มมาวางลงบนแขนข้างที่มีชื่อของเขาประทับไว้

"นี่คือชื่อของพระองค์" เธอมองเซอิจิ หวังจะให้เขาเปลี่ยนใจ

"จะทรงรับผิดชอบกับชื่อพระองค์ที่อยู่บนตัวหม่อมฉันอย่างไร?" เธอกล่าว เซอิจิปล่อยมือของหญิงสาวลง

"ข้ากำลังรับผิดชอบอยู่…" เขากล่าว "โดยส่งเจ้ากลับบ้าน ไปยังที่ๆเจ้ารัก ไม่ต้องมีความความทุกข์ในต่างแดน" เขายิ้มให้หญิงสาว แต่เจ้าหญิงไม่ได้ยิ้ม เธอกัดริมฝีปากปน่น ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วเชยใบหน้าของเธอขึ้นเบาๆ

"อย่าเศร้าสิ…ข้าจะส่งเจ้ากลับบ้านแล้ว" เขาพูด ครั้งนี้หญิงสาวปัดมือของเขาทันที

"ทรงเกลียดหม่อมฉันแล้ว!!!" เธอกล่าวอย่างคับแค้นใจ "ถ้าระอาหม่อมฉัน จนต้องส่งหม่อมฉันกลับบ้าน ก็อย่ามาใยดีหม่อมฉันเลย!!!" หญิงสาวว่าจบ ก็สะบัดมือหน้าและเดินตรงไปจากห้อง โดยไม่หันหน้ากลับมา หลังเสียงปิดประตูอย่างใส่อารมณ์ แล้วเสียงเดินแผ่วไป ชายหนุ่มก็ทรุดตัวลงที่โต๊ะ แล้วใช้มือตัวเองอุมอกอย่างเจ็บปวด…


หลายวันต่อมา ซาไอและเซอิจิก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ชุดเจ้าสาวสวยถูกเก็บเข้าห่อข้าวของ ซาไอมองข้าวของเหล่านั้นอย่างเศร้าๆ เสียดายเหลือเกินที่ชุดเจ้าสาวสวยขนาดนี้ไม่ได้ใช้… เธอหน้าแดงขึ้นมาทันที เธอจะเสียใจไปทำไม? ในเมื่อเธอไม่ได้รักเขา? ทำไม? พอจะจากกัน เธอถึงรู้สึกใจหายอย่างนี้ น่าจะดีใจสิ…ที่ในที่สุดก็จะได้กลับบ้านแล้ว…

หญิงสาวก้าวเดินไปมาภายในห้อง ในมือถือสมบัติอย่างเดียวของเธอ เธอตัดสินใจแล้ว เธอจะทิ้งมันไว้ที่นี่ เพราะมันเป็นสิ่งที่เซอิจิให้ไว้ ถ้าเอากลับไปด้วยก็ยิ่งจะทำให้เธอยิ่งนึกถึงเขา หญิงสาววางมันลงบนโต๊ะตัวเดียวในห้อง โต๊ะที่เซอิจิมักจะมานั่งเสมอๆเมื่อมาหาเธอ หญิงสาวลูบมันอย่างรักใคร่ ก่อนที่จะสำรวจภายในห้องว่าไม่ลืมอะไร จึงเดินออกไปจากห้อง…

ขบวนส่งเจ้าหญิงยังคงยิ่งใหญ่ดังขามา ก็กษัตริย์แห่งนากิลงทุนคัดเลือกทหารองครักษ์เองเลยนี่นา หญิงสาวเดินไปยังเกี้ยวของตน นางกำนัลถวายบังคมก่อนจะเลิกม่านเกี้ยวให้ หญิงสาวก้าวขึ้นเกี้ยวอย่างสง่างาม ก่อนที่จะลงนั่งในเกี้ยว

