|
แสงอาทิตย์สุดท้ายของวันที่ 25 ตค.สิ้นสุดลง ซาไอนั่งกอดเข่ากุมขมับอยู่บนหลังม้าของตน เซอิจิยังนั่งอยู่ข้างๆมาโซยะ บรรยากาศเงียบเชียบนับ 5-6 ชม. มาแล้วหลังจากถึงช่องเขา ทหารหลายคนนอนเอกเขนกไปทั่วบริเวณ ยังเหลือแต่เวรยามนับสิบคนที่ยังยืนอยู่
เจ้าม้าของซาไอร้องปลอบใจเจ้านายเล็กน้อย อากาศที่เริ่มหนาวทรมานทั้งนอกและในกายหญิงสาว เธอนั้นอาจอ่อนประสบการณ์ และมีแนวโน้มเกือบแพ้หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็รอดมาได้ด้วยสติปัญญาของตัวเธอเอง
.ไม่มีเลย ไม่มีครั้งไหนที่เธอจะถูกต้อนเสียจนมุมขนาดนี้
น่าเสียดายจริงๆ เธอเดินหมากผิดไปแค่หมากเดียว เธอมองไปที่เซอิจิ
ความผิดของเธอที่ใช้ความวู่วาม ทั้งที่รู้ว่ามันจะนำความพินาศมาให้อย่างแน่นอน
เซอิจิเดินเข้ามาหา เขาไม่ได้สนใจเสียงขู่ของม้าองครักษ์ที่นั่งอยู่ข้างซาไอ ปล่อยให้มันขู่อย่างเหนื่อยอ่อน เซอิจิวางเสื้อคลุมลงบนบ่าหญิงสาว ซาไอแหงนหน้าขึ้นมองกษัตริย์ไร้บัลลังก์
"ขอบพระทัย
." และเธอก็ได้รับรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมาเป็นการตอบแทน
"อากาศหนาวน่ะ
ระวังสุขภาพด้วย
"
"หนีไปเถอะเพค่ะ
"
"
.?
."
"หม่อมฉันยอมรับว่า
หม่อมฉันไม่มีทางออกเลย ไม่แน่พวกเราอาจจะตายกันที่นี้หมดก็ได้
" ซาไอคร่ำครวญอย่างหมดหวัง ถ้าปล่อยให้ถึงพรุ่งนี้เมื่อไร คงไม่พ้นที่ตายของกองทัพ
"ไม่หรอก
ตราบใดที่ยังไม่ถึงเวลา เราไม่ควรหมดหวัง" เซอิจิกล่าว
"หม่อมฉันรู้
หม่อมฉันรู้
แต่จะทำอย่างไรล่ะ? หม่อมฉันจนปัญญา" ซาไอเอ่ย ทั้งสองมองหน้ากัน สายลมพัดโบกเฉื่อยๆ
"จนปัญญาหรือ?
." เซอิจิมองใบหน้าที่ถูกจับด้วยความหนาวจนเป็นสีชมพู ฉับพลันก่อนที่สมองจะสั่ง มือของเขาก็แนบไว้ที่ใบหน้าหญิงสาว
"ลมฤดูหนาวมาแล้วนี่นาเพค่ะ
" ซาไอถอยออกจากรัศมีมือของชายหนุ่ม แล้วเอ่ยออกนอกเรื่อง
"ใช่
.ลม
." เซอิจิทวน ทั้งสองเงียบไปทั้งคู่ แล้ว
..
