[HOME] [สารบัญ] l 1 l 2 l 3 l 4 l 5 l 6 l 7 l 8 l 9 l 10 l 11 l 12 l 13 l 14 l 15 l 16 l 17 l 18 l 19 l 20 l 21 l 22 l 23 l 24 l 25 l 26
     l 27 l 28 l 29 l 30 l 31 l 32 l 33 l 34 l 35 l 36 l 37 l 38 l 39 l 40/1 l 40/2 l 41 l 42 l 43/1 l 43/2 l 44 l 45
     l 46 l 47 l 48 l 49/1 l 49/2 l 49/3 - fin l

บทที่ 39 ยุทธการตีฝ่า


แสงอาทิตย์สุดท้ายของวันที่ 25 ตค.สิ้นสุดลง ซาไอนั่งกอดเข่ากุมขมับอยู่บนหลังม้าของตน เซอิจิยังนั่งอยู่ข้างๆมาโซยะ บรรยากาศเงียบเชียบนับ 5-6 ชม. มาแล้วหลังจากถึงช่องเขา ทหารหลายคนนอนเอกเขนกไปทั่วบริเวณ ยังเหลือแต่เวรยามนับสิบคนที่ยังยืนอยู่

เจ้าม้าของซาไอร้องปลอบใจเจ้านายเล็กน้อย อากาศที่เริ่มหนาวทรมานทั้งนอกและในกายหญิงสาว เธอนั้นอาจอ่อนประสบการณ์ และมีแนวโน้มเกือบแพ้หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็รอดมาได้ด้วยสติปัญญาของตัวเธอเอง….ไม่มีเลย ไม่มีครั้งไหนที่เธอจะถูกต้อนเสียจนมุมขนาดนี้…น่าเสียดายจริงๆ เธอเดินหมากผิดไปแค่หมากเดียว เธอมองไปที่เซอิจิ…ความผิดของเธอที่ใช้ความวู่วาม ทั้งที่รู้ว่ามันจะนำความพินาศมาให้อย่างแน่นอน

เซอิจิเดินเข้ามาหา เขาไม่ได้สนใจเสียงขู่ของม้าองครักษ์ที่นั่งอยู่ข้างซาไอ ปล่อยให้มันขู่อย่างเหนื่อยอ่อน เซอิจิวางเสื้อคลุมลงบนบ่าหญิงสาว ซาไอแหงนหน้าขึ้นมองกษัตริย์ไร้บัลลังก์

"ขอบพระทัย…." และเธอก็ได้รับรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมาเป็นการตอบแทน

"อากาศหนาวน่ะ…ระวังสุขภาพด้วย…"

"หนีไปเถอะเพค่ะ…"

"….?…."

"หม่อมฉันยอมรับว่า…หม่อมฉันไม่มีทางออกเลย ไม่แน่พวกเราอาจจะตายกันที่นี้หมดก็ได้…" ซาไอคร่ำครวญอย่างหมดหวัง ถ้าปล่อยให้ถึงพรุ่งนี้เมื่อไร คงไม่พ้นที่ตายของกองทัพ

"ไม่หรอก…ตราบใดที่ยังไม่ถึงเวลา เราไม่ควรหมดหวัง" เซอิจิกล่าว

"หม่อมฉันรู้…หม่อมฉันรู้…แต่จะทำอย่างไรล่ะ? หม่อมฉันจนปัญญา" ซาไอเอ่ย ทั้งสองมองหน้ากัน สายลมพัดโบกเฉื่อยๆ

"จนปัญญาหรือ?…." เซอิจิมองใบหน้าที่ถูกจับด้วยความหนาวจนเป็นสีชมพู ฉับพลันก่อนที่สมองจะสั่ง มือของเขาก็แนบไว้ที่ใบหน้าหญิงสาว

"ลมฤดูหนาวมาแล้วนี่นาเพค่ะ…" ซาไอถอยออกจากรัศมีมือของชายหนุ่ม แล้วเอ่ยออกนอกเรื่อง

"ใช่….ลม…." เซอิจิทวน ทั้งสองเงียบไปทั้งคู่ แล้ว…..

