[HOME] [สารบัญ] l 1 l 2 l 3 l 4 l 5 l 6 l 7 l 8 l 9 l 10 l 11 l 12 l 13 l 14 l 15 l 16 l 17 l 18 l 19 l 20 l 21 l 22 l 23 l 24 l 25 l 26
     l 27 l 28 l 29 l 30 l 31 l 32 l 33 l 34 l 35 l 36 l 37 l 38 l 39 l 40/1 l 40/2 l 41 l 42 l 43/1 l 43/2 l 44 l 45
     l 46 l 47 l 48 l 49/1 l 49/2 l 49/3 - fin l

บทที่ 11 Lady wars (สงครามนารี) เข้ารบรา(เต็มอัตราศึก)


"ราชาเซอิจิหายไปแล้ว" เสียงโกลาหลดังกันยกใหญ่

"ท่านฝาก เจ้ามิซึทากะให้ช่วยดูแลเมือง"

"พระองค์คิดอะไรอยู่"

เสียงจอแจของเหล่าขุนนางที่มีเพียงเล็กน้อยดังขึ้น

"เอะอะ!! อะไรกันทุกท่าน" เสียงหนึ่งดังขึ้น

"ท่านอากิโกะ!!!"

"ท่านเซอิจิหายไปรึ?"

"ใช่ขอรับ"

"อ้าว!!!ช่วงนี้ใครเป็นผู้สำเร็จราชการของอาณาจักรล่ะ?"

"ท่านมิซึทากะขอรับ"

"ไปบอกท่านมิซึทากะว่าท่านเซอิจิให้ตราคำสั่งเรามา" อากิโกะชูตราคำสั่งขึ้น ขุนนางทุกคนคุกเข่าลง

"ถวายบังคม ขอจงทรงพระเจริญ"

"ราชาเซอิจิแห่งซูคังมีคำสั่ง โปรดให้ข้าพเจ้านำจดหมายฉบับนี้ ที่พระองค์ทรงเขียนขึ้น มาเป็นหลักบริหารบ้านเมือง และให้โอนอำนาจการปกครองมาให้ข้าพเจ้า" อากิโกะออกคำสั่ง แม้จะแทบไม่มีคนเห็นด้วยที่ให้ผู้หญิงมาเป็นผู้สำเร็จราชการบ้านเมือง แต่ก็ไม่ได้มีใครสงสัยว่า…..

'ขอโทษน่ะเพค่ะท่านเซอิจิที่อ้างชื่อพระองค์ขึ้นมา แต่ข้าคงทิ้งอาณาจักรของเจ้านายตัวเองไม่ได้ไปไหนไม่ได้ เหมือนกับที่เจ้าหวงแหนเจ้านายของตนเช่นกัน มาโซยุราโอะ…'นางคิด ขณะที่เก็บตราคำสั่งปลอม

เซอิจิ ซาไอ มาโซยะ ใช้ม้าเร็วในเวลา ราวๆ 3 อาทิตย์จึงสามารถเดินทางมาถึงเขตอาณาจักรเมียวบุงได้อย่างราบรื่น เซอิจิถูกกัดกั้นอย่างมากหากจะออกนอกเมือง ราชาออกนอกเมืองเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดของอาณาจักร เขาใช้แผนปลอมตัวออกนอกเมืองอย่างแยบคาย แล้วฝากคนที่วางใจได้ให้ดูแลเมือง("ถ้าอากิโกะอยู่ก็ดี" เซอิจิเปรย) พวกเขาทั้งสามขี่ม้าอีก 3 วันจึงถึงประตูเมืองของเมืองหลวง นายทหารที่ติดตามมาราว 30 นายหยุดม้าอยู่ตรงนั้น ทหารยามมองเห็นท่าทีภูมิฐานของเซอิจิจึงตกลงส่งหัวหน้าทหารยามออกมาไต่ถาม

"นายท่านมา มาทำกิจอันใดที่เมียวบุงขอรับ?" หัวหน้านายทหารยามถาม ขณะที่ลูกน้องแอบเฝ้ามองขบวนคาราวานอยู่ห่าง

