|
ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องยังมุงจุดสนใจไปที่ซาไอ โดยหาสังเกตไม่ว่า เซอิจินั้นนั่งได้ไม่นิ่งเลย มาโซยะนั้นก็แทบจะต่อยกำแพงเสียให้มือหัก ส่วนโควตะนั้น ไม่ได้แสดงทีท่าอะไรนอกจากท่าทีตะลึงในความบ้าของน้องสาว
ซาไอกระแอม 2-3 ทีก่อนที่จะเล่าต่อ ลมเย็นของเวลาสายันต์โชยเข้ามา สร้างความรู้สึกเหงาจับใจให้แก่แม่ทัพนายกองถ้วนหน้า แต่มันคงจะขัดอรรถรสการผจญภัยที่เหล่าแม่ทัพนายกองจะได้ฟังจากซาไอ หญิงสาวเริ่มเล่าต่อหลังจากหยุดไปสักครู่เพื่อตรวจสอบความสนใจของแม่ทัพนายกอง
"ข้าถูกนำตัวเดินทางไป นานเท่าไรก็ไม่รู้ เดินทางใดก็ไม่ทราบ ข้าได้แต่แสร้งนอนหลับอย่างหมดแรง จะรู้ก็เพียงได้ผ่านลำธารและถิ่นที่กันดารไปพักใหญ่ จนจวบเวลาเกือบครึ่งวัน ข้าก็ถูกราดน้ำใส่หน้าอย่างแรง
'ฟื้นแล้วขอรับ ท่านวากิ' โจรผู้หนึ่งได้รับมอบหมายให้ราดน้ำใส่หน้าข้า เอ่ยรำพึงขึ้นให้บุรุษผิวสีดอกจำปีฟัง
'เจ้าเป็นใคร?' ผู้มีนามว่าวากิเอ่ยถามข้าอย่างเหยียดหยาม ขณะที่ข้าพยุงตัวขึ้นนั่งและปาดน้ำออกจากหน้า'เจ้าเป็นใคร?' วากิถามซ้ำอย่างรำคาญ ก่อนที่ข้าจะเบิกตามองชายผิวสีดอกจำปีให้เต็มตา
'อืม
.ข้า
' ข้าอ้ำอึ้งอย่างไว้ท่า
'ข้าอะไร? รีบๆพูดหน่อยได้ไหมเล่า น่ารำคาญ' เสียงตวาดอย่างหมดซึ่งความอดทนถ่ายมาจากปากคนหน้าสวย
'ข้าเป็นชาวบ้าน
.เป็นคนตัดฟืนธรรมดา
วันก่อนข้าถูกเมียไล่ออกจากบ้าน เลยมาสลบอยู่ เพราะไม่ได้กินอะไรหลายวัน ขอบคุณที่ช่วยข้าเอาไว้
เออ
.พวกท่านคือใคร?' ข้าปลอมเสียงอย่างแนบเนียน
'พวกเราคือกองคาราวานธรรมดา' เสียงตอบกลับมา
'พวกเราอยากให้เจ้าตบอะไรบางอย่างพวกเราหน่อย
ก่อนอื่นเจ้าไปอาบน้ำก่อนดีกว่า' วากิว่า แล้วโบกมือไล่ข้าออกไป นายทหารคนหนึ่งคุมตัวข้าออกไป"
ซาไอนิ่งไปสักครู่ อ้าปากจะเล่าต่อแต่เซอิจิโพล่งขึ้นมาก่อน
"เจ้าอาบน้ำ!!!" เขาตวาดอย่างออกอาการหึงหวงเต็มที่
"ต่อหน้าพวกมันหรือ?" เขาถามเสียงทุ้มๆต่ำๆอย่างมีโทสะ แล้วถลึงตาถามอย่างล้วงลึกเข้าไปในนัยตาของหญิงสาวที่ทอดกลับมา
"มิได้ ท่านเซอิจิ" ซาไอตอบเรียบๆ
"ฟังข้าให้จบเสียก่อน
.ข้าเพียงแต่แสร้งทำบ้าเช่นคนเถื่อนเท่านั้น พอเห็นน้ำ ข้าก็ตะโกนโหวเหวกเหมือนไม่เคยเห็นน้ำแล้วโดดโครมลงไปเท่านั้น
'ฉิบเป๋ง!!! อ้ายเจ้าบ้า' เสียงสบถอย่างตะลึงงันของผู้คุมตัวข้าร้อง
'ทำไมเล่าท่าน?' ข้าแสร้งถามสวน
'ไม่ลงมาเล่นด้วยกันหรือ? น้ำออกจะเย็นสบาย!!!' ว่ากระนั้นข้าก็แสร้งสาดน้ำใส่มัน มันกระโดดหลบอย่างรำคี่รำคาญ
'อ้ายคนเถื่อน
.ข้าไม่เล่นกับเจ้าหรอก รีบขึ้นๆมา ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวข้าจะถูกคาดโทษ!!!' ว่าแล้วมันก็ฟาดกระสอบป่านมาให้ข้าใช้ต่างผ้าเช็ดตัว ข้าล้างขี้ม้าออกเพียงคร่าวๆ แล้วขึ้นจากแม่น้ำตามมันไป"
"อย่ากระนั้นเลยหากข้าจะบอกว่าเพียงปลอมตัวเพียงเท่านั้นก็รู้ความลับจากเจ้าโจรผู้นั้นแสนง่ายเหลือเกินล่ะ ข้ารู้มากเสียจนไม่ต้องดำเนินตามแผนของข้าต่อก็ได้ แต่ข้าก็ดึงดันจะทำตามแผนต่อไป!!!
