[HOME] [สารบัญ] l 1 l 2 l 3 l 4 l 5 l 6 l 7 l 8 l 9 l 10 l 11 l 12 l 13 l 14 l 15 l 16 l 17 l 18 l 19 l 20 l 21 l 22 l 23 l 24 l 25 l 26
     l 27 l 28 l 29 l 30 l 31 l 32 l 33 l 34 l 35 l 36 l 37 l 38 l 39 l 40/1 l 40/2 l 41 l 42 l 43/1 l 43/2 l 44 l 45
     l 46 l 47 l 48 l 49/1 l 49/2 l 49/3 - fin l

บทที่ 16 โซ่ตรวน กับชามอาหารที่ผุพัง


หลังจากนั้นหลายเดือน กองทัพกู้ชาติต้องรบรากับนากิอีกหลายครั้ง เสบียงถูกใช้ไปเกินความจำเป็นมากมาย จนบัดนี้ ซาไอเตรียมเสบียงแล้ว คาดว่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน และม้าเร็วที่ส่งไปขอเสบียง คาดว่าเสบียงจะถูกส่งมาอย่าเฉียดไปเพียงนิดเดียว เหล่าทหารนั้นยังอยู่อย่างสบายดี นายทหาร 50000 ได้รับการทดแทนจากทหารเชลย และได้รับการเกลี้ยกล่อมจนยอมเป็นพวกอีกเกือบ 20000 คนรวมเบ็ดเสร็จก็ได้ราว 60000 นาย แต่นั้นก็หมายถึงภาระทางเสบียงที่ต้องเพิ่มขึ้นด้วย แต่ด้วยทหารเท่านี้ไม่สามารถเอาชนะพวกทางกองทัพหลวงที่มีเกือบ 3 แสนนายได้หากใช้จำนวนเปรียบเทียบ ซาไอเคยพูดเรื่องนี้ให้กับเซอิจิฟัง แต่เซอิจิก็บ่ายเบี่ยงออกไป เขาไม่ต้องการฟังเรื่องการฆ่าและสงคราม พอใจที่จะตรวจหาตาน้ำหรือออกกฎหมายมากกว่า ซาไอรู้ว่าเซอิจิไม่ไดชื่นชอบเรื่องนี้ ก็ไม่ได้บังคับ เธอทุ่มให้กับการวางแผนต่อไป นั้นเป็นการเบี่ยงเบนความรู้สึกน้อยใจที่เซอิจิให้เวลากับอาจารย์ของเขามากกว่าเธอ เซอิจิได้แต่พูดคุยเพื่อจรรโลงตนเองกับอาจารย์ เขากำลังพยายามกล่อมเกลี้ยให้อดีตอาจารย์ของเขาใจอ่อน แต่จิเคตะไม่ใช่คนที่ง่ายดายขนาดนั้น แต่เขาก็มีความสุขกว่าที่ต้องคุยกับใครๆด้วยสายที่เย็นชา

วันนี้ก็เช่นกัน เซอิจิเดินลงไปยังเรือนจำเช่นเดิม น้ำที่หยดจากเพดานทำให้อับชื้น อาหารที่เขานำลงมาด้วยเพื่อให้อาจารย์ตน นายทหารยามทำความเคารพเซอิจิ ก่อนที่จะไขห้องขังให้เขาเข้าไป เซอิจิทรุดลงนั่งข้างอาจารย์ตนที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน

"มาอีกรึ? ท่านเซอิจิ จะไม่เอาเวลาไปอี๋อ๋อกับแม่หญิงของท่านบ้างรึ? ท่านเซอิจิ" จิเคตะยิงคำถามใส่

"ซาไอไม่ว่าง!!" เซอิจิตอบห้วนๆ พลางยกชามข้าวผุๆออกมาให้ จิเคตะหยิบกินด้วยตัวเองอย่างยากลำบาก

"เฮอะ!!! ไม่ว่างหรือไม่อยากคุยกับท่านกันแน่…" จิเคตะหยั่งถาม พลางตักข้าวใส่ปากตน เซอิจิขมวดคิ้ว จิเคตะมีอคติกับซาไออย่างแรง

"ข้าไม่คุยกับนางเองแหละ!!!" เซอิจิตัดบท พลางปัดฟางที่ติดชายผ้า แล้วเปลี่ยนท่านั่ง

"ท่านจะทิ้งนาง เหมือนที่ทิ้งท่านมิโดริ!!!" จิเคตะวกหลับมาเรื่องเก่าๆ

"ข้าไม่เคยรักเสด็จแม่แบบนั้น เจ้าเป็นคนสอนข้าให้แค่ปรนนิบัติ เจ้าปลูกฝังข้าทำให้ข้าคิดว่ามันเป็นภาระหน้าที่!!"