"ลม!!!!" ทั้งสองคนเอ่ยถึงพร้อมกัน
"ลมฤดูหนาว
ลมฤดูหนาวพัดจากทางเข้าช่องเขาไปทางออก"
"ใช้ไฟ ไฟไล่ศัตรู แล้วเราก็ตามทางไฟไป เป็นการกวาดล้างศัตรูโดยไม่เสียงกำลังพล
"
"อย่ารอช้าเลยซาไอ
.ลงมือเถอะ
"
เวลามืดลงกำลังพลที่เคยสิ้นหวังกลับมามีกำลังใจอีกครั้ง เมื่อซาไอสั่งการลงไปให้เหล่าทหารเตรียมฟืนไฟไว้ให้พร้อม พวกเขาจะผ่านช่วงวิกฤตนี้ออกไป
สิริเวลาหลังจากนั้นเพียงชั่วโมงกับ 5 นาที ไฟถูกตระเตรียมเองไว้อย่างพร้อมเพรียงจนน่าเหลือเชื่อ หลังจากที่กองทหารได้นอนหลับพักผ่อนกันถึง 6 ชั่วโมงเต็ม ตอนนี้พวกเขามีแรงที่จะสู้อีกครั้ง ประกอบกับความหวัง ผู้นำ และสถานการณ์ มีเพียงวิธีตายดาบหน้าเท่านั้นจึงจะรอด
..
วันที่ 25 ต.ค. หากจะละเอียดเสียหน่อย คงได้เวลาราว 19.30 น.ถ้าเทียบเวลาในปัจจุบัน กองทัพกู้ชาตินากิ ที่นำโดยซาไอ ออกเดินทาง
.
ไฟถูกดึงมาใช้เป็นปัจจัยหลักในการตีฝ่าออกไป ฝีเท้าม้าเดินออกไป นายทหารร่วมหลายร้อยคน ถูกคุมพลให้ขึ้นไปที่ป่าเหนือช่องเขา เพื่อการจุดไฟ และเวลาวิกฤตก็มาถึง
เสียงกระหึ่มของฝีเท้าม้า บ่งบอกได้ว่ากองทัพจากเมืองหลวงมาถึงแล้ว
ในที่สุด ภาพที่เขย่าขวัญทหารก็มาถึง ทหารที่มากกว่าทหารกู้ชาติหนึ่งส่วนสี่เท่ามาเผชิญหน้ากัน และห่างกันไม่เกิน 200 เมตร ผู้นำกองทหารมานั่งนิ่งสงบอยู่บนหลังม้าสีดำเช่นเดียวกับซาไอ ผิดที่ท่าทีเหิมศึกมากกว่า ทั้งสองจ้องหน้ากันพักใหญ่ เพียงชั่วครู่ดอกไม้ไฟฝ่ายศัตรูก็พุ่งพรวดขึ้นและแตกกระจายออก ซาไอรู้ว่า นั้นคือสัญญาณสั่งโจมตี
"ข้า
ไรจิ ขอเอาชีวิตเจ้า!!!" เสียงตวาดดังลั่น พร้อมกับฝีเท้าม้าที่ตะลุยเข้ามา
"ฮึ
ข้าไม่ว่างขนาดนั้นหรอก!!!
." ซาไอเอ่ย พลางชูแขนเป็นสัญญาณวางเพลิง แล้วคบไฟมากมายก็โปรยลงมาดั่งห่าฝน ดักหน้าแม่ทัพไรจิที่บุกเข้ามา ม้าดำนั้นร้องอย่างตกใจ พลางยกขาหน้า ไฟต้องตามลมทันที
"หน่อยแน่ะ!!!" เสียงร้องอย่างเจ็บแค้นดังลอดเปลวเพลิงเข้ามาก่อนที่จะตามด้วยคำสั่งให้ถอย ผิดกับซาไอที่โบกมือเป็นคำสั่งให้ตาม ก่อนที่จะชักผ้าพันคอขึ้นมา ราดน้ำเสียชุ่ม แล้วพันหน้าครึ่งล่าง
"ตะลุยออกไป ก่อนกองทัพข้างหลังจะตามมา!!!" แม่ทัพใหญ่ของกองทัพตะโกน ก่อนที่จะควบม้าไปท้ายกองทัพเพื่อต้อนทหารที่ตกหล่น
"ไปเร็ว!!! พวกมันตามมาแล้ว เร็วเข้า!!! แข็งใจอีกนิด"
"ท่านแม่ทัพ
.ท่านนารายะ!!!" นายทหารผู้หนึ่งซึ่งอยู่ข้างท้ายผู้พยุงเพื่อนเอาไว้ฟ้องอย่างร้อนรน
"ทำไม?"