และแล้วข้าก็ได้พบกับอิจิว
.
หากจะถามว่าบุรุษใดมองดู น่าเกรงขาม กล้าหาญ กะล่อน เจ้าชู้ ป่าเถื่อน หรือแม้แต่เจ้าเล่ห์ ชายผู้นี้แลจักรวมทุกสรรพสิ่งที่ข้ากล่าวออกมา เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ปะทะกับหน้ามันตรงๆ
..
กระนั้นเถิด บุคคลที่ตะลุยข้ามกองศพที่ล้นหลามด้วยเลือดเช่นข้ายังเข่าอ่อน มันมองข้าเหมือนหมาป่าโหยหิวพบกวางเจ็บ น้ำเสียงยังน่าครั่นคร้าม
'เจ้าชื่ออะไร?' อิจิวถามอย่างข่มขวัญข้า
'นิชิโตะข
ขอรับ ข้าน้อยชื่อนิชิโตะขอรับ' เป็นครั้งแรกที่ข้าไม่ต้องแสร้งกลัวในน้ำเสียง แต่ข้าเข่าอ่อนกลัวมันเสียจริงๆ
'เจ้าเป็นชาวบ้าน?
.อยู่แถบๆนั้นหรือ?'
'ขอรับ
'
อิจิวฟังคำข้าแล้วก็ใช้มือเท้าคางอย่างครุ่นคิด พลางคว้าจอกเหล้าขึ้นมาดื่ม จิบพลางนึกพลางไปสักพักถามข้าต่อ
'เจ้ารู้เกี่ยวกองทัพกู้ชาติหรือเปล่า?' มันถาม
'ขอรับ!!!!' ข้าตอบอย่างได้ที
'กองทัพกบฏไหมขอรับ?' ข้าแสร้งเอ่ยผิดๆ
'ข้านั้นอยากทราบเหลือเกินว่าเมื่อไรทางเมืองหลวง จะส่งกองทัพมาปราบกบฏเสียที' ข้าแสร้งว่ารายกองทัพเราเสียมากมาย ได้ผลตามที่ข้าคิด! อิจิวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างได้ที มันเริ่มซ้ำเติมกองทัพของเรา
.ไม่ต้องสงสัยมันหาข้อเสียซ้ำพวกเราเสียหาย ข้าจำใจต้องไปตามกับมัน และใส่ไฟอย่างได้อารมณ์ พลางแกล้งยกยอปอปั้นมันไปเสียเต็มที่ ทำให้ข้ากับมันพูดไปตามทางเดียวกัน สุดท้าย
.เราก็เลิกคุยเรื่องงาน หันไปคุยเรื่องอื่นกันอย่างออกรส เพียงชั่วข้ามคืน มันก็วางใจข้าราวกับเป็นข้าทาสมันมานาน มันเชิญให้ข้าอยู่ในค่ายนั้นแม้นจะโดนเขม้นจากบริวารมันเสียมาก แต่มันไม่ฟังคำของลูกน้องของมัน หาที่พักให้ข้าอยู่อย่างสุขสบายเป็นที่สุด
.
