[HOME] [สารบัญ] l 1 l 2 l 3 l 4 l 5 l 6 l 7 l 8 l 9 l 10 l 11 l 12 l 13 l 14 l 15 l 16 l 17 l 18 l 19 l 20 l 21 l 22 l 23 l 24 l 25 l 26
     l 27 l 28 l 29 l 30 l 31 l 32 l 33 l 34 l 35 l 36 l 37 l 38 l 39 l 40/1 l 40/2 l 41 l 42 l 43/1 l 43/2 l 44 l 45
     l 46 l 47 l 48 l 49/1 l 49/2 l 49/3 - fin l

บทที่ 14 ชายผมแดง ที่นามว่าจิเคตะ


"แล้วยังเป็นคนสอนท่านเซอิจิร่วมเพศด้วย!!!"

ซาไอที่ยืนได้มั่นคงด้วยท่อนขาของตนเองทรุดฮวบลงกับพื้น มาโซยะรีบพยุงเธอขึ้น ใจของเธอสั่นไหว ขอร้องเถอะสวรรค์ การที่ท่านเซอิจิมีความสัมพันธ์ลับกับพระมารดาเลี้ยง นางนั้นยังเต็มใจรักเขา หากชายคนนี้ยังเคยมีความสัมพันธ์กับท่านเซอิจิละก็นางจะฆ่าเขา จะฆ่าเขาที่กลับมาทำให้เซอิจิเจ็บปวดอีก และทำให้เขาอับอายเพราะที่นั้นมีมาคุ และทหารอีก 49 นายยังอยู่ที่นี้ ไม่มีใครนึกฝัน ว่ากษัตริย์เซอิจิผู้สง่างามจะมีความหลังที่น่าอดสูเพียงนี้ เซอิจิยังยืนบนขาของตน ที่มองดูอ่อนแรง พระองค์ทรงตั้งดาบขึ้น ดูทระนงและไม่สนใจสายตาทหารและคำพูดที่เพิ่งผ่านไป พลางกระโจนเข้าโจมตี จิเคตะที่ทำร้ายซาไอ จิเคตะหลบอย่างง่ายดาย

"พระองค์สมควรแล้วที่จะอดสู" จิเคตะตะโกน

"ทรงทรยศพระนางมิโดริที่งดงาม มาอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่โดนสึกุบะปล้ำแล้วด้วยซ้ำ!!!" เซอิจิถึงกับชะงัก ใครน่ะ? ช่วงจังหวะนั้นจิเคตะใช้ดาบในมือโจมตีใส่เซอิจิบาดเจ็บที่พระพาหาขวา จิเคตะได้โอกาสซ้ำยกใหญ่ มาโซยะเห็นจึงจะเข้าไปช่วย แต่ฉับพลัน…

"ข้ายังไม่อยากให้น้องข้าเป็นม่ายหรอกน่ะรู้ไหม?" โควตะฉีกยิ้ม เรื่องวิชาการต่อสู้เขาไม่เคยแพ้ใคร จิเคตะขมวดคิ้ว

"ออกไปก่อน ทางนี้ข้าจักการเอง" โควตะสั่ง มาโซยะไขกุญแจห้องขังแล้วให้มาคุอุ้มซาไอ และตัวเองพยุงเซอิจิออกไป

"เรามาสู้กันต่อเถอะไอ้ตากุ้งยิง" โควตะล้อเลียน

"ตาสีแดง ตานักรบโว้ย!! ไอ้หัวสีมังคุด" จิเคตะด่ากลับ แล้วทั้งสองก็สู้กันแค่ 2 คนตามศักดิ์ศรีนักรบ

. . . . . .

มาโซยะ และมาคุ พาซาไอและเซอิจิกลับมายังกองทัพ แม่ทัพ ปาปิยะ และนารายะรออยู่

"มาโซยะ!!" เซอิจิออกปาก

"จิเคตะบอกว่าใครปล้ำซาไอน่ะ" เขาขบฟัน

"สึ…สึกุบะขอรับ ทำไมหรือ?"