"มาโซยะล่ะ?" เธอเกิดฉุกคิดได้ จะเลิกม่านเกี้ยวถามนางกำนัลที่อยู่ใกล้ๆ

"ท่านมาโซยะบอกว่าจะตามไปทีหลังเพค่ะ เห็นบอกว่าท่านมีธุระติดค้างนิดหน่อย แล้วขอยืมเจ้าคุโระไปด้วยเพค่ะ" นางกำนัลทูล ซาไอพยักหน้ารับ เธอปิดม่านลง ไม่นานขบวนคาราวานก็พร้อมออกเดินทาง หญิงสาวนั่งเงียบอยู่ในเกี้ยว ครั้นแล้วเธอก็ได้ยินเสียงม้าวิ่งเหยาะๆเข้ามา เธอเพ่งมองฝ่านม่านก็พบว่า เซอิจิเป็นผู้ขี่ม้าตัวนั้น ชายหนุ่มลงจากม้าและเดินมายังเกี้ยว

"ซาไอ" เขาเรียก

"……."

"ซาไอ เจ้าไม่อยากพูดกับข้าก็ไม่เป็นไร ข้าจะไปร่วมส่งเจ้าจนกว่าจะพ้นชายแดน ช่วงนี้มีอะไรเรียกข้าน่ะ…" เขากล่าว รอฟังคำขานรับจากหญิงสาว แต่หญิงสาวยังคงเงียบ เซอิจิถอนใจเบาๆ ก่อนที่จะให้สัญญาณเคลื่อนขบวนเสด็จ…


ขบวนเสด็จเคลื่อนออกไปแอย่างเชื่องช้า แต่ก็ค่อยๆเข้าสู่ความเร็วปกติเมื่อเวลาฝ่านไปสักพัก กษัตริย์แห่งนากิแหงนหน้ามองท้องฟ้า แดดร้อนเริ่มรุมเร้า ต้นไม้ที่ขึ้นระหว่างสองข้างทางมิได้แบ่งเอาภาระอันนี้ไปได้เลย….

เซอิจิยามที่เขาขี่ม้าออกไป มิได้มีสติอยู่กับตัวเลยแม้แต่นาที เพราะสติของเขาได้หายเข้าไปดูแลคนในเกี้ยวเรียบร้อยแล้ว เหงื่อของเขาโทรมกาย แต่ความรู้สึกของเขาไม่ได้ตอบสนองใดๆ เขาไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกร้อนเลย เพราะตอนนี้ใจของเขานึกแต่ว่า หลังจากซาไอไป เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไร…

ส่วนซาไอนั้นนั้นจ้องมองออกไปนอกเกี้ยวตลอดเวลา มองไปยังคนร่างสูงที่นั่งอยู่บนหลังม้า เธอเม้มปากแน่นเพื่อสะกดอารมณ์ เธออยากจะกระโดดออกไปนอกเกี้ยวและตะโกนบอกเขาเหลือเกินว่า เธอไม่อยากไปจากที่นี้เลย เธออยากจะกลับซูคัง แล้วอยู่ร่วมกับเขาตลอดไป…

แต่หากเขาปฏิเสธเธอเล่า? เธอจะทำอย่างไร? เธอเตือนสติตัวเอง เขาเกลียดเธอแล้วต่างหาก ถึงได้ขับไล่ไสส่งเธอออกจากเมือง แล้วที่เขามาส่งเธอนั้น แค่เป็นมารยาทเท่านั้นเอง หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตา ไม่ว่าอย่างไร อดีตก็จบลงแล้ว เธอจำต้องเข้าสู่ปัจจุบัน คิดเช่นนั้น เธอก็เชิดหน้าขึ้น มองตรงไปข้างหน้า ขณะที่ขบวนเสด็จยังเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ…

. . . . . .

และแล้วเวลาช่วงเวลาแห่งการจากก็มาถึง ในช่วงสุดท้ายของเขตชายแดน เซอิจิจำต้องหักห้ามใจหยุดม้าไว้ตรงนั้น ไม่ให้ตามไป เขาหยุดม้าไว้ พลางก้มมองฝุ่นที่เพิ่งตลบเพราะม้าของขบวนคาราวานเพิ่งผ่านไป…ถ้าซาไอพูดสักคำว่าไม่ต้องการจากไป…หรือประโยคอะไรก็ได้อีกร้อยแปดที่มีความหมายว่าไม่รังเกียจเขา ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาจะสั่งขบวนเสด็จกลับทันที!!! แม้ว่าใครจะพูดอย่างไรก็ตาม แต่นี่…เธอไม่พูดอะไรเลย เธอคงยินดีที่จะจากไป…