"ลม!!!!" ทั้งสองคนเอ่ยถึงพร้อมกัน

"ลมฤดูหนาว…ลมฤดูหนาวพัดจากทางเข้าช่องเขาไปทางออก"

"ใช้ไฟ ไฟไล่ศัตรู แล้วเราก็ตามทางไฟไป เป็นการกวาดล้างศัตรูโดยไม่เสียงกำลังพล…"

"อย่ารอช้าเลยซาไอ….ลงมือเถอะ…"


เวลามืดลงกำลังพลที่เคยสิ้นหวังกลับมามีกำลังใจอีกครั้ง เมื่อซาไอสั่งการลงไปให้เหล่าทหารเตรียมฟืนไฟไว้ให้พร้อม พวกเขาจะผ่านช่วงวิกฤตนี้ออกไป…

สิริเวลาหลังจากนั้นเพียงชั่วโมงกับ 5 นาที ไฟถูกตระเตรียมเองไว้อย่างพร้อมเพรียงจนน่าเหลือเชื่อ หลังจากที่กองทหารได้นอนหลับพักผ่อนกันถึง 6 ชั่วโมงเต็ม ตอนนี้พวกเขามีแรงที่จะสู้อีกครั้ง ประกอบกับความหวัง ผู้นำ และสถานการณ์ มีเพียงวิธีตายดาบหน้าเท่านั้นจึงจะรอด…..


วันที่ 25 ต.ค. หากจะละเอียดเสียหน่อย คงได้เวลาราว 19.30 น.ถ้าเทียบเวลาในปัจจุบัน กองทัพกู้ชาตินากิ ที่นำโดยซาไอ ออกเดินทาง….

ไฟถูกดึงมาใช้เป็นปัจจัยหลักในการตีฝ่าออกไป ฝีเท้าม้าเดินออกไป นายทหารร่วมหลายร้อยคน ถูกคุมพลให้ขึ้นไปที่ป่าเหนือช่องเขา เพื่อการจุดไฟ และเวลาวิกฤตก็มาถึง…

เสียงกระหึ่มของฝีเท้าม้า บ่งบอกได้ว่ากองทัพจากเมืองหลวงมาถึงแล้ว…

ในที่สุด ภาพที่เขย่าขวัญทหารก็มาถึง ทหารที่มากกว่าทหารกู้ชาติหนึ่งส่วนสี่เท่ามาเผชิญหน้ากัน และห่างกันไม่เกิน 200 เมตร ผู้นำกองทหารมานั่งนิ่งสงบอยู่บนหลังม้าสีดำเช่นเดียวกับซาไอ ผิดที่ท่าทีเหิมศึกมากกว่า ทั้งสองจ้องหน้ากันพักใหญ่ เพียงชั่วครู่ดอกไม้ไฟฝ่ายศัตรูก็พุ่งพรวดขึ้นและแตกกระจายออก ซาไอรู้ว่า นั้นคือสัญญาณสั่งโจมตี

"ข้า…ไรจิ ขอเอาชีวิตเจ้า!!!" เสียงตวาดดังลั่น พร้อมกับฝีเท้าม้าที่ตะลุยเข้ามา

"ฮึ…ข้าไม่ว่างขนาดนั้นหรอก!!!…." ซาไอเอ่ย พลางชูแขนเป็นสัญญาณวางเพลิง แล้วคบไฟมากมายก็โปรยลงมาดั่งห่าฝน ดักหน้าแม่ทัพไรจิที่บุกเข้ามา ม้าดำนั้นร้องอย่างตกใจ พลางยกขาหน้า ไฟต้องตามลมทันที

"หน่อยแน่ะ!!!" เสียงร้องอย่างเจ็บแค้นดังลอดเปลวเพลิงเข้ามาก่อนที่จะตามด้วยคำสั่งให้ถอย ผิดกับซาไอที่โบกมือเป็นคำสั่งให้ตาม ก่อนที่จะชักผ้าพันคอขึ้นมา ราดน้ำเสียชุ่ม แล้วพันหน้าครึ่งล่าง

"ตะลุยออกไป ก่อนกองทัพข้างหลังจะตามมา!!!" แม่ทัพใหญ่ของกองทัพตะโกน ก่อนที่จะควบม้าไปท้ายกองทัพเพื่อต้อนทหารที่ตกหล่น

"ไปเร็ว!!! พวกมันตามมาแล้ว เร็วเข้า!!! แข็งใจอีกนิด"

"ท่านแม่ทัพ….ท่านนารายะ!!!" นายทหารผู้หนึ่งซึ่งอยู่ข้างท้ายผู้พยุงเพื่อนเอาไว้ฟ้องอย่างร้อนรน

"ทำไม?"

