[HOME] [สารบัญ] l 1 l 2 l 3 l 4 l 5 l 6 l 7 l 8 l 9 l 10 l 11 l 12 l 13 l 14 l 15 l 16 l 17 l 18 l 19 l 20 l 21 l 22 l 23 l 24 l 25 l 26
     l 27 l 28 l 29 l 30 l 31 l 32 l 33 l 34 l 35 l 36 l 37 l 38 l 39 l 40/1 l 40/2 l 41 l 42 l 43/1 l 43/2 l 44 l 45
     l 46 l 47 l 48 l 49/1 l 49/2 l 49/3 - fin l

บทที่ 49 ส่วนเติมเต็มของหัวใจที่สมบูรณ์


นารีในอกข้า….อุปมาดังไผ่ใดต้องลม…แม้รากจึ่งมั่นคง แต่ตัวคนโอนปลิวไป…

มือบุรุษกำพู่กันชั้นดี ขีดเขียนหวัดๆ ลงตำราพิชัยสงครามโดยมิได้แยแสอักขระทรงคุณค่าเลย เซอิจิถอนใจพลางลุกขึ้นไปหยิบดาบที่พาดขอบโต๊ะขึ้นมาถือลองน้ำหนักเล่นๆ ก่อนที่จะวางลงที่เก่า พลางเดินออกจากโต๊ะไปที่หน้าต่าง…

เสียงจอแจของผู้คนที่กำลังขนของเคลื่อนย้ายจากประตูเมืองเข้าสู่ราชวัง…นับจากที่ได้ตัวซาไอมานั้น เขาก็ไม่กังวลอะไรอีก รีบยกทัพกลับซูคังทันที โดยที่ไม่มีคำสั่งให้ทำลายใดๆ สงครามเป็นอันยุติในวันนั้นเอง…

เพิ่งจะเมื่อไม่กี่วันนี้เองที่กลับมาถึงซูคังมาดๆ ของถูกขนเข้าสู่ราชวังยังไม่เสร็จดีนัก ซาไอนั้นอยู่ในตำหนักที่เขาสั่งให้สร้างไว้อย่างดี เธอได้รับการต้อนรับเข้าสู่เมืองอย่างสมเกียรติ ทุกอย่างไม่มีอุปสรรคเลย

แล้วเซอิจิลำบากใจอะไรอีก? เขาก็ไม่รู้…ตั้งแต่ซาไอมองเขาตอนรับเธอขึ้นเกี้ยว เขาก็รู้สึกว่าอุปสรรคอยู่ภายในดวงตาของเธอนั้นเอง มันเต็มไปด้วยคำถาม ความกลัว ลำบากใจ และคับแค้น…

หลังจากชายหนุ่มขีดเขียนกลอนที่ไม่ได้เขียนมานาน เขาก็อ่านกลอนที่เขียนซ้ำไปมาหลายครั้ง ก่อนที่จะถอนใจแล้วฉีกหน้ากระดาษนั้นขยำ เหวี่ยงไปนอกหน้าต่าง เซอิจิกลับมานั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง คราวนี้เขาใช้มือหนุนศรีษะ ยกเท้าขึ้นพาดบนโต๊ะแล้วแหงนหน้าขึ้นมองบนเพดานอย่างครุ่นคิด ก่อนที่จะหลับตาและลืมตาอีกครั้ง…

"จิเคตะ!!! ลงจากเพดาน!!!" เขาสั่งโดยไม่หันไปมอง จบคำร่างของคนผมแดงก็กระโดดลงจากฝ้า ลงมายืนบนพื้น

"จับได้อีกแล้ว…" เขาพูดพลางปัดฝุ่นที่ดินแขนเสื้อ

"ซาไอเป็นอย่างไรบ้าง?" จิเคตะเสยผมสีแดงที่บางส่วนเกรอะไปด้วยฝุ่น

"ก็ดีพะยะค่ะ…ร่าเริง ปรับตัวเข้ากับที่ใหม่ได้ดี เจ้าคุโระด้วย…"

"อืม…" กษัตริย์รับคำ แล้วชายตามองที่ประตู ที่ปรากฏเสียงเคาะ

"เข้ามา" สิ่งที่ปรากฏให้เห็นอย่างแรกก็คือข้อมือเรียวสวย จิเคตะที่ท่าทางจะรู้ว่าใครกลืนน้ำลายเอื๊อก!