"ท่านนารายะถูกทิ้งไว้ข้างท้ายขอรับ!!! ยังไม่ตามมา!!!"
"!!!!" อุทานอย่างไม่มีเสียงเล็ดออกมาจากริมฝีปากบางของแม่ทัพใหญ่
"ตายล่ะ!!! ห่างกันมากแค่ไหน?"
"ไม่มากขอรับ
แต่สำหรับคนเจ็บกันทหารคนเดียว
.ข้าน้อยไม่คิดว่า
"
ซาไอยกมือขึ้นห้าม
"เอาเถอะ
ว่าแต่พวกเจ้าไปไหวไหม?"
"ขอรับ!!!"
"ดี!" ซาไอเชิดหน้าสูงเพื่อมองข้างหลัง แล้วควบม้าเร็วจี๋ สวนทางลมเพื่อตามหานารายะ ฝุ่นตลบอบอวลไปทั่วทุกบริเวณ ใจหญิงสาวเต้นระทึกด้วยความหวาดกลัวเกรงว่าหากเงยหน้าขึ้น สายตาจะได้ปะทะกับกองทัพศัตรูที่ได้รับสัญญาณบุกแล้ว
"นารายะ!!!" ซาไอตะโกน
"นารายะ ข้าเอง!!!" ซาไอตะโกนซ้ำ พลางควบม้าเดินหน้าไป ผ่านหินโสโครกบกก้อนมหึมา
"ท่านซาไอ!!!" เสียงร้องอย่างยินดีของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งดังมาจากซอกหิน
"เจ้า!!!"
"ทหารของท่านนารายะ ท่านนารายะอยู่นี้ขอรับ" ปากไม่ว่าเปล่า ยังขยับตัวให้ซาไอเห็นศรีษะนารายะที่วางอยู่บนตักตนให้เห็นอีก ซาไอรีบลงจากม้าทันที แล้วใช้มือทาบลงบนหน้าผากคนสนิท
"ม้าของเราถูกยิงตรงโน้น!!! ข้าพาท่านนารายะมาซ่อน
ตรงนี้" เด็กหนุ่มเล่าอย่างตะกุกตะกัก ท่าทางตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง
"อย่าตกใจ เจ้ารอดแน่ถ้าทำตามที่ข้าบอก
" ซาไอกล่าวปลอบเรียบๆ
"เจ้าขี่ม้าแข็งไหม?" เด็กหนุ่มกระพริบตาไล่น้ำตาที่เล็ดออกมาด้วยความตกใจ แล้วพยักหน้า
"เรื่องรบข้าไม่แน่ใจ แต่เรื่องนี้
ข้าเก่งที่สุดในหมู่บ้านทางตอนใต้
" เด็กหนุ่มอวด
"งั้นดี!!!" ซาไอกล่าว
"ขึ้นม้าของข้าไป เอานารายะไปด้วย"
"ล
แล้วท่านแม่ทัพ"
"เอาน่า
ข้ามันจิ้งจอกอยู่แล้ว"
"แต่ว่า
"
"ม้ามันดุ
ไม่เป็นไร!!!" หญิงสาวเป่าเรียกม้าดำของเธอ เจ้าม้าเดินเข้ามา และร้องอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเจอคนแปลกหน้า
"ฟังน่ะ..คุโระของข้า.." ซาไอลูบม้าดำอย่างใจเย็น "ให้เด็กหนุ่มขี่เจ้า
และพานารายะกลับสู่กองทัพให้ได้
เข้าใจน่ะ!!!" ม้าดำส่ายหน้าอย่างขัดใจ แต่ซาไอยังคงจับหน้ามันอย่างใจเย็น
"ฟัง!!!