เซอิจิมองช่องเขาแคบๆที่เป็นที่บอกเขตหมดแดนของซูคัง.. ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากอย่างโศกเศร้า เขาวิ่งเหยาะม้าเข้าไปหาเกี้ยวของหญิงสาว

"ถึงแล้วล่ะ ชายแดน" เขาพยายามทำเสียงให้ร่าเริง

"ข้าคงต้องกลับเสียที ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพล่ะ" เขาอวยพร โดยไม่พยายามมองคนในเกี้ยวให้ยิ่งเจ็บปวด

"ขอบพระทัย…" เสียงตอบเรียบดังมาจากในเกี้ยว เซอิจิพยักหน้า เขามองเกี้ยวสักครู่ก่อนที่จะผละออกไป สั่งเสียหัวหน้าองครักษ์ ให้ดูแลเจ้าหญิงเท่าชีวิต และสุดท้ายเขาก็ต้องถอยม้าออกไป มองดูขบวนส่งเสด็จเคลื่อนออกช้าๆ เขามองฝุ่นที่ตลบกลบภาพสักครู่ก่อนที่จะยกมือบังแดดคล้ายเพิ่งรู้สึกถึงแดดร้อน เขาลอบมองขบวนส่งเสด็จของนางอันเป็นที่รักอีก ก่อนที่จะชักม้าเดินสวนทางกับขบวนเสด็จ ที่ค่อยๆห่างออกไปช้าๆ อย่างเศร้าใจ…


ซาไอลอบมองออกจากหน้าต่างหลังเกี้ยว เธอมองเห็นม้าเดินจากออกไปช้าๆ หญิงสาวทรุดลงนั่งลงบนพื้นเกี้ยวตามเดิมอย่างเจ็บปวดใจ ถ้าเซอิจิตะโกนสักครั้งว่า เขารักเธอ เธอจะบอกว่า เธออยากอยู่ที่นี่ อยากอยู่กับเขาตลอดไป แต่เขาไม่ได้พูดอะไรแม้แต่นิดเดียว หญิงสาวกอดแขนที่มีของชายหนุ่มเอาไว้ มองมันแล้วมองมันอีก ริมฝีปากสั่นระริก พลางค่อยๆ ใช้มือลูบรอยแผลนั้น น้ำตาเอ่อล้นดวงตาทั้งสองข้าง เธออยากให้มีเหตุการณ์อะไรสักอย่างดลบันดาลให้เขาขี่ม้ากลับมาหาเธอเหลือเกิน เธอคาดหวังลมๆแล้งๆพลางมองออกไปนอกเกี้ยว และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเกิดเสียงโห่ร้องลงมาจากยอดเขา หลังจากนั้นสักครู่เดียว ก็มีเสียงร้องตะโกนอย่างตื่นตกใจของเหล่านางกำนัลและเหล่าองครักษ์เป็นพัลวัน ซาไอนั่งอยู่นานจึงจะจับความได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อ นางกำนัลผู้หนึ่งกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกแทบสิ้นสติว่า "โจรป่า!!!"


เซอิจิที่กำลังขี่ม้าช้าๆ จากไปนั้น ใจของเขายังไม่ได้ออกจากเกี้ยวไปไหน ยังคงตามขบวนเสด็จไป แต่แล้วชายหนุ่มก็เกิดลางสังหรณ์ตะงิดๆ เขาถอนหายใจและคิกว่ามันคงเป็นเรื่องคิดไปเอง จู่ๆก็มีแรงยบันดาลใจให้เขาหันกลับไปมองข้างหลังอีกครา…แล้วชายหนุ่มก็ต้องตกตะลึง

ขบวนเสด็จที่เขาเพิ่งจากมา บัดนี้สิ่งที่เขาเห็นก็คือฝุ่นที่ตลบอบอวลไปทั่ว เซอิจิเกิดความสงสัยจึงชักม้ากลับไปมอง แล้วเขาก็เห็นชัดว่ามีผู้บุกรุกขบวนส่งเสด็จ ใบหน้าของซาไอเข้ามาแทนที่ภาพที่กำลังมองเห็นทันที กว่าชายหนุ่มจะตั้งสติได้ ร่างกายของเขาก็ควบม้าไปยังที่นั้นเสียแล้ว!!!