"มีอะไรรึ?…อากิโกะ" อากิโกะผงกศรีษะ ผมของเธอลู่ตามแรงโน้นถ่วง

"ทรงตรัสกับหม่อมฉันว่า หากทรงลืมว่า บ่ายนี้ต้องการไปเยี่ยมว่าที่ราชินี ให้หม่อมฉันทูลเตือนด้วย…" เซอิจิมองร่างสตรีด้วยสายตาขอบใจ ก่อนที่จะหันมาหาจิเคตะ

"ข้าไปก่อนน่ะ…อ้อ…แล้วข้าเห็นเดเอคิอยู่ที่ตำหนักฝั่งใต้น่ะ ถ้าเจ้ายังอยากเขาเหมือนตอนเช้าที่บ่นให้ข้าฟัง จะดีด้วยหากออกจากห้องข้าน่ะ จิเคตะ ข้าไม่อยากให้เจ้าเกิดระเบิดอารมณ์ที่เอาแน่ไม่ได้ของเจ้าใส่ตำราข้า…" จิเคตะมองร่างเจ้านายเดินออกไปจากห้อง แล้วหันกลับมามองสายตาเยาะเย้ยของอากิโกะ

"เดี๋ยวจับฟัดเสียเลยนี้!!!" เขาแค่นพูดเบาๆ

"กลัวจังเลย" หญิงสาวว่าก่อนจะปลิ้นตาใส่ แล้วรีบปิดประตูวิ่งตามเจ้านายไปทันที เซอิจิก้าวพรวดๆอย่างหนักแน่นตามอารมณ์ของเขา โดยมีอากิโกะวิ่งตามอยู่

"ทรงรีบเพค่ะ…" เธอกล่าวเมื่อเซอิจิยอมหยุดให้เธอตามทัน

"แน่ล่ะ..ก็ข้าอยากเจอซาไอนี่"

"นางไม่หนีไปไหนหรอกเพค่ะ…"

"……" เซอิจิเงียบไปสักครู่ ประโยคนี้เหมือนเป็นลางสำหรับเขา

"เมื่อปีสองปีมานี้ มีคนพูดแบบนี้กับข้าเหมือนกัน และมันก็ทำให้ข้าไม่ได้เจอซาไอ" เขาพูดด้วยสายตาโศกเศร้า

"ต่อไปอย่าพูดอย่างนี้อีกน่ะ…" อากิโกะมองหน้าของเจ้านาย ก่อนที่จะพยักหน้ารับคำ

"เพค่ะ…" เซอิจิยิ้มให้หญิงสาว ก่อนที่จะเดินออกไปอีก เขาเดินมาจนถึงประตูหน้าตำหนักที่ทำด้วยหินอ่อน ชายหนุ่มไม่ลังเลที่จะเดินเข้าไปข้างใน ภาพที่เขาเห็นก็คือองค์หญิงจากต่างแดนที่กำลังหยอกล้ออย่างร่าเริงกับม้าสีดำ และหยุดลงเมื่อเห็นอาคันตุกะมาเยี่ยมเยียน หญิงสาวถวายบังคมอย่างประหม่า แล้วเมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ เธอก็หลบไปอยู่หลังม้า

"เป็นอะไรเล่า? ซาไอ" เขาพูดอย่างใจดี

"ออกมาคุยกับข้าใกล้ๆหน่อยสิ…อยู่ที่นี้เป็นยังไงบ้าง?" เขาเอ่ย พลางยื่นมือเข้าไปหาหญิงสาว ซาไอมองมือที่ยื่นเข้ามาหาสักครู่ ก่อนมองหน้าเจ้าของมืออย่างชั่งใจ แล้วจึงเดินออกจากหลังคุโระอย่างประหม่าเล็กน้อย

"เป็นยังไงล่ะ?" เขาถามขณะสำรวจท่าทีอันผิดปกติของหญิงสาว

"สบายดีไหม?"

"เพค่ะ…ที่นี่สวยมาก ที่ก็กว้างให้คุโระวิ่งเล่น…" ซาไอตอบเซอิจิ เขายิ้ม

"นั่นสิน่ะ…ว่างๆข้าจะมาขี่เล่นเป็นเพื่อน ดีไหม?"