"แต่มันก็มีข้อดีไม่ใช่หรือ? ท่านช่ำชองแล้ว ไม่ยากที่จะเก็บเกี่ยวจากผู้หญิงคนนั้นอีก ข้ากล้าพนันเลยว่านางผ่านโลกมามาก แต่ก็ไร้เดียงสารักใครไม่เป็น ท่านน่าจะใช้โอกาสนี้ เก็บเกี่ยวจากนางให้สาสม แค่ชั้นเชิงของท่านก็นับว่ายอดเยี่ยมมาก…"

"หยุดน่ะ!!!" เซอิจิตวาด

"ท่านกลัวรึ!!!"

"ข้าก็ไม่เคยรักใครเหมือนกัน ใจข้ามันก็ด้านชาไปหมดแล้ว"

"ท่านกลัวหากข้าจะพูด ท่านรักนาง ท่านทำให้ท่านมิโดริเสียใจ ท่านมิโดริรัก…."

"ข้าบอกให้หยุด!!! เสด็จแม่เห็นข้าเป็นแค่ตัวปลดปล่อยทางกามารมณ์ นางเป็นหญิงที่ไม่ได้รับความรักจากสวามี!!"

"หยุดน่ะ!!!" จิเคตะตะโกน ข้าวในปากพุ่งออกมา

"นางฆ่าเสด็จแม่แท้ๆของข้า ข้ารู้!!! นางให้ท่านสั่งสอนให้ข้ารู้จักปรนเปรอความสุขให้นาง นางเป็นใคร!!! ไม่รู้จักพอ ที่แล้วมาข้าผิดเอง ที่ไม่กล้าลุกขึ้นสู้กับนาง แต่พอข้าเจอซาไอ.."

"ท่านก็มีที่พึ่งใหม่ใช่ไหม? ท่านเซอิจิ ท่านมันแค่คนมีปัญหาทางจิตเท่านั้น ข้าจะฆ่าท่าน หากท่านว่าท่านมิโดริอีก" จิเคตะกลับมาเยือกเย็นอีก

"เจ้าไม่ได้รักเสด็จแม่จริงๆหรอก ข้ารู้!!!" เซอิจิปรายตามองอดีตอาจารย์

"ท่านแค่เทิดทูนนางที่ยอมพลีกาย และเสียสละเพื่อชาติ จนลืมว่านางทำอะไรกับพวกเราไว้บ้าง!!!" จิเคตะอึ้งเงียบ มันจริงหากเขาคิดเช่นนั้น เขาเทิดทูนราชินีที่ทำเพื่อซูคัง

"แต่ท่านไปเข้ากับนากิ ที่ทำลายซูคัง ท่านมันก็พวกขายชาติ!!!" จิเคตะเถียงกลับ

"ไม่ใช่เลย จิเคตะ!!!" เซอิจิเอ่ยเรียบๆ

"คนที่แค้นเสด็จแม่ต่างหากที่ทำเช่นนั้น"

"แต่ที่พระนางมิโดริทำเพื่อชาติ!!!"

"แน่นอน แต่จากนี้ข้าจะไม่แค้นต่อ ข้าจะทำเพื่อความถูกต้อง ต่อจากนี้ซูคังจะไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกับใคร เราจะอยู่อย่างสงบ" เซอิจิประกาศ จิเคตะหัวเราะในลำคอ แล้วหาทางตอบโต้อีก

"ผู้หญิงคนนั้น!!" เขาพูด พลางปาดปาก

"……" เซอิจิหันกลับมา

"ท่านรักนางจริงหรือ? หรือว่านางสามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้ท่านได้ หรือว่าท่านแค่อยากร่วมรักกับนางเท่านั้น" จิเคตะว่า

"ท่านคิดดูสิ นางอยู่ในหมู่ผู้ชายเยอะขนาดนี้ นางยังไร้ราคีอยู่ได้หรือ?" จิเคตะถาม เซอิจิอึ้งไป แต่ก็ยิ้มออกมา