ข้าไม่เป็นอะไรหรอก
ข้าจะรอดแน่
สัญญา
หนุ่มน้อยอย่าเศร้าเลย ข้าจะกลับมาแน่" ซาไอตบสีข้างม้าของตน ก่อนจะพยุงนารายะแทนเด็กหนุ่มที่ปีนขึ้นม้า หลังจากนารายะขึ้นม้า เจ้าม้าก็หันกลับม้าหาซาไออีก เธอลูบสีข้างมันอย่างปลอบประโลม ก่อนหันไปสั่งเจ้าหนุ่มบนหลังม้า
"จับแน่นๆ เพราะม้าตัวนี้วิ่งเร็วเป็น 2 เท่าของม้าทั่วไป และมันรู้ทาง ทำแค่ควบสุดฤทธิ์เท่านั้นน่ะ!!!" ซาไอย้ำ เด็กหนุ่มพยักหน้า แล้วควบม้าออกไป แม่ทัพหญิงมองม้าจนลับตา ก่อนจะก้มหน้าถอนใจ
"เอาล่ะ!!!" เธอเปรยกับตัวเอง
"ได้เวลาหาทางรอดให้ตัวเองแล้ว
" ว่าจบ หญิงสาวก็ตั้งทิศวิ่งเข้าป่าทันที
. . . . . .
กล่าวถึงทางด้านเซอิจิ ทางที่มืด ทำให้เขาบังคับม้าลำบากยิ่งขึ้น ซ้ำซาไอยังคลาดสายตาเขาไปอีก มาโซยะก็ยังบาดเจ็บเสียอีก แม้ทหารจะเคลื่อนทัพอย่างไม่เป็นปัญหาแต่ก็อลหม่านน่าดู สรุปว่า
งานนี้เขาบอกตามตรงว่าเขารู้สึกรำคาญเสียจริงๆ
เวลา 22.00 น. ประมาณตามเวลาปัจจุบัน ของวันที่ 25 ตค. เหล่าทหารได้รวมตัวอย่างสมบูรณ์หน้าช่องอย่างปลอดภัย บางส่วนบาดเจ็บเพราะเกิดจากต่อสู้กับทหารฝ่ายศัตรู บางส่วนพลาดท่าโดยสะเก็ดไป น่าดีใจที่มีผู้มีอัตราการเสียชีวิตต่ำมาก เซอิจิลงจากม้าแล้วตรงไปหามาโซยะทันทีที่ดูคนเจ็บเรียบร้อย วิชาการแพทย์ที่เขาศึกษาสมัยเด็กๆ ช่วยได้มากจริงๆ!
"รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? มาโซยะ"
"ดีขึ้น
ขอบคุณ" มาโซยะเอ่ยอย่างหมดแรง
"มาโซยะ
"
"หือ
?"
"เออ
ไม่มีอะไร ช่างเถอะ
" เซอิจิตัดบทแล้วเดินออกมาอย่างร้อนใจ นายทหารผู้หนึ่งซึ่งเพิ่งวางเพื่อนตนลง วิ่งเข้ามาหาเซอิจิทันที
"ท่านเซอิจิใช่ไหมพะยะค่ะ?"
"อือ
ใช่ ใครเจ็บอีกล่ะ?"
"เปล่าขอรับเรื่องท่านซาไอ
"
"เจ้ารู้รึ!!!" เซอิจิร้องอย่างยินดี
"นางไปไหนล่ะ?"
"คือ
ท่านซาไอไปตามท่านนารายะที่ถูกทิ้งไว้
ข้างหลัง..แล้วก็..แล้วก็
."
"ยังไม่กลับมา!" นายทหารพยักหน้ารับ
"ตายล่ะสิ!!!" เซอิจิกุมขมับ "บอกให้ใครทำหน้าที่แทนข้าก่อน บอกว่าข้าจะไปตามซาไอ!!!" พูดจบเซอิจิก็ก้าวออกไปยังที่พักม้าชั่วคราว แต่ก้าวไปไม่ได้กี่ก้าว ก็มีเสียงโหวกเหวกดังขึ้นในหมู่ทหารข้างหน้า สิ่งที่เขาพบคือ ร่างเจ็บของนารายะที่อยู่บนหลังม้าดำในอ้อมแขนของทหารเด็กหนุ่ม หลังจากส่งร่างเจ็บของนารายะลงจากหลังม้าเสร็จ ม้าดำตัวแสบก็สะบัดเด็กหนุ่มตกจากหลังม้าทันที ทหารหลายคนช่วยกันจับม้ากันอย่างโกลาหล แต่ไม่เป็นผล เจ้าม้าดำยังพยศ และพยายามวิ่งไปในทิศเดียวกับที่มันวิ่งมาให้ได้!!!