"ท่านนารายะถูกทิ้งไว้ข้างท้ายขอรับ!!! ยังไม่ตามมา!!!"

"!!!!" อุทานอย่างไม่มีเสียงเล็ดออกมาจากริมฝีปากบางของแม่ทัพใหญ่

"ตายล่ะ!!! ห่างกันมากแค่ไหน?"

"ไม่มากขอรับ…แต่สำหรับคนเจ็บกันทหารคนเดียว….ข้าน้อยไม่คิดว่า…"

ซาไอยกมือขึ้นห้าม

"เอาเถอะ…ว่าแต่พวกเจ้าไปไหวไหม?"

"ขอรับ!!!"

"ดี!" ซาไอเชิดหน้าสูงเพื่อมองข้างหลัง แล้วควบม้าเร็วจี๋ สวนทางลมเพื่อตามหานารายะ ฝุ่นตลบอบอวลไปทั่วทุกบริเวณ ใจหญิงสาวเต้นระทึกด้วยความหวาดกลัวเกรงว่าหากเงยหน้าขึ้น สายตาจะได้ปะทะกับกองทัพศัตรูที่ได้รับสัญญาณบุกแล้ว

"นารายะ!!!" ซาไอตะโกน

"นารายะ ข้าเอง!!!" ซาไอตะโกนซ้ำ พลางควบม้าเดินหน้าไป ผ่านหินโสโครกบกก้อนมหึมา

"ท่านซาไอ!!!" เสียงร้องอย่างยินดีของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งดังมาจากซอกหิน

"เจ้า!!!"

"ทหารของท่านนารายะ ท่านนารายะอยู่นี้ขอรับ" ปากไม่ว่าเปล่า ยังขยับตัวให้ซาไอเห็นศรีษะนารายะที่วางอยู่บนตักตนให้เห็นอีก ซาไอรีบลงจากม้าทันที แล้วใช้มือทาบลงบนหน้าผากคนสนิท

"ม้าของเราถูกยิงตรงโน้น!!! ข้าพาท่านนารายะมาซ่อน…ตรงนี้" เด็กหนุ่มเล่าอย่างตะกุกตะกัก ท่าทางตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง

"อย่าตกใจ เจ้ารอดแน่ถ้าทำตามที่ข้าบอก…" ซาไอกล่าวปลอบเรียบๆ

"เจ้าขี่ม้าแข็งไหม?" เด็กหนุ่มกระพริบตาไล่น้ำตาที่เล็ดออกมาด้วยความตกใจ แล้วพยักหน้า

"เรื่องรบข้าไม่แน่ใจ แต่เรื่องนี้…ข้าเก่งที่สุดในหมู่บ้านทางตอนใต้…" เด็กหนุ่มอวด

"งั้นดี!!!" ซาไอกล่าว

"ขึ้นม้าของข้าไป เอานารายะไปด้วย"

"ล…แล้วท่านแม่ทัพ"

"เอาน่า…ข้ามันจิ้งจอกอยู่แล้ว"

"แต่ว่า…"

"ม้ามันดุ…ไม่เป็นไร!!!" หญิงสาวเป่าเรียกม้าดำของเธอ เจ้าม้าเดินเข้ามา และร้องอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเจอคนแปลกหน้า

"ฟังน่ะ..คุโระของข้า.." ซาไอลูบม้าดำอย่างใจเย็น "ให้เด็กหนุ่มขี่เจ้า…และพานารายะกลับสู่กองทัพให้ได้…เข้าใจน่ะ!!!" ม้าดำส่ายหน้าอย่างขัดใจ แต่ซาไอยังคงจับหน้ามันอย่างใจเย็น