"เราคือราชาเซอิจิแห่งซูคัง เรานำตัวบุตรสาวบุญธรรมของท่านฮิโตมิมาส่ง โปรดช่วยไปแจ้งด้วย!!!" เซอิจิกล่าว

หัวหน้ายามรีบถวายบังคมออกไป พลางสั่งลูกน้องให้รีบไปบอกคนของพระราชวัง ไม่นานนักก็มีทหารควบม้าหลายคนควบออกมากันทางให้ชาวบ้านเปิดทางออก แล้วเมื่อชาวบ้านหลีกทางออกไปก็มีม้าแต่งองค์สวยงามควบออกมา ผู้อยู่บนหลังม้าเป็นชายวัยกลางคน ไว้เครายาวถึงอก ท่าทางเป็นคนมีตระกูล อยู่ในชุดขุนนางชั้นสูงของอาณาจักร และลงจากม้ามาทำความเคารพเซอิจิ ซึ่งโดยมารยาทเซอิจิก็ต้องทำเช่นกัน ซาไอและมาโซยะก็ลงจากม้า และสั่งให้ทหารเปลี่ยนจากขี่ม้าเป็นจูงม้าแทน ซาไอกวาดตาดูกลุ่มของขุนนางที่เข้ามารับเสด็จเพื่อสำรวจและไปหยุดที่นายทหารผู้หนึ่ง

"โควตะ!!" ซาไอร้อง

"ซาไอ!!" โควตะยิ้ม ทั้งสองวิ่งเข้าหากัน

"สบายดีไหม?" โควตะถาม

"ก็ดี แล้วเจ้าล่ะ"

"กษัตริย์ของอาณาจักรนี้ เป็นพระเชษฐาของท่านฮิโตมิ ส่วนผู้ชายคนนั้นเป็นพระอนุชาของท่านฮิโตมิ พวกเรากำลังซุ่มกำลังอยู่ ตอนนี้ความสัมพันธ์นากิกับเมียวบุงแทบไม่เหลือแล้ว เพราะลงโทษท่านฮิโตมินั้นแหละ " โควตะเล่า พลางกวาดตาไปที่มาโซยะ

"ใครน่ะ?" โควตะถาม

"อ้อ!! นั้นมาโซยะ เป็นพรานป่าที่เก่งมาก ช่วยข้าให้เดินทางไปหาท่านเซอิจิ"

"มาโซยะนี่ โควตะ!! คนที่ท่านฮิโตมิเลี้ยงมาพร้อมกับข้า"

"สวัสดีขอรับ" มาโซยะทักทาย พยายามให้สุภาพที่สุด

"สวัสดี" โควตะทักทาย พลางแอบมองมาโซยะตั้งแต่หัวจรดเท้า

"ซาไอ!!!" เซอิจิ ร้องเรียก เพื่อใจที่เพิ่งสมานกันดังเดิม เธอไม่อยากขัดใจเซอิจินัก

"เพค่ะ"

"ท่านนี้!! คือท่านฮาโตฮิเดะ เป็นพระราชอนุชาของพระนางฮิโตมิ ได้รับคำสั่งจากท่านฮาโตยามะ กษัตริย์ของอาณาจักรเมียวบุง ให้มารับเราเข้าไปในพระราชวัง" เซอิจิเอ่ยกับซาไอด้วยท่าทีสนิทสนม และเปลี่ยนไปแทบทันทีเมื่อทรงตรัสกับฮาโตฮิเดะ ราชนุกูลในราชวงศ์มากินาเสะ ทรงยังท่าทีงามสง่า คำพูดแต่ละคำถูกปล่อยออกไปอย่างชัดเจนและสุภาพ

"นี่คือ ซาไอ เป็นพระราชบุตรีบุญธรรมในพระนางฮิโตมิ" เซอิจิแนะนำ

"ช่างงดงามเสียจริง" ฮาโตฮิเดะเอ่ยชม ทำเอาเซอิจิต้องพยายามซ่อนรอยยิ้มที่จะกว้างถึงใบหู