"ไม่มีอะไร..ขอบใจ"

เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากข้างซาไอ เสียงขอหยูกยาดังลั่น เพราะเธอได้รับบาดเจ็บที่ลำคอ แม้แผลไม่ลึกแต่ก็อันตรายนัก

"ม้าข้าอยู่ไหน ท่านเซอิจิล่ะ ข้าจะฆ่ามัน ไอ้จิเคตะนั้น!!! ข้าจะฆ่ามัน" ซาไอพึมพำอยู่แค่นั้น ขณะที่มาคุพาไปทำแผลให้ ม้าแสนรู้ซาไอควบตามอย่างรวดเร็ว มันลืมเหนื่อยจนหมด มันแค้นจิเคตะเช่นกันที่ทำกับเจ้านายมันเช่นนี้ ไม่นานนักโควตะก็ลากจิเคตะที่ถูกมัดด้วยป่านหนาๆมาพร้อมกับบาดแผลเต็มตัว

"ท่านโควตะ" มาคุร้องอย่างตกใจ

"มันนักโทษคนนี้ร้ายนัก" เขาหอบแฮกๆ พลางขากเลือดทิ้ง

"ทำร้ายน้องสาวข้า

รังแกน้องเขยข้า

แล้วยังจะเก่งอีก" ว่าแล้วโควตะก็ล้มตึงตรงนั้น ขณะที่จิเคตะสลบไม่ได้สติ มาคุพาทั้งสองเข้าไปในกองทัพ แม่ทัพปาปิยะรับบทนำกองทัพเดินทางกลับ โดยที่ตัวเองทั้งหลายของเรื่องหลับไหลไม่ได้สติ

. . . . . . .

สายลมของตอนเช้าพัดโชยเข้ามาในผ้าใบที่พักของเหล่าทหาร วันนี้มีงานที่เหล่าทหารจะได้สนุกกัน ซาไอได้รับอนุญาตให้ออกไปได้ เธอลับดาบเอาไว้ปาดคอเจ้าจิเคตะ เพราะแผลเริ่มต่อตัวแล้ว โควตะยังเปลี่ยนผ้าพันแผลในห้อง เซอิจินั่งรอการสอบสวนพวกโจร เพื่อจะได้เจอกับคนที่ชื่อสึกุบะ มาโซยะนั่งหัวทิ่มอยู่บนราวไม้ไผ่ แม่ทัพอีกหลายคนนับลับดาบ บางคนซ้อมกระสอบ(เก็บไว้ซ้อมโจร) ส่วนทหารนั้นไม่ต้องพูดถึง บทสนทนาหลักคือเรื่อง แม่ทัพซาไอที่ว่ากันว่าเสียตัวให้หัวหน้าโจรแล้ว และเซอิจิ ที่ว่ากันว่ามีความสัมพันธ์กับผู้ชายที่เป็นรองหัวหน้าโจรฝ่ายขวา ที่ชื่อว่าจิเคตะ

เวลาเที่ยงคือเวลาที่ทุกคนรอคอย แม่ทัพโควตะเป็นคนสั่งเบิกตัวพวกโจร ที่จับเป็นได้กว่า 200 คนจาก 600ชีวิต

แต่คนที่จะนำขึ้นมาสอบสวนมีเพียงแต่

สึกุบะ หัวหน้าโจร

จิเคตะ รองหัวหน้าโจรฝ่ายซ้าย

ทามาคิเระ รองหัวหน้าโจรฝ่ายขวา(คนเตี้ยๆที่ชอบประจบ)

เท่านั้น….