"ไม่เป็นไรเพค่ะ…หม่อมฉันขี่คนเดียวได้…" หญิงสาวรีบปฏิเสธ เซอิจิขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

"ไปคุยกันในตำหนักดีไหม? ข้าอยากนั่งคุยกับเจ้าจริงๆ" หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินตามเซอิจิเข้าตำหนัก ชายหนุ่มลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ซาไอนั่งลงบนตัวตรงข้าม แล้วรินน้ำชาให้กับชายหนุ่ม เธอลอบมองบาดแผลที่เห็นชัดที่บริเวณอกส่วนบนอย่างสงสัย เซอิจิที่กำลังดื่มชาอยู่มองสายตายิ้มๆ

"ทำไม? สนใจบาดแผลข้าหรือ?" เขาใช้มือลูบแผลที่ได้มาไม่นานนัก…ซาไอลดสายตาลงไปทันที พลางทำท่ารินชาให้ตัวเองกลบเกลื่อน

"อืม…ขอข้าคิดดูก่อนน่ะ…แผลนี้ ข้าได้มาตอนที่ยกทัพเข้าป่า…ถูกลอบทำร้ายด้วยธนู เฉียวไปนิดเดียว…ถ้าปักเข้าไหล่ล่ะก็…คงเจ็บกว่านี้"

"หม่อมฉันไม่ได้สงสัยสักหน่อย!!!" ซาไอรีบพูด เซอิจิมองหญิงสาวก่อนที่จะกลั้วหัวเราะเบาๆ

"แต่สายตาของเจ้ามันบอกว่าเจ้าสงสัย….ซาไอ…เต็มประดาเสียด้วย" ทรงหยอกล้อ แล้วทรงนั่งพิศใบหน้าของหญิงสาวเป็นเวลานาน ฝ่ายซาไอก็มองใบหน้าของชายหนุ่มก่อนที่จะเบือนใบหน้าไปทางอื่น

"คงไม่ทรงว่าหากหม่อมฉันจะทำอย่างอื่นไปด้วย…"

"ก็เอาสิ…" คำตอบรับสั้นๆง่ายๆ แล้วก็ทรงนั่งอยู่ในห้องนั่นต่อ ซาไอลุกขึ้นหยิบผ้าคลุมขึ้นมานั่งถักต่อ ฝ่ายเซอิจิก็นั่งมองหญิงสาวไม่รู้เบื่อ สักพักต่อต่อมาหญิงสาวก็วางผ้าคลุมลง หันมามองคนนั่งจ้องอย่างเริ่มหงุดหงิด คนอะไร นั่งจ้องอยู่ได้ไม่มีมารยาท!!!

"จะทรงมองหม่อมฉันอีกนานไหมเพค่ะ?" ซาไอมองชายหนุ่มด้วยสายตาหงุดหงิด

"อือ…อีกนาน จนกว่าเจ้าจะไล่ข้านั่นแหละ" กล่าวจบก็ยิ้มอย่างกวนอารมณ์ให้หญิงสาว ซาไอถอนใจพลางหันมามองเซอิจิเต็มตาอีกครั้ง

"หม่อมฉันไม่ไล่พระองค์ แต่เจ้าคุโระจะไล่แน่เพค่ะ!!!" ซาไอว่าพลางทำท่าจะเป่าปากเรียกเจ้าคุโระ

"อ๊ะๆ เดี๋ยว ไม่ชอบข้าขนาดนั้นเชียวหรือ?"

"อาจจะ…เพียงแต่หม่อมฉันไม่ชอบให้คนนั่งจ้องหน้าโดยไม่มีธุระ!!!"

"เจ้าโกรธข้าหรือ? ทำไมถึงได้ดุข้านักล่ะ ถึงเจ้าไม่ดุก็ไม่คุยกับข้า ข้าน่ากลัวมากหรือ?" ทรงล้อเล่นกับหญิงสาว แต่ซาไอเงียบไปถนัด คล้ายยอมรับที่ชายหนุ่มพูด…

"จริงหรือ?" เซอิจิชักใจเสีย "ไม่เอาน่า…ข้าน่ากลัวยังไงล่ะ ไม่เห็นน่ากลัวเลย" เขายิ้ม

"ทรงรู้อยู่แก่ใจ…" หญิงสาวพูดอย่างไม่ขำด้วย เธอจริงจัง เซอิจิที่โหดร้าย ยอมทำสงครามเพื่อผู้หญิงแค่คนเดียว…

เซอิจิมองหน้าหญิงสาว เขาอ่านเธอจากดวงตาแล้วลงไปก้มหน้านิ่ง ที่ซาไอไม่คุยเล่นหัว เพราะเธอทั้งกลัว และแค้นเขาต่างหาก