ในห้องสมุดของอาณาจักรซูคัง ที่กว้างพอๆกับลานขนาดย่อมๆเลยทีเดียว ที่นั่นบรรจุตำราเอาไว้มากมาย เป็นข้อมูลตั้งแต่เริ่มวัฒธรรมจนกระทั้งปัจจุบัน รวมทั้งความรู้ของอาณาจักรอื่นมากมายหลายแขนง และคนทั้ง 5 คนอยู่ที่นั้น กำลังช่วยกันค้นหาตำราด้วยความเคร่งเครียด ไม่มีใครหันหน้ามาคุยกันนัก ต่างคนต่างก็เปิดหนังสือที่อยู่ข้างหน้าตนเพื่อหาทางแก้คำสาปให้ซาไออย่างเร่งด่วน ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปกว่า มาโซยะก็อยู่ที่นี่ด้วย

เขาไม่ตามไปเพราะรู้ว่ายังไงซาไอก็ต้องกลับมาที่นี่อยู่ดี จิเคตะนั่งอยู่อีกส่วนของห้องกำลังเปิดตำราเล่มหนาๆดู อากิโกะเพิ่งเดินกลับจากที่วางหนังสือพร้อมกับตำรา 3 เล่มใหญ่ หญิงสาววางหนังสือกับโต๊ะ เดเอคิดึงเอาไปเปิดอ่านแทบจะในทันที ส่วนโทะโดะกำลังดูหนังสือหมวดจิปาถะที่อาจเกี่ยวกับคำสาป ด้วยความหวังว่าจะได้เจอวิธีแก้คำสาป และเพื่อเป็นการฉุดรั้งให้ซาไอเดินทางช้าที่สุด พวกเขาได้ให้ทหารพวกหนึ่งปลอมไปเป็นโจรป่าเพื่อให้การเดินทางล้าช้าลง และในระหว่างช่วงนั้นพวกเขาก็ช่วยกันหาวิธีแก้คำสาป มาโซยะใช้ปลายนิ้วไล่ตัวหนังสือไปมาสุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืน

"วิธีแก้คำสาปที่โดนจากการแลกชีวิต!!!" เขาร้อง อีก 4 คนชะโงกมาดูทันที มาโซยะนั่งลงแล้วใช้ปลายนิ้วไล่ไปตามหัวเรื่องย่อย…

"ถูกทำให้มีสภาพคล้ายคนตาย…ทำให้พิการ…อัมพาต อ้าวไม่มีแฮะ…" มาโซยะเกาหัว เมื่อไม่พบหัวข้อ 'ลืมความทรงจำ' ที่ซาไอเป็นอยู่ อีก 4 คนถอนใจอย่างเสียดาย ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปหาของตนต่อ

"ชิ…พวกกระต่ายตื่นตูม" จิเคตะเปรยเบาๆ มาโซยะหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ตาเขียวปั้ด

"เจ้าว่าไงน่ะ?" มาโซยะมองหน้าอย่างเอาเรื่อง

"ไม่ได้ว่าอะไร!! ข้าแค่คิดว่าคนดีเขาควรจะอ่านให้ดีก่อนแล้วค่อยตีโพยตีพาย" มาโซยะถลึงตาใส่คู่กรณี

"หนอย!!! แก!!!" เขาตั้งหมัด

"อะไรมีปัญหาเรอะ?" จิเคตะไม่ยอมแพ้ ทั้งสองจ้องหน้ากันสักพัก อากิโกะเห็นท่าไม่ดี รีบเข้ามาแทรกกลาง

"ว้ายๆๆๆ ตีกันไม่ดีน่ะจ๊ะ รักกันไว้น่ะจ๊ะ รักกันไว้" เธอเข้ามาห้ามทัพ แต่ทั้งคู่ยังไม่ยอมเลิก