โควตะนั่งอยู่ที่สูงสุด ซาไอเป็นรองแม่ทัพ ครั้งนี้ให้นารายะจดความเพราะเจ็บมือทั้ง 2 ข้าง เซอิจินั่งลุกลี้ลุกลนบนเก้าอี้ในอีกตัวถัดมา นายทหารหลายคนดัดมือกร๊อบแกร๊บ มาโซยะนั่งทำท่ามึนงงอยู่นาน มาคุไอเล็กน้อยเพราะพิษเหล้าที่เตยดื่ม

ทามาคิเระทำท่าโง่เง่าออกนอกหน้าอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับจิเคตะที่มองดูเยือกเย็นอมภูมิตลอดเวลา และสึกุบะที่แม้จะไม่ได้ดูฉลาดนัก แต่ก็ยังดูหยิ่งในเกียรติ

เมื่อดวงอาทิตย์บอกเวลาเที่ยง การสอบก็เริ่มขึ้น

"ข้าขอแจ้งความผิดของพวกเจ้า ด้วยแม่ทัพทีละคน" โควตะเอ่ย

"เริ่มจากข้า ลักพาทหารของข้า สร้างความเดือดร้อนและล่าช้าให้กองทัพ และยังทำข้าบาดเจ็บอีก หมดแล้วต่อไปท่านรองแม่ทัพ" ซาไอลุกขึ้น

"ขโมยสัมภาระข้า กักกันข้าโดยไม่มีควมผิด ยังทำร้ายร่างกาย แล้วยังตั้งใจลวนลามข้า…ต..แต่ข้าหนีมาได้ก่อนน่ะ " เธอเสริม เมื่อสายตาแม่ทัพหลายคนหันขวับมาหา และเซอิจิจ้องสึกุบะตาเป็นมัน

"ต่อไปตาของแม่ทัพเซอิจิ" เซอิจิลุกขึ้นอย่างเครียดแค้น แทบลืมตัวว่าเขาให้แจ้งข้อหาไม่ใช่ออกไปอัดผู้ต้องหา เขาสงบตนเองและลุกขึ้นช้าๆ

"ทำร้ายร่างกายข้า!!!" เขาพูดแค่นั้นก็นั่งลง

"มาคุ"

"วางยาพิษในเหล้าที่ข้าดื่ม ทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว" มาคุตะโกน

"เราขอแจ้งข้อหาทั้งหมดแก่พวกเจ้า จะยอมรับผิดหรือไม่?" โควตะส่งเสียงเด็ดขาด เหล่าผู้ต้องหานิ่งเงียบ หาได้ตอบแต่อย่างใด

"จะรับหรือไม่?"

"ไม่!!!" สึกุบะตวาด เขาเหมือนสัตว์ป่าที่ถูกกักขัง พลางมองไปที่ซาไออย่างกระหายจัด ซาไอรู้สึกกลัวขึ้นอีก เธอพึมพำพูดชื่อเซอิจิ

แล้วเซอิจิก็มา…

พลั๊ก!!!! เสียงเซอิจิระบายอารมณ์ยันหน้าสึกุบะจนติดดินกะทันหัน นายทหารหลายคนรีบเข้าห้ามทัพทันที และทันทีที่ลากเซอิจิมามัดติดกับเก้าอี้ได้ การสอบสวนก็ดำเนินต่อ

"ทรมาน!!" โควตะตวาด เคลื่อนทรมานสารพัด ถูกนำมาพันธนาการ สึกุบะร่างยักษ์ เขาแสดงทีท่าเจ็บปวด แต่ก็ไม่มีทีท่ายอมแพ้ คำตอบนั้นออกจากปากจิเคตะ เช่นกัน เขาเลียริมฝีปากพลางมองเซอิจิ ทำให้รองเท้าคู่เก่งของซาไอลอยมาหาทันที สายตาของนายทหารแทบทุกคนหันขวับไปหา แต่เจ้าตัวทำไม่รู้ไม่ชี้ เครื่องทรมานถูกนำมาใช้อีก

มาถึงทามาคิเระ…..