ใช่แล้ว…เขาเอาตัวเธอมาโดยไม่คิดอะไรเลย

เขายอมถูกเกลียด แต่ขอให้ได้เจอหน้าทุกวัน เขาก็พอใจ

ทุกสิ่งที่เขาทำไม่ได้นึกถึงจิตใจของหญิงสาวเลยแม้แต่นิดเดียว ว่าการที่พรากเธอจากบ้านมานั้น เธอทุกข์ระทมแค่ไหน… ซ้ำยังบุกตีบ้านเมืองของเธอ บีบบังคับด้วยเงื่อนไขเป็นตาย เพื่อให้ได้ตัวมา เขาช่างชั่วร้ายจริงๆ

เซอิจิก้มหน้า นึกโทษความรู้เกินไปของตัวเอง สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืน

"ข้าไปก่อนน่ะ…ต้องการอะไรก็สั่งนางกำนัลล่ะ"

"หม่อมฉันไม่ต้องการอะไร แค่นี้ก็เป็นพระกรุณา" ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเงียบ ทำให้นึกถึงพระนางฮิโตมิขึ้นมาทันที เซอิจิลดตามองพื้นอย่างเศร้าใจสักครู่ก่อนที่จะเดินออกไป

"ทรงให้เวลาเป็นเครื่องรักษานางเถอะเพค่ะ" อากิโกะทูลปลอบใจกษัตริย์ผู้ที่เพิ่งเดินออกมาจากตำหนัก กษัตริย์หนุ่มหันมามองหญิงสาว แล้วก้มมองพื้น

"ถ้ามีคนต้องการตัวเจ้า แล้วเขาทำทุกสิ่งที่ให้ได้มาซึ่งตัวเจ้า แม้กระทั่งบุกตีบ้านเมืองของเจ้า…เจ้าจะรักเขาได้ไหม อากิโกะ"

"เพค่ะ?" อากิโกะที่เจอคำถมกะทันหันยืนนิ่งอย่างงงๆ

"แต่เขาคนนั้นรักเจ้ามาก รักมากแม้กระทั้งยอมถูกหมิ่นเกียรติทุกๆอย่าง เจ้าจะรักเขาได้ไหม?…หึ?" อากิโกะมองนายเหนือหัว แล้วแหงนหน้ามองฟ้า

"ขออภัยเพค่ะ หม่อมฉันไม่เคยรักใคร…" อากิโกะตอบอย่างเด็ดเดียว พลางนึกในใจ นินจาจะรักใครได้นอกจากนายตัวเองเล่า? ข้าเคยรักพระนางยานางิมารดาพระองค์ที่สุด ตอนนี้ก็รักพระองค์ที่สุดเช่นกัน!!!

เซอิจิมองคนตอบแล้วก้มมองดินเดินกลับตำหนักไป…

. . . . . .

"อุ๊ย! ว้า…เลือดออกเลย" ซาไอมองปลายนิ้วตัวเอง…เลือดหยดโตไหลออกมาจากปลายนิ้วชี้ เธอใจลอยไปหน่อย ทำให้เข็มโดนนิ้วเลือดออก

"ใจท่านลอยไปไหน? ซาไอ หรือว่าจะตามท่านเซอิจิไป?" เสียงพูดล้อดังมาจากขอบหน้าต่าง หญิงสาวที่เคยชินกับเสียงประหลาดขณะที่อยู่คนเดียวแหงนหน้ามองมาโซยะที่ห้อยหัวเอาเท้าเกี่ยวขื่อไว้

"มาโซยะ มาโซยะ อย่าล้อข้าเล่น เจ้าก็ดูออกไม่ใช่หรือว่าข้ากลัวพระองค์ ทั้งๆที่ทำใจให้รักพระองค์เท่าใดก็ตาม…"

"ดูออกสิ เจ้าหญิง…ข้าดูท่านออกเสมอแหละ…ท่านไม่ได้กลัวพระองค์หรอก แต่ออกจะคับแค้นใจพระองค์มากกว่า…" สิ้นคำคนที่อยู่บนขื่อ หญิงสาวก็นิ่งอึ้งไปชั่วครู่

"ไม่รู้สิ…ข้ารู้สึกว่าทรงเป็นคนที่ไม่แน่นอน จนข้าไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี…ข้าหนีกลับนากิได้ไหม? มาโซยะ" เธอตะกุกตะกัก มาโซยะมองนายหญิงชั่วครู่ก่อนที่จะยักไหล่

"อย่าดีกว่า…คงไม่อยากให้ใครยกทัพไปหาท่านอีกหรอกน่ะ" มาโซยะเตือนสติ ซาไอกำมือแน่น

"ในตอนแรกข้าคิดว่า การแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ไม่เป็นไร แต่พอต้องทำมันเข้าจริงๆ ข้ากลัว…" มาโซยะกระโดดลงจากขื่อ เขาเดินไปข้างหน้าหญิงสาว

"ท่านเซอิจิไม่ทำอย่างนั้นหรอก…พระองค์ไม่บังคับให้ท่านแต่งงานแน่ ถ้าท่านไม่รักพระองค์"

"แล้วถ้าข้าไม่รักพระองค์สักทีล่ะ?"