ข้าได้เริ่มดำเนินการตามแผนการที่ข้าวางเอาไว้ทันที ข้าเฝ้าพเนาพนอ เยินยอ และรบเร้าให้มันเล่าเรื่องเมืองหลวงให้ฟัง ข้าแสร้งทำสนใจ และเฝ้าแสดงความคิดเห็นว่าสักวันข้าจะไปเมืองหลวงบ้าง ด้วยใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ข้าทำตัวว่าง่าย ไร้เดียงสา และสนใจในตัวอิจิวมาก จิตวิทยาแผนนี้ของข้าได้ผล อิจิวหลงรักใคร่ข้าเหลือเกิน มันว่าข้าเป็นเด็กฉลาด เพราะในวันหนึ่งมันเอ่ยขึ้นกับข้าว่า
'ข้าไม่แปลกใจที่เจ้า! ถูกเมียขับไล่ออกจากบ้าน เพราะเจ้านั้นไม่เหมาะแก่การตัดฟืน แต่เหมาะที่จะเป็นนัก
ปราชญ์เสียมากกว่า' มันชื่นชมข้าด้วยน้ำเสียงเครืออิจฉา สายตาที่มันมองข้าคล้ายคิดอะไรบางอย่างเอาไว้
พลันจู่ๆ มันก็ตบโต๊ะ ยิ้มกริ่มยินดีดังได้หยกวิเศษ
'ไปเถิดข้ามีแผนดีๆ แล้ว หากเจ้าเกลียดกองทัพกบฏ ข้ามีทางให้เจ้ามีส่วนร่วม ข้าจะทำให้เจ้าเป็นผู้มีเกียรติสำคัญในการล้มกบฏ ชื่อของเจ้าจะจารึกอยู่ในพงศาวดารว่าเป็นวีรบุรุษตลอดกาล สนใจไหมล่ะ?' อิจิวเย้ายวนข้าด้วยคารมที่น่ารื่นรมย์ ข้าพึ่งทำเสียงเห็นด้วยในลำคอ และพยายามหลบตามัน ข้าเกรงว่าสายตาที่บ่งบอกถึงความเหยียดหยามที่ข้ามีให้ต่อมันจะแสดงออกมา
'จริงหรือขอรับ?' ข้าแสดงจริตดุจดังกระดี่ได้น้ำ
'โอ๋
ช่างปรีชานัก ต้องทำอย่างไร?' ข้าเห็นอย่างชัดเจน อิจิวยิ้มอย่างระรื่น คงคิดว่า นิชิโตะตัวน้อยหลงกลมันกระมั้ง มันไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เล่นจอกเหล้าไปมาอย่างเล่นตัว
'ไม่อยากเลย หนุ่มน้อย
' มันว่า
'ข้าจะส่งเจ้าไปเป็นทูต' มันว่า ข้าตั้งใจฟังว่ามันจะมีแผนชั่วเสียสักเท่าใด
'เจ้าไปเป็นทูตขอทำสัญญาพักรบ และบอกว่าเราต้องการ
ไม่สิ
เมืองหลวงต้องการทำสนธิสัญญาพักรบ ชั่วคราว อันเนื่องมากจาก ราชาอิเอยาสึทรงประชวรหนักไม่อาจออกมาว่าราชการบ้านเมืองได้
.' อิจิวบอก
'เสร็จแล้วเมื่อเจ้าจะออกจงหาทางลอบฆ่าแม่ทัพผู้หนึ่งเสีย นั้นคือซาไอ!!!' อิจิวบอก ข้าไม่กล้าสะดุ้ง มันคิดส่งข้าไปตายชัดๆ การกำจัดนิชิโตะนั้นคืดการส่งให้ไปเข้าถ้ำเสือ ซ้ำยังสั่งให้ไปฆ่าเสือเสียอีก ฆ่าซาไอหรือ? เจ้าหมอนี่มันจะเหี้ยมโหดเกินไปแล้ว
ข้าคิด อิจิวมองข้าอย่างสนเท่ห์
'ทำไมนิ่งไปเล่า?' อิจิวถามข้า
'เจ้ากลัวที่จะฆ่าคนหรือ?' อิจิวหยั่งเชิงข้า
'เปล่าขอรับ
' ข้าในคราบนิชิโตะตอบ
'ว่าแต่แม่ทัพซาไอนี้
หน้าตาเป็นอย่างไรหรือขอรับ?'