"ทามาคิเระ หากเจ้าไม่อยากถูกทรมานเช่นคนอื่นๆ จงบอกความจริงออกมา ไม่เช่นนั้น….." โควตะให้เหล่าทหารนำเครื่องทรมานอีกราว 2-3 ชิ้นออกมา ทามาคิเระสั่นกึกๆ

"พวกโจรข่มขู่เจ้าอะไร ไม่ต้องกลัว ที่นี่พวกเราจะปกป้องเจ้าเอง" ซาไอชิงพูดต่อ ทามาคิเระสั่นหงึกหงัก เขามองไปทางสึกุบะ จิเคตะ แล้วหันไปบอกเครื่องทรมาน หันไปมองโควตะ

"ไม่ต้องกลัว" โควตะกล่าว

"แค่เจ้าเล่ามาตามความจริงเราจะปกป้องเจ้าเอง"

"ข..ข้า…ข…ข้า" ทามาคิเระมองสึกุบะที่มองทามาคิเระอย่างดุร้าย แต่เขากลัวเครื่องทรมานมากกว่า

"ข้ารับข้อกล่าวหา!!!" ทามาคิเระเอ่ยเสียงสั่นเครือ

"เจ้าคนทรยศ!!!"สึกุบะตวาด พลางพยายามเข้าไปทำร้ายทามาคิเระ เดือดร้อนเหล่าทหารกว่า 10 คนต้องคว้าตัวเอาไว้ จิเคตะงัดสายตาเยือกเย็นขึ้นมามองโควตะ คนที่เมื่อไม่กี่วันก่อนประลองดาบกับเขา และสามารถจัดการเขาเสียหมอบ แล้วหันไปมองทามาคิเระอย่างเหยียดหยาม โควตะสั่งให้ทหารพาทามาคิเระเข้ามาใกล้ๆ และสั่งจับสึกุบะและจิเคตะจนแน่น

"เล่ามา…" โควตะออกคำสั่ง

"ทำไมต้องวางยานายทหารของพวกเราด้วย!!!" ทามาคิเระทำท่าอึกอักก่อนที่จะเอ่ยปากเล่า

"เป็นการป้องกันตัวขอรับ"

"!!!!" โควตะ

"คือเดิมพวกเราเป็นโจรภูเขาธรรมดา แล้ว…." ตาของทามาคิเระเหลือบไปทางซ้าย เป็นอันว่าเขาพูดความจริง

"แล้ววันหนึ่งพระนางมิโดริก็มาขอตัว อิจิว"

"ใครกัน?" โควตะถาม

"โจรป่าคนหนึ่งในกลุ่มของเรา โดยแลกกับสัญญาว่า จะช่วยปกป้องเรา จะให้เราสามารถปล้นใครก็ได้ แต่เราก็ไม่วางใจ จึงต้องวางยาพวกเขาเผื่อเป็นพวกของมิโดริ" ทามาคิเระบอก โจรภูเขามองดูไม่ผิดเลยหากพูดอย่างนี้ คล้ายการเข้าใจผิดมากกว่า

"พ…พวกท่านคงเป็นกองทัพที่มาปราบมิโดริสิน่ะ" เขาตะกุกตะกัก

"ง…งั้นเราก็มาร่วมมือกันสิ" ทามาคิเระเจรจา โควตะชายตามองไปยังชายที่มีทีท่าขี้ขลาด แต่ช่างจำนัลจา พลางฉีกยิ้มอย่างยินดี กึ่งเหยียดหยาม

"ว่าไงล่ะ สึกุบะ!!! อยากจะร่วมกับเราไหมล่ะ?" โควตะถามอย่างเหนือกว่า เซอิจิมองโควตะอย่างลุกลี้ลุกลน

"……." สึกุบะก้มหน้าลงคล้ายครุ่นคิด โควตะไม่แน่ใจว่ามีสมองมากสักแค่ไหนเชียว

"เจ้าจะได้ทรัพย์สมบัติมากกว่าที่เจ้าเป็นโจรอีกน่ะ" โควตะหว่านล้อม จิเคตะหรี่ตาลง พลางมองสึกุบะ เม้มริมฝีปาก สึกุบะหันหน้ามาหาจิเคตะคล้ายขอคำปรึกษา แต่จิเคตะเบือนหน้าหนี คล้ายให้ตัดสินใจเอง สึกุบะก้มหน้าใคร่ครวญสักครู่