"อืม…ไม่รู้สิ โธ่! ซาไอ!!! ท่านชอบถามปัญหาโลกแตกกับข้าอยู่เรื่อยเลย เอาเถอะๆ ท่านเย็บปักถักร้อยของท่านต่อเถอะ ข้าไปเล่นกับเจ้าคุโระข้างนอกดีกว่า มีอะไรเรียกข้าล่ะ!!!" ว่าจบมาโซยะก็เดินออกไปนอกห้อง แต่พอลับตานาย เขาก็กระโจนขึ้นหลังคาหายไป

. . . . . . .

"ฤดูร้อนจะเหมาะกว่าเพค่ะ" อากิโกะว่า เมื่อเซอิจิถามขึ้นว่า ชลประทานในภาคใต้ควรทำเมื่อไรดี จิเคตะที่ยืนอยู่ไม่ห่างทำท่าไม่เห็นด้วย

"ฤดูฝนต่างหากเล่า! ฤดูร้อนน่ะจะไปกะทางน้ำไหลได้ยังไง ดินก็แข็ง!!!" จิเคตะเถียง อากิโกะถลึงตาใส่คนผมแดงอย่างอาฆาตมาดเลือด ชายผมแดงยกดาบขึ้นขู่เล็กน้อย เซอิจิมองกริยาของทั้งสองแล้วก็ส่ายหน้า พลางอ่านฎีกาต่อไป

"ฤดูฝนน่ะปัญญาอ่อน…ดินอ่อน ขุดเสร็จก็ไหลไปรวมที่เดิม แถมเป็นทางน้ำอีก ฝนตกดินแฉะ ทำงานยาก อีกอย่างจะเกณฑ์คนมาขุดหน้านาเนี่ยน่ะ มันทำได้ที่ไหน? มีแต่แรงไม่มีสมอง!!!" หญิงสาวเถียงฉอดๆ พลางตบท้ายด้วยคำด่าอีก จิเคตะมองอากิโกะอย่างเหลืออด เดเอคิมองคนทั้งสองเถียงกันไปๆมาๆแล้วก็ถอนใจอย่างเบื่อหน่าย โทะโดะยกน้ำมาวางให้สามีแล้วก็มองดูทั้งสองทะเลาะกันต่อ

"รักกันดีน่ะค่ะ" เธอว่า เดเอคิมองภรรยา

"เออ…รักกันดีจริงๆด้วย" คนร่างยักษ์เออออตามภรรยา พลางก้มหน้าก้มตาทำงานที่เซอิจิมอบหมายให้ต่อไป ปล่อยให้คู่กัดเขากัดกันต่อไป ขณะที่ทั้งคู่กำลังทะเลาะกันอยู่นั้น มาโซยะก็มาห้อยหัวอยู่ที่หน้าต่างห้องพอดี เขามองอากิโกะที่กำลังทะเลาะกับจิเคตะ โดยไม่มีทีท่าจะหันมามองราชานินจา มาโซยะห้อยหัวอยู่นานจนฉุนขาด จึงดีดกรวดไปโดนที่อากิโกะ

"ข้าหมายถึง….โอ๊ย! ฮึ่ย!!! ใครประทุษร้าย" หญิงสาวทรุดตัวลงกุมศรีษะ ปากก็พึมพำด่าแช่งไอ้คนประสงค์ร้าย เซอิจิที่เลิกสนใจทั้งคู่ไปนานแล้วก็เงยหน้าจากกองฎีกาเมื่อการกระจายเสียงเงียบไป

"เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ อากิโกะ?" หญิงสาวหันหน้าไปทางกษัตริย์หนุ่มกำลังตอบ แต่ไปเห็นร่างห้อยหัวของตัวการเข้าพอดี