"นี่ๆ มาโซยะเจ้าเอาหนังสือเล่มนี้ไปอ่านดีกว่าเล่มนั้นคงไม่มีหรอก ไม่เป็นไร หาใหม่ๆ….อ้า…จิเคตะหาถึงไหนแล้วล่ะ? โอ้โห อ่านไปได้ตั้งเยอะแล้วนี่นา" อากิโกะลงไกล่เกลี่ยไปๆมาๆ ทำให้ทั้งคู่เลิกความคิดที่จะต่อยตี และทั้งคู่ก็หันไปสนใจงานตัวเองต่อไป…เดเอคิและโทะโดะมองทั้งสามอย่างสนอกสนใจ พวกเขามองทางขวาที่มีมาโซยะ ตรงกลางอากิโกะ และทางซ้ายจิเคตะ อาการอย่างนี้เรียก….สามเส้า…..

"อากิโกะ!!!" เดเอคิเรียกหญิงสาว อากิโกะเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มโต

"อะไร?"

"ข้าถามหน่อยเถอะ…อากิโกะ เจ้าจะเลือกใครกันแน่? ระหว่างมาโซยะกับจิเคตะ ปล่อยไว้อย่างนี้เดี๋ยวมันจะสามเส้าน่า~" เป็นครั้งแรกตั้งแต่ทั้งหมดรู้จักอากิโกะ เป็นครั้งแรกที่เธอหน้าแดง แต่เพียงชั่ววินาที ใบหน้าของอากิโกะก็กลับเข้าสู่สภาพเดิม…นั้นคือ อาการร่าเริง และแสดงบทบาทได้สมกับหน้าที่ที่เธอรับอยู่ ไม่มีใครรู้จักใบหน้าที่แท้จริงของอาเกกินารุซาวะ หญิงสาวแกล้งยิ้มมองซ้ายมองขวาอย่างเล่นหูเล่นตากับชายทั้งสอง เธอวางมือลงยนแก้มแล้วกลอกตาทำท่าคิด

"อืม…." หญิงสาวทำเสียงในลำคอคล้ายกำลัง พลางยกแขนควงชายทั้งหนุ่มทั้งสอง

"จิเคตะก็เก่งดาบ มาโซยะก็เป็นราชานินจา เลือกใครดีล่ะ? รักพี่ก็เสียดายน้อง" เธอมองชายทั้งสองอย่างชั่งใจ

"เฮ้อ…เลือกยาก ข้าเลือกทั้งสองคนเลยก็แล้วกัน แหม…เข้าหอแบบสามคนก็ไม่เลวน่ะ!!!" ว่าแล้วหญิงสาวก็กอดแขนของชายหนุ่มทั้งสองแน่น สองหนุ่มทำหน้าเห่ยชึ้นมาทันที พลางกระชากแขนออกพร้อมกัน

"มักมาก!!!" เสียงร้องออกจากปาก 2 หนุ่ม อากิโกะหัวเราะอย่างขบขัน ก่อนที่จะเปิดวิธีแก้คำสาปต่อไป คราวนี้เป็นตาของอากิโกะบ้าง เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ หญิงสาววาดมือลงหน้ากระดาษอย่างตื่นเต้น

"วิธีแก้คำสาปจากเลือด….หัวข้อย่อย สูญเสียความทรงจำ" เธอพูดด้วยความยินดี พลางชูหนังสือขึ้นให้ทุกคนดู

"วิ…ธีแก้" เดเอคิตะแคงคออ่าน "อืม..ใช้เครื่องรางของคนเล่นคุณไสย และเลือด วงเล็บ ของคนจะเป็นใครก็ได้แต่ต้องมีความใกล้ชิดผูกพันธ์ มีความแค้นลึกซึ้ง หรือรักลึกซึ้งเท่านั้น และต้องเป็นเลือดของคนๆเดียวกัน มากน้อยขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของคำสาป ใช้เครื่องราง…วิธีการคือ ใช้เครื่องรางอาบเลือดมนุษย์ให้ต้องถูกเนื้อกายของผู้ต้องคำสาป…" เดเอคิอ่านจบ อากิโกะก็หันไปทางจิเคตะ

"เจ้ามีเครื่องรางใช่ไหม?"

"อือ…มี"

"ดี งั้นเอามา"

"เสียใจด้วย ข้าให้ท่านเซอิจิไปแล้ว"

"ห๊า!!!"