"ไม่ต้องห่วงซาไอเป็นของข้า นางยอมตายเพื่อข้ามาแล้ว โควตะก็คุมนางยังกับอะไรดี!!! นางไม่เป็นเช่นนั้นหรอก" เซอิจิแก้ลำ

"แต่หาก พี่ชายนางคิดเก็บนางเสียเองเล่า?" จิเคตะว่า เซอิจิถึงกับอึ้ง ใช่!!! ?ทั้งสองไม่ใช่พี่น้องแท้กัน เซอิจิเถียงไม่ออก ได้แต่ก้มมองพื้น จิเคตะยิ้มอย่างมีชัย เขาก้มหน้าก้มตาเลียชามต่อไป

"ข้าไม่สนใจ" จู่ๆเซอิจิก็พูดขึ้น จิเคตะหยุดชะงักแล้วเงยหน้ามองอดีตลูกศิษย์แล้วเลิกคิ้วคล้ายจะถามว่า…

"อะไรน่ะ?" นักโทษถามอย่างงงวย ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากแต่งงานกับหญิงที่มีราคีแล้ว

"ไม่ว่าข้าเป็นยังไง นางไม่เคยรังเกียจแม้แต่ครั้งเดียว ถ้านางเป็นของพี่ชายนางจริง นางจะมารักกับข้าทำไมล่ะ ทั้งที่อยู่มากับพี่ชายนางมาก่อน ข้าก็เป็นลูกศัตรูของนางด้วย!!!" เซอิจิเถียง จิเคตะมองเซอิจิด้วยสายตาจนปัญญา ทั้งสองนิ่งเงียบไปพักใหญ่

"นางดีกว่าพระนางมิโดริตรงไหน?" จิเคตะถามขึ้นอย่างอ่อนใจ

"ที่นางรักข้า แล้วก็ไม่เคยดูถูกข้า"

"พระนางมิโดริก็รักท่าน"

"แล้วเจ้าจะรู้จิเคตะ ว่าความรักที่ได้จากเสด็จแม่กับซาไอมันไม่เหมือนกัน" เซอิจิตัดบท แล้วรวบรวมชามอาหารเก่าๆลงตะกร้า จิเคตะมองอดีตลูกศิษย์อย่างอ่อนใจ เขาสั่งสอนเซอิจิมานาน เห็นเจ้าชายองค์น้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถึงแม้จะชอบบังคับเจ้าชาย แต่ก็รักเจ้าชายเช่นกัน เขายอมรับไม่ได้ที่จะให้เจ้าชายที่ตอนนี้เป็นกษัตริย์แล้วไปรักกับฝ่ายศัตรูอย่างแน่นอน

"ข้ารู้ว่าทำให้เจ้าผิดหวัง" เซอิจิพูดให้ดวงตาที่เศร้าสร้อยตรงหน้าฟัง

"ข้าให้ใครต่อใครบงการมาตลอด และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เดียวที่ข้าขอบงการตัวเอง!!!" เซอิจิยืนขึ้น จิเคตะไม่พูดอะไรจนกษัตริย์หนุ่มกำลังจะเยื้องย่างไปจากห้องขัง

"ท่านเป็นลูกศิษย์คนเดียวของข้าที่ข้าไม่ตัดขาด" จิเคตะพูด

"ถ้าคนอื่นเป็นอย่างนี้ ข้าสังหารมันทิ้งแล้ว" เซอิจิหันกลับมามองอาจารย์ของตน

"เจ้าก็เป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดของข้าเหมือนกัน" เซอิจิยิ้ม

"ข้าสู้แม่หญิงของท่านได้รึ? นางเป็นคนสอนพิชัยสงครามให้ท่านสินะ"

"ข้ารักซาไอในฐานะผู้หญิง ไม่ใช่แม่ทัพที่กระหายสงคราม อย่างที่ใครอาจเห็นนางเช่นนั้น" เซอิจิกล่าว ท่าทีสง่าเป็นที่ประทับใจจิเคตะยิ่งนัก

"ข้าเสียดายจริงๆ ที่ท่าทีสง่าอย่างนี้ข้าไม่ได้เป็นคนสอนท่าน แต่ดันเป็นแม่ทัพหญิงผู้นั้น คนที่ท่านรักนางสุดหัวใจ…" จิเคตะพึมพำกับตัวเองขณะที่เซอิจิย่างก้าวออกไปนอกห้องขัง เขาเอนหลังช้าๆ แล้วหลับทับไปบนกองโซ่ตรวน…..