"ทางเราพร้อมแล้ว นับเป็นพระมหากรุณาะคุณของท่านฮาโตยามะ ที่ให้เกียรติส่งราชนุกูลที่สง่างามมารับพระราชบุตรีบุญธรรมของพระนางฮิโตมิ.." ฮาโตฮิเดะยิ้ม แม้จะรู้ว่ามันเป็นเพียงคำเยินยอก็ตาม แต่เซอิจิมองได้ทะลุว่า ชายผู้นี่เป็นคนบ้ายอพอสมควร ซาไอรู้สึกภูมิใจนิดๆ เพราะนางเชื่อว่านางมีส่วนในการช่วยให้เซอิจิมาถึงขั้นนี้

"ถ้าอย่างนั้นเชิญเลย" ฮาโตฮิเดะกางมือออก แล้วทั้งหมดก็ขึ้นม้า ก่อนที่จะก็ควบออกไป ม้าของโควตะอยู่ข้างซาไอ ขั้นกลางระหว่างเธอและเซอิจิเสมอ โชคดีที่โควตะยังไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับทั้งสอง ไม่เช่นนั้นโควตะคงยำเซอิจิแน่นอน เซอิจิค่อนข้างอึดอัดเพราะเขารู้ว่าคนสำคัญที่ใครให้ความเคารพไม่ใช่เขา แต่เป็นราชบุตรรีบุญธรรมของพระนางฮิโตมิ ส่วนพวกทหารให้เกียรติเขาเนื่องด้วยเป็นว่าที่เขยของพระขนิษฐาของกษัตริย์แห่งเมียวบุง หาใช่ในฐานะกษัตริย์แห่งซูคัง หรือโอรสของราชินีมิโดริที่มีส่วนร่วมลงโทษท่านฮิโตมิ เปลี่ยนแปลงนางจากราชินีเป็นสามัญชน

การต้อนรับเกิดขึ้น ณ เขตพระราชฐาน ท่านฮิโตมิ แม้สุขภาพยังเพิ่งพักฟื้น เพราะหลังจากมาถึงที่เมียวบุงทรงมีพลามัยที่ทรุดโทรม เนื่องจากเดินทางติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ก็ยังดันทุรังออกมาหาซาไอด้วยตัวพระองค์เอง

"ท่านฮิโตมิ!!!" โควตะร้อง เมื่อเห็นพระนางฮิโตมิพยายามเสด็จออกมา แม้จะมีนางกำนัลพยุงอยู่ก็ตาม

"อย่าเพิ่งออกมาสิพะยะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมจะพาซาไอไปหาพระองค์เอง.." โควตะร้องด้วยความเป็นห่วง

"ซาไอเพิ่งมาทั้งที แค่กๆ… จะปล่อยให้ข้ารอได้อย่างไร" พระนางฮิโตมิเสด็จเข้ามาหาซาไอ

"ถวายบังคมเพค่ะ" ซาไอคุกเข่า

"ลุกขึ้น ..ยายตัวดี…ข้าเป็นห่วงนะรู้ไหม!!!" พระนางฮิโตมิทรงตรัสพลางพยุงซาไอขึ้น แล้วก็เหลือบไปเห็น เซอิจิกับมาโซยะ

"นี่คงคือ…."

"เซอิจิ พะยะค่ะ"

"ต้องขอบคุณ ท่านเซอิจิมากที่ช่วยดูแลซาไอ เคยได้ยินแต่ชื่อ แต่ตัวจริงก็สง่าสมคำร่ำลือ" พระนางฮิโตมิแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน เซอิจิรู้สึกอบอุ่นขึ้นในทันที

"แล้วท่านนี่…" ราชินีฮิโตมิ หยุดที่มาโซยะ

"มาโซยะ เป็นพรานป่าที่ติดตามท่านแม่ทัพซาไอขอรับ" มาโซยะคุกเข่าอย่างสุภาพเกินกว่าปกติเขาจะทำได้ คงเป็นเพราะรัศมีของท่านฮิโตมิ

"เป็นคนเก่งมากเพค่ะ" ซาไอช่วยพูด

"ขอบคุณเจ้าด้วยนะ" พระนางก้มลงมายังมาโซยะอย่างนิ่มนวล

"ม…..มิได้พะยะค่ะ" มาโซยะรับคำอย่างเขินๆ

"รีบกลับวังเถอะพะยะค่ะ เสด็จพี่ พระวรกายทรงไม่แข็งแรง" ฮาโตฮิเดะตัดบท ยังมีจุดประสงค์ อยากให้ทั้งหมดเข้าพบกษัตริย์ฮาโตยามะด้วย พลางสั่งนางกำนัลพยุงท่านฮิโตมิเข้าไปในวังหลวงเพื่อเข้าเฝ้าราชาฮาโตยามะ