"ฟัง!!!…ข้าไม่เป็นอะไรหรอก…ข้าจะรอดแน่…สัญญา…หนุ่มน้อยอย่าเศร้าเลย ข้าจะกลับมาแน่" ซาไอตบสีข้างม้าของตน ก่อนจะพยุงนารายะแทนเด็กหนุ่มที่ปีนขึ้นม้า หลังจากนารายะขึ้นม้า เจ้าม้าก็หันกลับม้าหาซาไออีก เธอลูบสีข้างมันอย่างปลอบประโลม ก่อนหันไปสั่งเจ้าหนุ่มบนหลังม้า

"จับแน่นๆ เพราะม้าตัวนี้วิ่งเร็วเป็น 2 เท่าของม้าทั่วไป และมันรู้ทาง ทำแค่ควบสุดฤทธิ์เท่านั้นน่ะ!!!" ซาไอย้ำ เด็กหนุ่มพยักหน้า แล้วควบม้าออกไป แม่ทัพหญิงมองม้าจนลับตา ก่อนจะก้มหน้าถอนใจ

"เอาล่ะ!!!" เธอเปรยกับตัวเอง

"ได้เวลาหาทางรอดให้ตัวเองแล้ว…" ว่าจบ หญิงสาวก็ตั้งทิศวิ่งเข้าป่าทันที…

. . . . . .

กล่าวถึงทางด้านเซอิจิ ทางที่มืด ทำให้เขาบังคับม้าลำบากยิ่งขึ้น ซ้ำซาไอยังคลาดสายตาเขาไปอีก มาโซยะก็ยังบาดเจ็บเสียอีก แม้ทหารจะเคลื่อนทัพอย่างไม่เป็นปัญหาแต่ก็อลหม่านน่าดู สรุปว่า…งานนี้เขาบอกตามตรงว่าเขารู้สึกรำคาญเสียจริงๆ




เวลา 22.00 น. ประมาณตามเวลาปัจจุบัน ของวันที่ 25 ตค. เหล่าทหารได้รวมตัวอย่างสมบูรณ์หน้าช่องอย่างปลอดภัย บางส่วนบาดเจ็บเพราะเกิดจากต่อสู้กับทหารฝ่ายศัตรู บางส่วนพลาดท่าโดยสะเก็ดไป น่าดีใจที่มีผู้มีอัตราการเสียชีวิตต่ำมาก เซอิจิลงจากม้าแล้วตรงไปหามาโซยะทันทีที่ดูคนเจ็บเรียบร้อย วิชาการแพทย์ที่เขาศึกษาสมัยเด็กๆ ช่วยได้มากจริงๆ!

"รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? มาโซยะ"

"ดีขึ้น…ขอบคุณ" มาโซยะเอ่ยอย่างหมดแรง

"มาโซยะ…"

"หือ…?"

"เออ…ไม่มีอะไร ช่างเถอะ…" เซอิจิตัดบทแล้วเดินออกมาอย่างร้อนใจ นายทหารผู้หนึ่งซึ่งเพิ่งวางเพื่อนตนลง วิ่งเข้ามาหาเซอิจิทันที

"ท่านเซอิจิใช่ไหมพะยะค่ะ?"

"อือ…ใช่ ใครเจ็บอีกล่ะ?"

"เปล่าขอรับเรื่องท่านซาไอ…"

"เจ้ารู้รึ!!!" เซอิจิร้องอย่างยินดี

"นางไปไหนล่ะ?"

"คือ…ท่านซาไอไปตามท่านนารายะที่ถูกทิ้งไว้…ข้างหลัง..แล้วก็..แล้วก็…."