"อ้อ!!! เจ้าเองเรอะ กรอด~" เธอแค่นพูด

"?" เซอิจิขมวดคิ้วงงๆ "อะไรน่ะ เมื่อกี้เจ้าว่าไงน่ะ?" อากิโกะที่กำลังจ้องมาโซยะอย่างเอาเป็นเอาตายได้สติ หันกลับมาคุยกับเซอิจิตามเดิม

"เปล่าเพค่ะ…หม่อมฉันเกิดปวดหัวกะทันหัน ถวายบังคมลาไปทานยาน่ะเพค่ะ…" ว่าแล้วอากิโกะก็ถวายบังคมพลางเดินกึ่งวิ่งไปออกไป ตรงไปยังป่าข้างล่างทันที

"มาโซยุราโอะ!!! ฮึ่ย!! วอนเสียแล้วน่ะ ชีวิตไม่มีค่ารึไง? โอ๊ย! ดีดหินมาได้ไม่ได้ดูเลย" เสียงทั้งสบถทั้งด่าทอใส่มาโซยะที่ลงมาหลบอยู่ในต้นไม้

"จุ๊ๆ ทำอย่างนี้ไม่สวยน่ะ น้องอากิโกะ…เสียมาดสาวบริสุทธิ์หมด" มาโซยะว่า พลางโยกไปมาบนต้นไม้อย่างขบขัน

"เห็นเจ้าวุ่นอยู่กับจิเคตะอยู่ข้าเลยไม่อยากตะโกนเรียก…" มาโซยะแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ อากิโกะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้มาโซยะ

"อุ๊ย! ฮิฮิ ไม่เป็นไรๆ อย่างนั้นข้ายกโทษให้ ไม่รู้น่ะเนี่ยว่าเจ้าดีดหินใส่ข้าเพราะหึง!!!" ว่าจบเสียงตกต้นไม้ดังโครมของราชานินจาก็ดังขึ้น ทำเอาอากิโกะหัวเราะยกใหญ่

"แหม! ถ้าเขินก็ไม่เห็นต้องเล่นมุขตกต้นไม้เลย พี่มาโซยะขา…คิกๆๆ"

"ฮึ่ย~ เจ้านี่มันร้ายจริงๆ ว้ากกกก หยุดหัวเราะได้แล้ว ข้ามีธุระน่ะเฟ้ย!!!" อากิโกะปิดปากเพื่อให้หยุดหัวเราะ

"เอาล่ะ ตกลงๆ หยุดหัวเราะก็ได้" หญิงสาวว่า มาโซยะส่ายหน้าหน่ายๆ พลางเดินนำอากิโกะออกไป

"ซาไอบอกว่าอยากหนีกลับนากิ…นางกลัวท่านเซอิจิ" มาโซยะว่า

"เฮอะ อย่าคิดว่ามีแค่ท่านซาไอ ท่านเซอิจิก็กลุ้มพอกันนั้นแหละ" อากิโกะพูด

"เจ้าคิดไหมว่าซาไอจะกลับมารักท่านเซอิจิได้น่ะ…" หญิงสาวถามมาโซยะ

"ได้สิ ได้แต่ยาก ทางที่ได้ผลดีที่สุดคือทำให้ซาไอกลับมาจำท่านเซอิจิได้" ทั้งคู่มองหน้าแล้วถอนใจพร้อมกัน สงสัยว่างานของพวกเขาคือสิ่งยากยิ่งในครั้งนี้

. . . . . .

สิ่งละอันพันละน้อยที่เซอิจิพยายามทำให้ซาไอเห็นซึ่งความรักของตน การฝนทั่งให้เป็นเข็มช่างลำบากเสียจริงแต่เขาก็ยังจะทำ สักวันเขาจะฝนกำแพงที่กั้นเธอเอาไว้ให้ได้สักวัน กระทำนั้นเถิดการกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกหวั่นใจ ซาไอที่บอกเองว่าพยายามจะทำให้ใจรัก แต่ตัวเธอกลับหวาดหวั่นเสียเองเมื่อเริ่มใจอ่อน ยังยืนยันกับมาโซยะอยู่ตลอดว่าไม่ได้รักชายหนุ่ม มาโซยะก็ได้แต่ยิ้มให้อย่างไม่เชื่อสักเท่าไร

"ซาไอ อย่าไปทางนั้น มันอันตราย" สิ้นคำมือของชายหนุ่มก็ฉวยจับแขนของหญิงสาวเอาไว้ ซาไอหันมองคนข้างกาย ที่มีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด

"ทำไมหรือเพค่ะ?" ก่อนนี้เธอเคยกลัวชายผู้นี้มาก บัดนี้เธอรู้สึกว่าเธอเหมือนเขาเป็นคนขายดอกไม้ที่หวงสินค้าของเขาเหลือเกิน มันช่างน่าตลกที่เธอคุยกับเขาได้อย่างไม่กลัวในเวลาไม่นาน

"มันมีหลุมบ่อ ขี่ม้าลำบาก เดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุหรอก…" เขาพูด "เราไปทางอื่นกันเถอะ" ชายหนุ่มขี่ม้าไปทางอื่น หญิงสาวโคลงศรีษะแล้วขี่ม้าตามอย่างว่าง่าย ทรามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ สุดท้ายพวกเขาก็ลงจากม้าแล้วมานั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แพร่กิ่งก้านสาขาปกคลุม หลังจากที่คุยเล่นกันนิดหน่อย เซอิจิก็ล้มตัวลงนอนพิงต้นไม้ ให้หญิงสาวนั่งชมวิวไปไม่ไกล

"จะทรงนอนแล้วหรือเพค่ะ?…" ซาไอหันหน้ากลับมาถามชายหนุ่ม เซอิจิที่ล้มตัวลงนอนพยักหน้า เสื้อที่พันเอาไว้ไม่ดีจึงหลวมเผยให้เห็นอกกว้าง ซาไอหน้าแดงนิดหน่อย เธอเบือนใบหน้าไปทางอื่นเสีย ทั้งลมพัดเย็นโชยออกมาเรื่อยๆ หญิงสาวนั่งมองดอกหญ้าที่ปลิวไปตามสายลมอย่างเหม่อลอย หญิงสาวใช้ปลายนิ้วแตะดอกหญ้าเบาๆ พลางยกนิ้วที่ติดเกสรขึ้น แต่ทว่ายกขึ้นมาไม่เท่าไร เกสรก็ปลิวไปตามลมเสียแล้ว…หญิงสาวชูมือขึ้นคว้า แต่เกสรน้อยๆก็ปลิวหนีเธอไปเสียหมดแล้ว เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นจากข้างหลัง ซาไอหันขวับไปมองต้นเสียงทันที ชายหนุ่มมองหน้าเธอพลางแกล้งหลับเสียทั้งๆที่รู้ว่าหญิงสาวเห็นเสียแล้ว

"อย่าทรงแกล้งหลับเลยเพค่ะ…" ซาไอลงไปนั่งข้างๆ ชายหนุ่ม เซอิจิลืมตาขึ้นเพียงข้าเดียว

"ข้าหลับอยู่ต่างหาก" ว่าจบชายหนุ่มก็ทำท่าหลับต่อ

"ทรงขี้เซาเหลือเกิน…อย่างนี้จะปกครองเมืองให้ดีได้อย่างไร?" เธอว่า เซอิจิมองหญิง พลางตั้งตัวขึ้น

"ข้าไม่ได้ขี้เซา แต่ข้าไม่ได้นอนต่างหาก อุตส่าห์ทำงานค้างๆให้เสร็จ จะได้มาเที่ยวกับเจ้านี่ไง…แล้วถ้าเจ้าไม่อยากให้ข้านอนน่ะ แต่งงานกับข้าสิ จะได้ช่วยงานข้า ข้าจะได้นอนมากๆ" ชายหนุ่มว่า ซาไอหน้าแดงเล็กน้อยที่ถูกจีบแต่เธอก็เชิดหน้าขึ้นกลบเกลื่อน

"ไม่เห็นต้องแต่งกับพระองค์…ทรงให้ข้าราชบริพารช่วยงานพระองค์ก็ได้นี่เพค่ะ!!!" เซอิจิเลิกคิ้ว

"แต่ข้าอยากให้เจ้าช่วยนี่ คนอื่นข้าไม่เอาด้วยแหละ" ทรงพูดอย่างเอาแต่ใจ แล้วล้มตัวลงนอนหงายใกล้ตักซาไอ