"ได้…ข้าจะร่วมมือกับพวกท่าน" สึกุบะรับคำเสนออย่างหนักแน่น จิเคตะไม่แสดงสีหน้าอะไร เขาก้มมองพื้นอย่างเฉยชา

"แล้วเจ้าล่ะ จิเคตะ"

"หัวหน้าว่ายังไง ข้าก็ทำตาม…" เขาตอบอย่างเย็นๆ

"งั้นดีมาก!!!" โควตะหัวเราะ แม้จะแฝงด้วยเสียงคราญบ้างก็ตาม

"มาคุ จัดที่พักให้พวกเขานอกค่ายพวกเรา จับตาดูให้ดี" เขากระซิบกับมาคุ

"เอาล่ะทุกคน ข้าจะจัดให้คนจัดที่พักให้!!!" เขาเอ่ยกับพวกโจรภูเขา พลางเดินลงไป การสอบสวนถูกจบลงไปอย่างเรียบง่าย หลายคนไม่พอใจที่โควตะไม่ลงโทษใคร ก่อนแยกย้ายไปทำธุระของตน

สัมภาระของซาไอถูกนำมาคืนในเวลาต่อมา ไม่มีอะไรบุบสลายแม้ถุงผ้าจะเกรอะฝุ่นบ้างก็ตาม การเดินทางถูกหยุดชะงักไว้ ซาไอวิ่งวุ่นหาเซอิจิหลังจากที่จัดการเสบียงเรียบร้อยแล้ว หลังจากไตร่ถามนายทหาร เธอก็ตรงไปยังเทือกเขาที่ทหารบอกเล่ากันว่าไปขี่ม้าดูชัยภูมิ เธอขี่ม้าดำของเธอไปพร้อมกับมาโซยะ เซอิจินั่งอยู่บนม้าที่วิ่งเหยาะๆช้าๆไปตามไหล่เขา ซาไอขี่ม้าเข้าไป

"ท่านเซอิจิ" ซาไอร้องเรียก เซอิจิหันมายิ้มให้ แต่ดวงตาของเขาคล้ายอยากร้องไห้เต็มที

"ทำไมหรือ?" เขาเอ่ย

"เปล่าเพค่ะ แค่อยากพบพระองค์" ซาไอควบม้าเข้าไปหา มาโซยะถอยม้าออกมา เซอิจิมองซาไออย่างที่แปลความหมายไม่ได้ ทั้งคู่ลงจากม้าไปเป็นเดินอย่างเงียบๆ ไม่มีการสนทนาใดๆ ทั้งที่ซาไอมีเรื่องอยากจะถามเซอิจิมากมาย และเซอิจิก็ยังมีเรื่องข้องใจเช่นกัน ม้าถูกจูงไปผูกไว้กับต้นไม้ ทั้งคู่ทรุดลงนั่งข้างต้นไม้ต้นเดียวกัน เซอิจินั่งมองท้องฟ้า ซาไอก็นั่งเล่นต้นหญ้าที่โบกตามลม เซอิจิมองคนรักที่สูงวัยกว่า เธอช่างมองดูอ่อนแอเหลือเกินเวลานี้ ร่างบางนั้นกับนัยน์ตาคู่สวยแลลงมองต้นหญ้า ริมฝีปากที่เป็นของเขาแต่ร่างกายนั้นมันไม่ใช่ของเขาแล้วหรือ? มันเป็นของผู้ชายป่าเถื่อนคนนั้น นัยน์ตาสีน้ำตาลมองหญิงสาวที่ใช้มือโอบต้นหญ้า ซาไอรู้สึกถึงใบหน้าร้อนผ่าวเพราะถูกจ้องมอง เธอหันมาหาเซอิจิ

"ทำไมหรือ? เพค่ะ" เธอถาม ชั่วพริบตาร่างของหญิงสาวก็เข้าไปอยู่ในอ้อมพระอุระของกษัตริย์หนุ่ม