"อ้อ….เซอิจิทำอะไรเจ้าหรือเปล่า" โควตะกระซิบ ขณะทั้งหมดยกขบวนไปยังวังหลวง

"ไม่นี่!!" ซาไอพูดปดโดยเร็ว

"ก็ดี…ข้ายังไม่อยากเป็นพี่เขย"

"พูดบ้าๆ เหมือนกับข้า…..ไม่เอาข้าไม่พูดหรอก" ซาไอหน้าแดง

"ไม่ต้องห่วง ถึงข้าไม่ค่อยชอบให้เจ้าอยู่ตามลำพังกับเซอิจิ แต่ข้าก็ไม่ขวางหรอก" โควตะพูดยิ้มๆ พลางจูงมือซาไอมาหาเซอิจิ

"กระหม่อมเอาซาไอมาส่งให้พะยะค่ะ" โควตะส่งซาไอให้กับเซอิจิ และไปหลบอยู่ข้างหลัง ซาไอหันกับไปมองพี่ชาย อย่างหวาดๆ เซอิจิก้มหน้าลงไป ซ่อนใบหน้าแดงๆเอาไว้

การเสด็จเข้าเฝ้าเป็นไปอย่างยืดยาด แต่ก็อลังการ กษัตริย์ฮิโตยามะทรงมีพระฑาฐิกะ(เครา) สีดำเงางามยาวถึงอก และงอนขึ้นอย่างสวยงาม พระองค์ทรงทักทาย เซอิจิ ซาไอและมาโซยะ ทรงเรียกซาไอเข้าไปทอดพระเนตรใกล้ๆ และทรงบำเหน็จเสื้อผ้าให้ราชนัดดาบุญธรรมของพระองค์ ทรงตั้งมาโซยะให้อยู่ในฐานะองครักษ์ประจำตัวของซาไอ ส่วนเซอิจินั้น พระองค์มีทีท่าเย็นชาด้วยที่สุด จะว่าไปคนที่ดีกับเซอิจิ ก็คงมีแต่ซาไอ มาโซยะ ท่านฮิโตมิ และโควตะ(เป็นบางเวลา) เซอิจิรู้สึกอึดอัดเอามากๆ แต่ก็น้อยลงเมื่อซาไอทูลถึงความดีของเซอิจิ และเรื่องที่เซอิจิมิใช่มารดาจริงๆของเซอิจิ นั้นทำให้กษัตริย์ฮาโตยามะ ทรงมีทีท่าที่ดีต่อเซอิจิมากขึ้น แต่ก็คัดค้านที่ทั้งสองจะรักกัน เนื่องด้วยซาไออายุมากกว่าเซอิจิถึง 3 ปี รวมถึงเหล่าขุนนางแห่งนากิด้วย เมื่อเขาเป็นลูกของราชินีมิโดริแม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆก็ตาม ซาไอไม่สบายใจและพยายามบอกทุกคนว่า เซอิจิไม่ใช่คนอย่างนั้น แต่นั่นทำให้ขุนนางที่ได้ฟังหัวเราะ และบอกซาไอว่าเธอจะไปเห็นว่าเซอิจิผิดได้อย่างไร เมื่อทั้งสองรักกันอยู่

"ข้าจัดการเรื่องนี้เอง" เซอิจิเอ่ยขึ้น เมื่อทั้งสองแอบพบกัน เนื่องจากราชาฮาโตยามะทรงจัดที่พักให้ทั้งสองอยู่ห่างกันพอสมควร เพื่อกันเรื่องไม่ดีไม่งามที่จะเกิดขึ้น เซอิจิใช้พระโอษฐ์ไล้ไปตามลำคอของซาไอ เธอมองเห็นเซอิจิเพียงเงาดำที่เคลื่อนไหวไปมาเท่านั้น แขนของหญิงสาวพาดบนไหล่ของพระองค์