"แต่หม่อมฉัน…" ซาไออ้าปากจะเถียง เซอิจิยกมือขึ้นเป็นท่าห้าม แล้วเซอิจิก็ล้มตัวนอนใกล้ซาไอ ซาไอไม่พูดอะไร ได้แต่เพียงมองชายหนุ่มนอนลงเป็นหลับไปจริงๆ หญิงสาวพิศชายที่นอนข้างๆ เธอคิกจะลุกขึ้น แต่ก็เปลี่ยนใจ เธอมองร่างของคนที่หลับ เสื้อที่เผยให้เห็นอกกว้าง บนอกมีแผลขีดตามขว้างหลายแผล คล้ายกับนับอะไรสักอย่าง ซาไอมองอยู่นาน เธอนอนตัวราบ พลางยื่นมือออกไปจับบาดแผล แต่เมื่อแตะแผลนั้น มือของเจ้าของอกก็พุ่งออกมาจับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ ด้วยความตกใจหญิงสาวสะบัดมือออกอย่างแรง แล้วถอยกรูดออกไป

"ขอโทษ" เซอิจิพูดหลังจากตั้งสติได้ พลางมองหญิงสาวที่กำลังตกใจ ทั้งคู่สบตากันสักครู่ แล้วก็หลบตาไป

"ขออภัยเพค่ะ…" ซาไอหลบตาแล้วลุกขึ้นจะไปหาคุโระ

"เจ้ากลัวข้าหรือ?" เซอิจิถาม เมื่อซาไอหันหลังไป

"….." หญิงสาวเงียบ ชายหนุ่มเม้มปาก

"ข้ารักเจ้ามาก รู้ไหม?"

"….." หญิงสาวก้มหน้า รู้สึกมึนหัวไปหมด ประโยคที่ชายหนุ่มเอ่ย คล้ายกับเธอเคยได้ฟังที่ไหนมาก่อน

"ไม่ใช่เหตุผลเดียวกับที่นากิกักตัวเจ้าไว้ ข้ารักเจ้า เพราะตอนนั้นเจ้ารักข้า เจ้ายอมรับข้าได้ทุกอย่าง ข้ายืนด้วยตัวเองได้เพราะเจ้าเป็นอดทนคอยสั่งสอน ไม่ใครว่าข้ายังไง เจ้าก็ยังดีกับข้า…ตั้งแต่นั้นมาข้าจะสาบานเองว่าจะปกป้องเจ้า แต่ข้าก็ไม่ได้ทำสักที ข้าสาบานจะทิ้งทุกอย่าง ข้ายอมได้ทั้งหมดขอให้แค่ได้เจ้ามาเท่านั้น!!!"

หญิงสาวหันขวับกลับมาทันที

"ท่านก็เลยบุกนากิใช่ไหม? เพื่อข้าคนเดียวเท่านั้น ยอมบุกบ้านเมืองของเรา ฆ่าคนตายเพื่อแค่ข้า ท…ท่านไม่ใช่คนดีหรอก!!!" เซอิจิมองหญิงสาว เขาลุกขึ้นยืน

"ข้าก็ไม่เคยบอกว่าข้าเป็นคนดี….ตั้งแต่ที่ข้าจากนากิมาในวันนั้น ข้ายังเป็นคนบอกเจ้าเองว่าข้ารักเจ้า แม้ว่าจะต้องเป็นคนชั่วแค่ไหนก็ตามข้าจะทำ!!!" ซาไอมองชายหนุ่ม เธอมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว ไม่ใช่เพราะมาจากเขาหรอก แต่เธอรู้สึกมึนหัวตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว มันทำให้เธอนึกถึงอะไรบางอย่าง ความรู้สึกปวดหัวบีบอย่างน่ากลัว เธอรู้ว่าเคยเจอมาก่อน เธอทั้งหงุดหงิด และกลัว ซาไอปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่ได้สั่ง หญิงสาวเดินฉับๆออกไปแล้วขึ้นคุโระ แล้วขี่อย่างรวดเร็วออกไป เซอิจิมองม้าควบออกไปโดยไม่ได้ห้าม เขาถอนใจด้วยความเจ็บปวด แล้วนอนแผ่อยู่ตรงนั้นคนเดียว


ซาไอควบม้ากลับมา เธอรีบลงจากม้าแล้ววิ่งเข้าตำหนัก โดยไม่ได้สนใจคำถามของมาโซยะ หญิงสาววิ่งเข้าไปในห้อง แล้วก้มหน้าลงบนเตียงเพื่อร้องไห้ สงสัยว่าเธอจะกลัวทำไม ถ้าเธอจะรักเซอิจิ เธอก็อยากรักเขาไม่ใช่หรือ แต่เธอก็แค้นที่เขาทำลายบ้านเมืองของเธอ โดยใช้คำว่าขู่บังหน้า เธอมองแขนที่เขียนนามชายหนุ่มเอาไว้ เธอลูบมัน แล้วตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้ต่อไป