"เจ้าเป็นของมันแล้วหรือ? ไม่เป็นไรน่ะ ข้ายังรักเจ้าเหมือนเดิม" พระองค์ปลอบโยน น้ำพระเนตรอุ่นๆไหลรินมาแนบพระปรางค์ขาวที่ตอนนี้คล้ำแดดเพราะการเดินทาง ซาไอรู้สึกมึนงงในตอนแรก เมื่อตั้งสติได้เธอดันร่างกายออกจากพระอุระของเซอิจิ

"พระองค์ผิดแล้วเพค่ะ ทรงเข้าพระทัยผิดอย่างมาก กรุณาฟังหม่อมฉันก่อนเพค่ะ" ซาไอรีบเอ่ย กษัตริย์หนุ่มเช็ดน้ำพระเนตร จับไหล่ของหญิงสาวไว้ พระกรรณทรงอื้ออึงไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริง สิ่งที่ตัวเขาสวดภาวนาเป็นจริง สิ่งที่เขาหวัง ขอให้มันไม่เป็นจริง ซาไอเล่าเรื่องตั้งแต่ตนเองหลงอยู่ในทะเลทรายจนเซอิจิมาเจอเธอ

"ข้าผิดเอง ข้าไม่น่าไปยุ่งกับม้าเจ้า ข้าสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าแท้ๆเลย" เซอิจิกอดหญิงสาวไว้ในพระอุระ ซาไอพยายามดันตัวเองออกมา เพราะคิดถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับมาโซยะ

"หม่อมฉันก็รักพระองค์เพค่ะ ไม่ว่าพระองค์จะเป็นอย่างไร!!!" ซาไอยิ้มให้เซอิจิอย่างอ่อนหวาน ริมฝีปากของหญิงสาวสั่นระริก แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงเธอจะรับมันให้ได้เสมอ

"เจ้ารู้ใช่ไหม? ว่ามันไม่จริง ข้าไม่ได้เป็นพวกวิตถารอย่างนั้นน่ะ" เซอิจิเอ่ย

"หม่อมฉันรู้เพค่ะ พระองค์คงถูกบังคับ" น้ำตาของแม่ทัพสาวไหลออกมา เซอิจิใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาคนรัก

"ฟังก่อน!!! ข้าไม่ได้มีอะไรกับผู้ชายคนนั้นน่ะ เขาเป็นแค่อาจารย์ข้า"

"อ้าว!!! งั้น"

"ข้าไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนๆนั้น เขาเป็นคนที่เสด็จแม่ให้สอนวิชาปรนนิบัตินางน่ะสิ" เซอิจิเอ่ยออกมาราวกับมันเป็นคำสบถที่หยาบคาย เขาเบือนหน้าหนีทันทีเมื่อพูดจบ ซาไอรู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด เผลอโอบกอดชายหนุ่มไปด้วย

"หรือเพค่ะ" ซาไอยิ้ม ใจลิงโลดกว่าเดิม

"หม่อมฉันดีใจเหลือเกินที่ไม่เป็นอย่างนั้น" หญิงสาวเผลอหลั่งน้ำตาออกมา เซอิจิใช้ฝ่ามือปาดน้ำตาหญิงคนรัก ทั้งสองจ้องตากันเนินนาน ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วจับปลายคางของหญิงสาวอย่างเบาๆ แล้วใช้ริมฝีปากประทับที่หน้าผากที่ปรกด้วยผมของคนรัก ซาไอรู้ว่าตัวเองกำลังหลับตา สองแขนซุกในอกกว้างของชายหนุ่ม สายลมพัดเอื่อยๆ โลกใบนี้ช่างเป็นแค่ของทั้งสองเหลือเกิน แต่ทั้งสองก็ต้องรีบผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าม้าควบฝุ่นตลบเข้ามา นารายะนั้นเอง!!!