'แม่ทัพซาไอน่ะหรือ?' อิจิวทำท่าครุ่นคิด
'ข้าก็ไม่เคยเห็นหน้าดอกน่ะ
แต่นางเป็นผู้หญิง แล้วเห็นว่าสวยมากๆด้วย' อิจิวขมวดคิ้ว
'ในค่ายทหารมีผู้หญิงไม่มากดอก ยิ่งคนที่เป็นแม่ทัพคงมีเพียงแค่คนเดียว
..เจ้าตกลงรับงานนี้ไหมล่ะ?' อิจิววกกลับมายังเรื่องเดิม ข้าพึงยืนลังเลอยู่ อิจิวนั้นฉลาดมาก การให้นิชิโตะผู้ที่ดูเหมือนว่าจะไม่กล้าแม้เพียงหยิบมีด ไปฆ่าแม่ทัพร้อยเล่ห์อย่างซาไอ นี่คือความริษยาที่เขาต้องการกำจัดนิชิโตะที่เฉลียวฉลาด แม้มันจะรักนิชิโตะก็ตามแต่
.แต่ว่าใครก็ตามที่มีแนวโน้มสามารถแย่งชิงอำนาจกับตนได้นั้น มันย่อมไม่ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป
ข้าก็สวมบทนิชิโตะผู้ไร้เดียงสา รับข้อเสนอทันที ทำให้ความเริงร่า ยินดี แผ่ร่านไปทั่วตัวขุนพลลมกรดผู้อยู่ต่อหน้าข้า เขาแย้มมุมปาก แล้วหายออกไป สักพักต่อมาเขาก็กลับมาพร้อมกับแผ่นที่หนังผืนใหญ่ เจ้าโจรปัดทุกสิ่งที่อยู่บนโต๊ะลง แล้วกางแผ่นที่ลงบนโต๊ะ ข้าจ้องอย่างตะลึงงัน นั้นเป็นแผ่นที่กองทัพของเรา แจ้งรายละเอียดของทางหนีทีไล่ต่างๆ ในค่าย ข้าวิเคราะห์ความคิดของมัน
มันคงคิดว่าข้าเป็นเจ้าเด็กซื่อสัตย์ที่จะไม่มีวันเผยความลับว่าข้ามาจากค่ายโจร และหากข้าทำสำเร็จหรือไม่ก็ตาม อิจิวก็มีผลประโยชน์แม้แต่เพียงสร้างความวุ่นวายในค่ายของเรา
" ซาไอเปิดหมวกออก แล้วแกะปอยผลสีดำอมม่วงออกมา บัดนี้ผมนั้นยาวเพียงไหล่ของหญิงสาว จากที่มันเคยยาวถึงสะเอว
"สิ่งข้าแปลกใจมากๆ คือ กองทัพโจรไม่มีการส่งไส้ศึกเข้ามายังค่ายเราเลย อาจเป็นเพราะความหลงระเริงในตนเองหรือความระแวงของอิจิวก็ตาม พวกมันยังไม่มีใครรู้เลยว่าแม่ทัพซาไอหายไปจากกองทัพ
ข้าเลยได้ทีสวมรอย เป็นอันว่า เมื่อข่าวมาถึงว่าแม่ทัพซาไอหายไป ใครๆก็คิดว่าถูกข้าลอบฆ่าโดยไม่พบศพ แล้วข้ากลับมาด้วยสภาพสะบักสะบ้อม คนที่ถูกส่งไปร่วมคณะทูตด้วยข้าจัดการกำจัดระหว่างทาง เมื่อกลับมาถึงแผนของข้าก็ถูกตระเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีแม้ใครที่จะสงสัยข้าเลย มีคนริษยาข้ามากมายแต่พวกเขาก็ไม่สามารถหาเหตุผลขึ้นมาสงสัยข้าได้ วากินั้นสงสัยข้าเป็นที่สุด น่าเสียดายที่ผมของข้าถูกย้อมด้วยขี้เถ้าจนดำ ข้าตัดผมตัวเองส่วนหนึ่งกลับมาเป็นหลักฐานว่าข้าได้ฆ่าแม่ทัพซาไอด้วยตนเอง และสมอ้างว่าพวกทหารที่ไปกับข้าถูกซาไอสังหารเสียสิ้น สรรเสริญพวกเขาว่าเสียสละเพื่อให้ข้าได้ฆ่าคน อิจิวดูเหมือนจะไม่ติดใจอะไรเกี่ยวกับทหารที่ตายลงไป ในใจของเขายิ่งเพิ่มความระแวงข้าขึ้นอีก เพราะ
ทั้งๆที่เขาส่งข้าไปตาย แต่ข้ากลับรอดกลับมา เป็นเรื่องที่เขาไม่รู้ว่าควรเสียใจหรือดีใจกันดี
.
|