"พระองค์จะทำอย่างไรเพค่ะ?" ซาไอถาม พลางใช้มือเอื้อมไปลูบไล้พระพักตร์ของเชื้อพระวงศ์รูปงาม

"คงต้องเวลาเสียหน่อย" เซอิจิจับมือของหญิงคนรักมาจุมพิตอย่างสุภาพ ขณะที่แขนข้างหนึ่งยังโอบรอบเอวเธอ

"พระองค์ทรงฉลาดกว่าหม่อมฉันเสียแล้ว" ซาไอหัวเราะคิกคัก เมื่อเซอิจิหอมแก้มหญิงสาวขณะบอกลา

"ถ้าใครไม่ให้เราแต่งงานกัน ข้าจะพาเจ้าหนีเอง" เซอิจิตรัสติดตลกเมื่อเสด็จจากไป ซาไอมองเงาจนลับตา แล้วแอบกลับเข้ามาที่ตำหนัก

"รสจูบนั้นคงหวานชื่นดีนะ" เสียงขวานผ่าซากดังขึ้น ซาไอสะดุ้ง รู้สึกว่าหน้าตนเองร้อนผ่าว มาโซยะนั่งอยู่บนขื่อ

"เจ้าไม่ควรแอบดูเลย" ซาไอเอ็ด

"เจ้าก็ไม่ควรเดินออกไปให้ชายจุมพิตเช่นกัน" มาโซยะทำตัวเป็นผู้ใหญ่กะทันหัน เขามีทีท่าไม่พอใจ

"ท่านเซอิจิเป็นบุรุษ ซึ่งเจ้าก็น่าจะรู้ว่าถ้าเขาห้ามใจไม่ไหว อะไรจะเกิดขึ้น" มาโซยะว่า

"เจ้าไข้ขึ้นหรือ? มาโซยะ" ซาไอพูดติดตลก

"ท่านโควตะฝากเจ้าให้ข้าดูน่ะสิ" มาโซยะพูดอย่างมีโมโห

"ข้าจะบอกเขายังไง ว่าเจ้าออกไปพบผู้ชายตอนกลางคืนแถมยังให้เขาจูบอีก" มาโซยะกุมขมับ ซาไอก็มีทีท่าไม่พอใจเช่นกัน

"ข้าก็ไม่เคยให้ชายใดแตะต้องข้าเหมือนกัน นอกจากท่านเซอิจิคนเดียว!!!" ซาไอว่า

"แต่ข้าเคยโอบเอวเจ้าทีนึงนะ!!"

"ช่าย!!! แต่มันก็ทำให้เจ้าโดนต่อยไม่เป็นท่าไม่ใช่หรือ?"

"ไม่รู้ละไม่ว่ายังไงก่อนจะมีพิธีสมรส เจ้าควรรักษาตนให้บริสุทธิ์ ไม่ให้ตัวแก่ใคร แม้แต่คู่หมั้นของเจ้าเอง" มาโซยะดุ ซาไอเริ่มขี้เกียจเถียง

"ได้!!! ต่อจากนี้ข้าจะไม่แอบจูบกับเขาอีก พอใจไหมล่ะ!!!" ซาไอว่า แล้วเดินเข้าไปในห้องไป มาโซยะถอนใจ

"นางช่างเหมือนท่านเสียจริง ท่านอิโยะ!!!" เขาสบถ

. . . . . .

เซอิจิเริ่มเป็นที่ชื่นชอบของขุนนางในนากิขึ้น คงเป็นมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีของเขา และเขาเริ่มต่อต้านราชินีมิโดริเพื่อซูคังและความถูกต้อง กองทัพที่เตรียมกับมาเกือบ 2 ปีเริ่มฮึกเหิม เสบียงเพียงพอในการออกศึก นายทหารเกือบ 30000 นายกับนายทหารที่รวมกับอาณาจักรเมียวบุงอีก 20000 ลำพองและพร้อมจะออกรบ ทุกครั้งที่ซาไอเดินผ่านเดินผ่านจะได้ยินแต่เสียงโห่ร้องขณะซ้อมรบ