"เขาไปที่อันตรายก็เลยให้ไป เผื่อกันภัย"

"เฮ้อ…เจ้านี้มัน….เอาเถอะๆ รอให้ท่านเซอิจิกลับมาก่อนก็ได้…" อากิโกะถอนใจอย่างเบื่อหน่าย

"ฮึๆ ข้าอยากรู้จริงๆว่าเจ้าโจรกำมะลอที่เรามอบหมายให้มันทำหน้าที่จะเป็นยังไงบ้าง?" เดเอคิพูดเปรยๆ

"ข้าคิดว่าเราคงจะรู้ในไม่นานนี้แหละ!!!" มาโซยะว่า

"?"

"ฟังสิ มีเสียงเท้าวิ่งมาแล้ว" ว่าแล้วมาโซยะก็ยกมือขึ้นข้างหู เสียงวิ่งด้วยความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดเพียงชั่วครู่ประตูก็ถูกผลัก ใบหน้าท่วมเหงื่อโผล่เข้ามา ก่อนที่จะตามด้วยร่างอิดโรย สุดท้ายร่างที่ว่าก็มาล้มแผละบนพื้น คนทั้ง 5 มองม้าเร็วส่งข่าวเป็นเชิงว่าเกิดอะไรขึ้น

"ร…เรื่องใหญ่!!!" ม้าเร็วหอบพลางพูด

"จ…โจรขอรับ ปล้นขบวนส่งเสด็จ…ปล้นขบวนส่งเสด็จ ท่านซาไอ ท่านเซอิจิ" ทั้ง 5 ลอบยิ้มให้กัน

"รู้แล้ว เดี๋ยวพวกเราจัดการเอง…" อากิโกะว่า พลางโบกมือเป็นเชิงให้ม้าเร็วออกไป

"พวกโจรกำมะลอทำงานแล้ว ตามที่ตกลงกัน พวกมันจะแกล้งไล่กษัตริย์ของเราเมื่อช่วยท่านซาไอได้แล้วตามแผนกลับมาที่นี้ พวกเรายังมีเวลาเตรียมพิธีกรรม ไปกันเถอะ…" สิ้นเสียงชวน ทั้งหมดก็ก้าวออกไปนอกห้องในเวลาไล่เลี่ยกัน ก้าวออกไปยังสวนข้างล่าง เพื่อหาเตรียมพิธีกรรม แต่ภาพที่ตนข้างหน้าไม่ใช่ลานว่างตรงหน้าแต่สิ่งที่พวกเขาเห็นคือคนในชุดโจรหลายร้อยคนนั่งอยู่บริเวณลานกว้างนั้น เดเอคิเดินเข้าไปทันที

"เฮ้ย!!! พวกเจ้า…." เขาตะโกนเรียกชายที่มีท่าทางเป็นหัวหน้า ชายผู้นั้นนั่งอยู่บนก้อนหินกำลังคุยเฮฮากับหมู่คณะ ชายผู้นั้นหันกลับมามองเดเอคิ

"อะไรหรือขอรับ?"

"พวกเจ้าใช่คนที่จะปลอมตัวเป็นโจรหรือเปล่า?" ชายคนนั้นพยักหน้า

"อ้าว!!! ทำไมยังไม่ออกเดินทางเล่า?" มาโซยะถามอย่างตกใจ

"ยังขอรับ" ชายผู้นั้นทำตาปริบๆ "กำหนดออกเดินทางตั้งเกือบชั่วโมง"

"อ้าว!!! ล…แล้วเรื่องกลุ่มโจรที่ปล้นขบวนเสด็จ!!!!"

"กลุ่มปล้นอะไรขอรับ ข้าน้อยไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย?"

"แน่ใจน่ะว่าเจ้าไม่ได้ส่งใครล่วงหน้า!!!"

"มีกลุ่มข้าน้อยกลุ่มเดียว ไม่มีใครล่วงหน้าขอรับ!" ชายผู้นั้นตอบอย่างแข็งขัน

"อย่างนั้นก็หมายความว่า…." จิเคตะกุมศรีษะ

"โจรของจริง!!!" ทั้ง 5 พูดพร้อมกัน