"เกิดอะไรขึ้น?" ซาไอรีบชิงถามขึ้นก่อนที่นารายะจะพูดอะไร เมื่อเขามีทีท่าขันๆ และทำท่าจะผละออกไป เนื่องจากคิดว่ามาขัดจังหวะ

"มิได้ขอรับ ท่านโควตะแค่ให้มาดูว่าท่านซาไอไปไหน" นารายะกลอกตาอย่างล้อเลียน ซาไอหน้าแดง

"ซาไอมาดูชัยภูมิ ดูเสร็จก็กลับ เจ้าไปบอกโควตะเสีย" เซอิจิชิงตอบแทน นารายะยิ่งฉีกยิ้มให้กับคำแก้ตัว

"อย่างนั้นข้าน้อยลาละขอรับ จะไปบอกท่านโควตะว่าใต้ต้นไม้นี้มองเห็นทั้งช่องเขา" นารายะควบม้าจากอย่างรวดเร็วก่อนที่จะถูกซาไอกระทืบ

"เจ้าบ้านารายะเอ๋ย!!!" ซาไอสบถซ่อนหน้าที่แดงไว้ ขณะเดินไปแก้เชือกจูงม้า เซอิจิไม่ยอมแพ้ลุกขึ้นเดินเคียงคู่ไปกับหญิงคนรักของเขาด้วย นัยน์ตาที่แกะเชือกผูกม้านั้นไม่ได้สนใจสิ่งใดอื่น นอกจากดวงตากลมโตและริมฝิปากงามได้รูปของคนรัก แทบทนรอวันที่จะได้อยู่ร่วมกันไม่ไหว ทั้งสองควบม้าไปอย่างอ้อนอิงและเฉื่อยชา การเกี้ยวพาราสีเริ่มหมดลงเมื่อทั้งสองหันเหความสนใจมาให้ชัยภูมิของช่องเขาแทน

"ซับซ้อนอันตรายเสียจริง" เซอิจิว่า เมื่อหินที่เนินเขากลิ้งลงไปแตกกระจายข้างล่าง

"คงจะเสี่ยงน้อยกว่าถ้าเราให้เดินอ้อมมาทางนี้แทน" ซาไอขมวดคิ้ว เซอิจิควบม้านำหน้าออกไปห่างๆ เพราะเคยมีเรื่องกับม้าของซาไอ

"กลับกันเถอะ" เขาชวน แล้วสะบัดเชือกม้าให้ควบออกไป ซาไอยิ้มแย้มแล้วควบม้าตามไป

. . . . . . .

"อ้อมช่องเขาจะดีกว่ารึ?" โควตะมองดูแผนที่

"ใช่แล้วโควตะ เมื่อวานข้าไปดูมา"

"เฮอะ!!! ไปดู หรือไปจีบกับท่านเซอิจิของเจ้ากันแน่" โควตะลอยหน้าลอยตาออกไป ซาไอซุกหน้ากับอกพลางนึก เจ้านารายะตัวแสบ!!!

"ไปจีบอะไรเล่า? ข้าไปตรวจชัยภูมิต่างหาก" ซาไอออกนอกเรื่อง ใบหน้าแดงๆ ทำให้พี่ชายอย่างโควตะรู้สึกขำ

"เอาล่ะ!!! ข้าขี้เกียจเถียงกับเจ้าแล้ว อยากไปจีบก็จีบไป ถ้ามีอะไรเกินนั้นล่ะก็ ท่านเซอิจิของเจ้าโดนข้าเจี๋ยนแน่!!!" เขาขู่ ซาไอทำท่าตกใจ ทำให้โควตะยิ่งรู้สึกขำ เขาก้มหน้าลงมองแผนที่ต่อไป ซาไอจึงถอยออกมาจากกระโจม

"ดีไหมล่ะ!!!" มาโซยะที่ยืนอยู่หน้ากระโจมซ้ำ

"ไม่ต้องมาซ้ำข้าเลย" ซาไอดัก

"ฮ่าๆ" เขาหัวเราะ

"ไม่ซ้ำไม่ได้น่ะสิ สาวน้อยเอ๋ย!!! เจ้ายังรู้กลชายน้อยนัก" มาโซยะว่า ซาไอขมวดคิ้ว มันก็ใช่!!! แต่ก็ใจอ่อนทุกที

"ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย เจ้าคิดว่าข้าทำอะไรงั้นหรือ?"