ซาไอเริ่มทบทวนแผนการทหารโดยการเล่นหมากรุกกับโควตะ(ซึ่งช่วยไม่ได้มากนัก) และรำง้าวบนหลังม้าเพื่อฝึกปรือพละกำลัง เซอิจิเรียนวางแผนการตั้งค่ายจากซาไอ ซึ่งต้องนำมาคำนวณอยู่นานว่าต้องตั้งค่ายบริเวณใดจึงจะดีและเป็นการปักหลักที่จะสู้กับราชินีมิโดริ เซอิจิมักกลัวว่าซาไอจะเครียดเกินไป ไม่ว่ายังไงเขาก็พยายามช่วยซาไอให้ทำอย่างอื่นบ้าง เพื่อที่จะไม่ให้เครียดเกินไป มาโซยะกับโควตะดูจะเครียดไปกว่าซาไอ เขามีหน้าที่ฝึกทหารแล้วไหนจะจะผลัดกันมาดูว่าเซอิจิกับซาไออยู่ด้วยกันลำพังแล้วจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น โควตะซี้กับมาโซยะขึ้น คงเป็นเพราะมาโซยะฉลาดนั้นเอง แต่นิสัยพูดมาก ผ่าซากกับนิสัยไวต่อทุกๆข่าวของเขายังเหมือนเดิม ส่วนฝ่ายพระนางฮิโตมิพระพลามัยของพระองค์ดีขึ้นตามลำดับ แต่ที่จะไม่ค่อยดีคงจะเป็นสุขภาพจิตของพระองค์ เมื่อใกล้กำหนดยกทัพ พระนางเกรงทั้งเรื่องการดูแลรักษาตัวของซาไอ โควตะ แล้วไหนจะราชาอิเอยาสึที่พระนางจงรักภักดีด้วย มันช่างเข้ากันไม่ได้ซะเลย แม้พระนางอยากให้เรื่องไหนไม่เลวร้าย อีกเรื่องก็จะตรงข้ามกัน ราชาอิเอยาสึไม่ปล่อยคนที่ทรยศแน่ หรือคนบงการอาจไม่ใช่ราชาอิเอยาสึ อาจจะเป็นมิโดริซึ่งเป็นไปได้อย่างมาก

และที่แย่ยิ่งกว่าก็คือพระนางไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนทั้งนั้นเพราะสุขภาพที่กษัตริย์ฮาโตยามะทรงห่วงอย่างมาก เมื่อการเดินทางของกองทัพใกล้จะเริ่มขึ้น ในวันเช้าก่อนเดินทาง ทั้งโควตะและซาไอมากราบบังคมลาท่านฮิโตมิ

"ขอให้พวกเจ้าจงปลอดภัย" ท่านฮิโตมิอวยพร

"พระองค์ก็เช่นกันพะยะค่ะ" โควตะเอ่ย

"ทรงรักษาพระวรกายด้วยเพค่ะ พวกกระหม่อมทูลลา" โควตะและซาไอถวายบังคมลาและออกมาจากพระตำหนัก ตัวพวกเขาเองยังไม่รู้เลยว่าทำไมถึงได้พูดได้แต่เพียงเท่านั้น ความอึดอัดคับอยู่เต็มอก ที่ต้องมาสู้รบเอาชนะอาณาจักรที่ตนเองอยู่มาจนโต โควตะและซาไอไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเขาขึ้นม้า ขบวนทัพเดินทางออกไป นารายะและมาคุที่เดินทางตามมาถึงเมื่อ 3 วันก่อนมาเข้าร่วมกองทัพด้วยและนำสถานการณ์ปัจจุบันมาบอก ซึ่งราชินีมิโดริได้ยึดอำนาจแล้วทำการย้ายราชาอิเอยาสึไปยังพระราชวงศ์เย็นเป็นการกักบริเวณ นางกุมอำนาจโดยสมบูรณ์แบบ

ในครั้งนี้โควตะเป็นแม่ทัพใหญ่ ส่วนซาไอเป็นแม่ทัพรอง เซอิจิ มาโซยะขุนนางของนากิอีกหลายคนร่วมเดินทางด้วย ทหารทั้ง 50000 นาย ยาดตราทัพผ่านประตูเมืองของอาณาจักรเมียวบุง มุ่งหน้าสู่อาณาจักรนากิเพื่อกอบกู้บ้านเมืองต่อไป…..