"ยังไม่กลับมา!" นายทหารพยักหน้ารับ

"ตายล่ะสิ!!!" เซอิจิกุมขมับ "บอกให้ใครทำหน้าที่แทนข้าก่อน บอกว่าข้าจะไปตามซาไอ!!!" พูดจบเซอิจิก็ก้าวออกไปยังที่พักม้าชั่วคราว แต่ก้าวไปไม่ได้กี่ก้าว ก็มีเสียงโหวกเหวกดังขึ้นในหมู่ทหารข้างหน้า สิ่งที่เขาพบคือ ร่างเจ็บของนารายะที่อยู่บนหลังม้าดำในอ้อมแขนของทหารเด็กหนุ่ม หลังจากส่งร่างเจ็บของนารายะลงจากหลังม้าเสร็จ ม้าดำตัวแสบก็สะบัดเด็กหนุ่มตกจากหลังม้าทันที ทหารหลายคนช่วยกันจับม้ากันอย่างโกลาหล แต่ไม่เป็นผล เจ้าม้าดำยังพยศ และพยายามวิ่งไปในทิศเดียวกับที่มันวิ่งมาให้ได้!!!

"ซาไอล่ะ? ซาไออยู่ไหน?" เซอิจิเข้าไปช่วยพยุงร่างเด็กหนุ่มที่นั่งคลุกฝุ่นในความมืดอยู่

"ท่านซาไอให้พวกเราขี่ม้ามา….!!!" เด็กหนุ่มกระหืดหระหอบ

"รู้แล้ว…แล้วนางล่ะ!!!"

"ท่านซาไอบอกว่านางรู้ทางหนี…บอกว่าไม่ต้องห่วงอะไร ให้เราหนีมา!!!" เด็กหนุ่มเล่าอย่างที่ตนรู้ เซอิจิใช้มือตบหน้าผากอย่างแรง

"แล้วตอนนั้นนางอยู่ที่ไหน?"

"ก่อนถึงลอดช่องเขาอีกขอรับ…" ก่อนจบประโยคเสียอีก เซอิจิก็ผละจากเด็กหนุ่ม เดินเข้าไปหาม้าดำที่ถูกยื้ออยู่ ก่อนที่ใครๆจะห้ามทัน เขาก็คว้าบังเหียนม้าแล้ว

"เจ้ารู้ทาง…" เขาพูดด้วยเสียงต่ำๆ เจ้าม้าพ่นลม ประมาณว่า เออ…รู้เฟ้ย!!!

"ช่วยข้าไปที ข้าต้องไปช่วยซาไอ" เจ้าม้าพ่นลมอีก ประมาณว่า ไม่มีวันซะหรอก…ไอ้กระจอก

"สรุปว่าไม่พาข้าไปใช่ไหม?" เจ้าม้าพยักหน้า

"ได้…" เขาเอ่ยเรียบๆ แล้วปล่อยบังเหียนม้าออก แทนที่เจ้าม้าจะวิ่งออกไป มันกลับจ้องหน้าเซอิจิเขม็ง

"เจ้ารักซาไอ….ข้าก็รักนาง…ในเมื่อเรามีจุดประสงค์เดียวกันทำไมไม่ร่วมมือกันเล่า!!! เอาล่ะ…ข้าไม่เถียงกับเจ้าหรอก เพราะความดื้อของข้าทำนางเสียหายมาหลายครั้งแล้ว ฉะนั้น…คราวนี้เชิญเจ้าตามสบายเถอะ" เซอิจิกล่าว แล้วเขาก็เตรียมหันหลังออกไป เจ้าม้ายังคงพาลไม่เลิก มันเชิดหน้ามองเซอิจิด้วยสายตาไม่เชื่อถือ แต่เซอิจิหันกลับมา ยิ้มอย่างอ่อนโยน

"ใช่…ข้ารักนาง!!!" แล้วเซอิจิก็วิ่งออกไป เจ้าม้ายืนมองเซอิจิสักครู่อย่างชั่งใจ ก่อนที่จะวิ่งไปหาเขาอย่างรวดเร็ว แล้วตวัดเขาขึ้นหลังม้า เซอิจิที่จู่ๆก็ถูกดันขึ้นหลังม้ารีบคว้าบังเหียนอย่างรวดเร็ว เพราะม้าดำตัวแสบยกขาหน้าพลางร้องกึกก้อง คล้ายสบถอย่างไม่พอใจว่า แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวน่ะ!!! ที่ให้ขี่… แล้วทะยานข้ามหัวทหารหลายคนออกไป ควบสุดฝีเท้าขณะที่มีเซอิจิอยู่บนหลัง แต่ทั้งสองมีจุดประสงค์เดียวกันคือ ช่วยซาไอ!!!!