"ซาไอล่ะ? ซาไออยู่ไหน?" เซอิจิเข้าไปช่วยพยุงร่างเด็กหนุ่มที่นั่งคลุกฝุ่นในความมืดอยู่
"ท่านซาไอให้พวกเราขี่ม้ามา
.!!!" เด็กหนุ่มกระหืดหระหอบ
"รู้แล้ว
แล้วนางล่ะ!!!"
"ท่านซาไอบอกว่านางรู้ทางหนี
บอกว่าไม่ต้องห่วงอะไร ให้เราหนีมา!!!" เด็กหนุ่มเล่าอย่างที่ตนรู้ เซอิจิใช้มือตบหน้าผากอย่างแรง
"แล้วตอนนั้นนางอยู่ที่ไหน?"
"ก่อนถึงลอดช่องเขาอีกขอรับ
" ก่อนจบประโยคเสียอีก เซอิจิก็ผละจากเด็กหนุ่ม เดินเข้าไปหาม้าดำที่ถูกยื้ออยู่ ก่อนที่ใครๆจะห้ามทัน เขาก็คว้าบังเหียนม้าแล้ว
"เจ้ารู้ทาง
" เขาพูดด้วยเสียงต่ำๆ เจ้าม้าพ่นลม ประมาณว่า เออ
รู้เฟ้ย!!!
"ช่วยข้าไปที ข้าต้องไปช่วยซาไอ" เจ้าม้าพ่นลมอีก ประมาณว่า ไม่มีวันซะหรอก
ไอ้กระจอก
"สรุปว่าไม่พาข้าไปใช่ไหม?" เจ้าม้าพยักหน้า
"ได้
" เขาเอ่ยเรียบๆ แล้วปล่อยบังเหียนม้าออก แทนที่เจ้าม้าจะวิ่งออกไป มันกลับจ้องหน้าเซอิจิเขม็ง
"เจ้ารักซาไอ
.ข้าก็รักนาง
ในเมื่อเรามีจุดประสงค์เดียวกันทำไมไม่ร่วมมือกันเล่า!!! เอาล่ะ
ข้าไม่เถียงกับเจ้าหรอก เพราะความดื้อของข้าทำนางเสียหายมาหลายครั้งแล้ว ฉะนั้น
คราวนี้เชิญเจ้าตามสบายเถอะ" เซอิจิกล่าว แล้วเขาก็เตรียมหันหลังออกไป เจ้าม้ายังคงพาลไม่เลิก มันเชิดหน้ามองเซอิจิด้วยสายตาไม่เชื่อถือ แต่เซอิจิหันกลับมา ยิ้มอย่างอ่อนโยน
"ใช่
ข้ารักนาง!!!" แล้วเซอิจิก็วิ่งออกไป เจ้าม้ายืนมองเซอิจิสักครู่อย่างชั่งใจ ก่อนที่จะวิ่งไปหาเขาอย่างรวดเร็ว แล้วตวัดเขาขึ้นหลังม้า เซอิจิที่จู่ๆก็ถูกดันขึ้นหลังม้ารีบคว้าบังเหียนอย่างรวดเร็ว เพราะม้าดำตัวแสบยกขาหน้าพลางร้องกึกก้อง คล้ายสบถอย่างไม่พอใจว่า แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวน่ะ!!! ที่ให้ขี่
แล้วทะยานข้ามหัวทหารหลายคนออกไป ควบสุดฝีเท้าขณะที่มีเซอิจิอยู่บนหลัง แต่ทั้งสองมีจุดประสงค์เดียวกันคือ ช่วยซาไอ!!!!
|