"เจ้ารู้อยู่ ถึงอย่างนั้น ข้าก็ขอขัดขวางเจ้าคนหนึ่ง" มาโซยะบอก

"….." ซาไอหันขวับกลับมาหา ก่อนที่จะพูดอะไรก็มีเสียงนายทหารคนหนึ่งวิ่งตะโกนไปทั่วค่าย แม้แต่โควตะก็ยังออกมา

"แย่แล้วขอรับ แย่แล้ว ท่านโควตะ ท่านโควตะ" เขาตะโกน

"เกิดอะไร?" โควตะชิงถามเสียก่อน นายทหารผู้นั้นหอบแฮกๆ นัยน์ตาตื่นตกใจ เขามีน้ำตาไหลออกมาแต่ก็ใช้มือปาดออกทันที เขารายงานโควตะบ่นด้วยเสียสะอื้น

"ค่ายที่ท่านโควตะสร้างให้พวกโจรอยู่ขอรับ" เขากลืนน้ำลายอย่างหวาดกลัว นัยน์ตาเบิกโต เสียงสะอื้นที่พยายามกลืนลงไป ดันต่อต้านเพิ่มขึ้นอีก

"ตายหมดเลยขอรับ พวกโจรตายหมด เหลือแต่จิเคตะ เลือดเต็มไปหมด จิเคตะขอรับ ไปดูขอรับ ไปดู" เขาพูดแค่นั้นก็ล้มตึงลงไป โควตะให้สัญญานายทหารหลายคนให้พยุงนายทหารผู้นั้นไปพยาบาล แล้วก็กระโจนขึ้นม้า ซาไอและมาโซยะก็ตามไปติดๆ ฝีเท้าม้าควบอย่างรีบร้อน ฝุ่นตลบ นายทหารเฝ้าประตูหลายคนมองตามอย่างงงๆ ม้าเหล่านั้นมาหยุดที่ค่ายโจรที่ยอมสวาภิภักดิ์ ตีนม้าห่างจากกองเลือดไม่กี่นิ้ว มาคุที่ยืนอยู่ใกล้กองเลือดที่สุดกลืนความหวาดกลัวในอกแล้วรายงานแม่ทัพใหญ่

"โจรทั้งหมดเสียชีวิตทั้งหมด เหลือแต่จิเคตะ คาดว่าเป็นฝีมือเขาขอรับ" มาคุรายงาน โควตะพยักหน้ารับ จิเคตะฝีมือดีพอที่จะฆ่าคนทั้งกองทัพ เขาสู้กับชายคนนั้นมาแล้ว ชายคนนั้นไม่หนี ยังนั่งอยู่บนกองศพอย่างตระง่าน ไม่หลบหนี แต่ก็ไม่ต่อต้าน รอยยิ้มมรณะละเลงอยู่เต็มใบหน้าเขา ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา โควตะจ้องนัยน์ตามรณะนั้น ซาไอรู้สึกคลื่นไส้เมื่อเห็นศพเกลื่อนกราด มาโซยะลงก้มมองศพที่ตายเพราะถูกดาบสังหาร เนื้อแต่ละชิ้น เรียบสวยราวกับมีดหั่นเนย เสียงฝีเท้าม้าอีกตัวควบเข้ามา เซอิจิอยู่บนนั้น ปากของเขาสั่น นัยน์ตาเบิกโตขณะลงจากม้า

"รู้ไหม? ว่ามันคืออะไรท่านเซอิจิ" โควตะทวงถาม

"ไม้ตายของจิเคตะ ความตายที่ผ่านเข้ามายามเกรี้ยวกราดใต้ความเยือกเย็น" เซอิจิพึมพำ

"ระบำล้างนรก!!!"