. . . . . .

ในเวลาต่อมา โควตะได้ปรึกษากับซาไอ การรุกโดยรวมกำลังเพียงที่เดียวนั้นลำบาก จึงตัดสินใจแบ่งทัพออกเป็น 3 สาย ได้แก่ทัพใหญ่ของโควตะ ทัพของซาไอ และโทงาริ ทัพของโควตะบุกไปทางเหนือ ทัพของซาไอไปทางตะวันออก ส่วนของโทงาริไปทางใต้

"แล้วจะให้เซอิจิไปกับใคร?" โควตะถามขึ้น ทั้งที่รู้ๆอยู่

"ข้านี่แหละ ให้ท่านเซอิจิไปกับข้า" ซาไอออกตัว ไม่มีใครที่ต้อนรับเซอิจิดีเท่าเธอ

"เฮอะ!!! เจ้าเป็นผู้หญิงน่ะ ซาไอ" โควตะเยาะ

"แล้วเจ้าดูแลท่านเซอิจิได้ดีกว่าข้าหรือ?" ซาไอย้อนถาม โควตะจำต้องยอมแพ้ ซาไอกระตือรือร้นที่จะอยู่กับเซอิจิมาก ทั้งที่ช่วงนี้ทั้งสองไม่ได้อยู่ด้วยกันนัก ซาไอแทบไม่มีเวลาว่างเพราะต้องวางแผนวิเคราะห์การรบ เซอิจิเที่ยวไปที่ห้องขังเพื่อพูดคุยกับจิเคตะ ซึ่งเขาเริ่มใจอ่อนทุกที

วันหนึ่งขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ซาไอลงมาที่เรือนจำ

"ท่านเซอิจิเพค่ะ" ซาไอเรียก

"อ้อ….ซาไอ" เซอิจิหันกลับมา

"ไม่ออกไปข้างนอกบ้างหรือเพค่ะ พระองค์ทรงอยู่ข้างในนี้ทั้งวันแล้วน่ะเพค่ะ" ซาไอติงอย่างเป็นห่วง

"เดี๋ยวเราออกไปเอง เจ้าไปทำสงครามของเจ้าเถอะ"เซอิจิพูดงอนๆ ที่ซาไอไม่ค่อยได้สนใจเขาเหมือนเมื่อก่อน ซาไอมีทีท่าเสียใจ

"ประทานอภัยให้ด้วยเพค่ะ หม่อมฉันยุ่งจริงๆ เพค่ะ" ซาไอกล่าว

"ช่างเถอะ เราไม่ได้โกรธเจ้า" เซอิจิโกหก ซาไอทำแก้มป่อง พยายามง้อเซอิจิ

"วันนี้หม่อมฉันว่าง ไปขี่ม้าเล่นกันเถอะเพค่ะ" ซาไอโกหก จริงๆแล้ววันนี้งานล้นมือ แต่ช่างเถอะ เก็บไว้ทำวันหลัง

"ไม่ล่ะ เจ้าควรพักผ่อน" เซอิจิปฏิเสธแล้วเดินออกจากห้องขัง ซาไอมองตาม ลังเลว่าควรจะไปง้อดีหรือไม่ แล้วหันกลับมามองจิเคตะที่นั่งทับกองโซ่อยู่ข้างหลัง

"เพลงดาบของเจ้าวันก่อนสุดยอดมากน่ะ!!! มันก็แน่อยู่หรอกก็แผลที่เจ้าปาดคอข้ายังเจ็บอยู่เลย" เธอชม

"ออ…ขอบใจ แม่ทัพ…" จิเคตะตอบ แล้วหัวเราะในลำคอให้หนุ่มสาวคู่นี้

"เจ้าทำร้ายจิตใจท่านเซอิจิมากไปแล้ว พระองค์งอนไปแล้ว" จิเคตะบอก ซาไอหันขวับกลับมา

"ได้ๆ ข้าผิดเอง" ซาไอเดินตุ่มๆออกไป จิเคตะเลิกคิ้วให้กับภาพตรงหน้า