|
เหตุการณ์ที่ว่าซาไอจำว่าตัวเองเป็นใครไม่ได้ สามารถดึงเซอิจิจากการเกลี้ยกล่อม ดึงโควตะจากงานราชการฟื้นฟูบ้านเมืองได้ ทั้งมาคุก็มา ทั้งหมดมารวมตัวกันที่ซาไอ พยายามบอกเธอว่าพวกเขาเป็นใคร แต่ซาไอก็จำไม่ได้ เมื่อถูกกดดันให้นึกมากๆ เธอก็ร้องไห้
สี่หนุ่มมองอย่างอึ้งๆ พลางยกมือยอมแพ้กันระนาวแล้วปล่อยให้คนปลอบเป็นนางกำนัลแทน
ขณะที่หลบออกมาจากห้องได้ครู่ใหญ่ เมื่อเสียงร้องไห้เงียบลง สี่หนุ่มก็แยกย้ายกันไปอยู่หน้าห้องทั้ง 4 ทิศ มาโซยะนั่งยองๆ ชะเงอมองอยู่หน้าห้อง โควตะใช้นิ้วมือนวดขมับอย่างเครียดๆ เซอิจิใช้ปลายนิ้วปาดจมูกเพื่อคิด ส่วนมาคุก็ใช้มือรองศรีษะตัวเองแก้กลุ้ม!
"นี่เรอะ! ไม้ตายที่มิโดริใช้กับซาไอ
" มาโซยะพูดอย่างเจ็บใจ ถ้าเขาอยู่กับเจ้านายตลอดน่ะ!!!!
"ข้าไม่น่าปล่อยนางไปคนเดียวเลย
.ความผิดของข้าแท้ๆ"
"มิโดริ ตาย!" เสียงเล็ดจากไรฟันของโควตะ พร้อมๆกับร่างที่ก้าวออกไป อีกสามคนรีบช่วยกันดึงไว้ในทันที
"ปล่อยข้าเถอะข้าจะไปฆ่า
นางงงงงง" โควตะบิดตัวให้หลุดออกจากการดึงรั้งอย่างโกรธเกรี้ยว
"ท่านโควตะ
" มาคุเรียกเพื่อเตือนสติ "ท่านฆ่านางไปซาไอก็อาจไม่ฝืนความทรงจำ ใจเย็นเถอะ
ความโกรธไม่ช่วยใครหรอก!!!"
โควตะเมื่อฟังจบ เขายืดตัวช้าๆ ถอนหายใจอย่างใจเย็น
"ได้
..ปล่อยข้าก่อนเถอะ" ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของนากิเอ่ย อีกสามค่อยๆคลายมือออก โควตะมองไปข้างหน้าก่อนจะหลบสายตาหันกลับมามองประตูห้อง
ใจเย็นเอาไว้ โควตะ
.ความโกรธไม่ช่วยเหลือใคร เจ้านั้นชอบใช้อารมณ์ และหายนะมักมากับอารมณ์เสียด้วยสิ
เจ้าจงใจเย็นอย่างซาไอ
.แต่อย่าอ่อนไหวเหมือนนาง เจ้าเป็นผู้ชายที่ข้าและนางพึ่งพาได้ เมื่อห่างข้าไป จงดูแลนางให้ดีที่สุด
.
ราชินีฮิโตมิก็เคยกล่าวกับเขาอย่างนี้เช่นกัน
แม่ฮิโตมิขอรับ
.ลูกสาวของท่านเป็นอย่างนี้ จะให้เย็นอยู่ได้อย่างไร?
ไม่พ้นที่ทั้งสี่จะต้องร่วมมือกัน เซอิจินั้นหาทางใช้ไม้อ่อนให้มิโดริช่วยเหลือ
แต่ดูว่านางจะไม่ให้ความร่วมมือเสียเลย
โควตะต้องช่วยเหลือราชาอิเอยาสึบริหารบ้าเมืองมากมาย เขาไม่ว่างมาพาซาไอไปเล่นเหมือนๆคนอื่น แต่ก็หมั่นมาเยี่ยมเธอบ่อยๆ มาคุและนารายะ ไม่ค่อยจะมีบทบาทมากเท่าไร นอกเสียจากคอยคุมการเดินทางเมื่อซาไอจะออกไปเดินเล่น ส่วนมาโซยะนั้น ได้ส่งข่าวนี้ไปที่ซูคังถึงอาเกกินารุซาวะ
.
ซาไอคนใหม่เป็นผู้หญิงขนานแท้ที่เรียบร้อยอ่อนไหวต่อทุกสิ่ง เธอไม่ชอบการรบ หรือแม้แต่ความรุนแรง เธอไม่พิสมัยการขี่ม้า จะว่าไปคือลืมแม้แต่การขึ้นอานไปด้วยซ้ำ แม้ทุกคนจะบอกว่าเจ้าม้าดำของเธอนั้นเป็นม้าแสนรู้ที่เก่งกล้ากว่าม้าใดๆในสมรภูมิ แต่เธอก็ไม่มีความคิดเห็นที่จะขี่ม้าสักที ซ้ำตอนแรกที่เซอิจิพาไปเจอคุโระ ซาไอยังมีทีท่าหวาดกลัวอีก ที่น่าสงสารคือเจ้าคุโระ ที่ไม่รู้ว่าทำไมนายหญิงถึงได้ทำท่าอย่างนั้นใส่ตน มันพยายามเข้าไปหา แต่ซาไอก็หนีจากมันทุกครั้ง
แต่สิ่งที่น่าเสียใจที่สุดนั้นคือ ซาไอไม่รู้สึกรักเซอิจิเหมือนก่อน เธอไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนี้ทั้งสิ้น เธอเห็นเขาเหมือนกับใครๆทั่วไป เธอคงไม่เชื่อว่าเธอเคยรักเซอิจิมาก หากไม่มีหลักฐานที่ต้นแขน
"ถ้าเมื่อก่อนข้าเป็นฉลาดมาก
ทำไมข้าต้องทำเรื่องโง่ๆอย่างนั้นด้วยล่ะเพค่ะ" ซาไอถามเซอิจิ เขาเงยขึ้นจากหนังสือที่อ่านอยู่
"เพราะเจ้าฉลาดมาก อืม
ตอนนั้นข้าก็มีส่วนผิดด้วย อย่าให้ข้าเล่าเลยดีกว่า มันเป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยดีซักเท่าไร
"
"เออ
เพค่ะ
" ซาไอพยักหน้างงๆ เพราะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดสักเท่าไร หญิงสาวจึงหันกลับไปสนใจกับการเย็บเสื้อให้โควตะต่อไป เธอคิดว่าพี่ชายเธอควรจะมีเสื้อหนาๆใส่เวลาออกไปข้างนอก แล้วเธอก็ต้องเย็บให้เซอิจิด้วย เพราะบ่อยๆ เขาก็ต้องออกไปกับโควตะ เนื่องจากในเวลานี้ไม่มีใครชำนาญการชลประทาน และก่อสร้างเท่าเขา
ร่วมถึงเรื่องกฎหมาย กาพย์กลอน และเรื่องการทหารด้วย ซึ่งคนรอบตัวเธอบอกว่าทั้งหมดซาไอเป็นคนสอนเขาเอง
หลังจากนั้นเธอก็จะเย็บให้มาโซยะ เขามักออกไปเก็บลูกไม้มาให้เธอเสมอๆ เขาเล่าเรื่องให้ตอนที่เขาเจอเธอให้ฟัง เธอชอบคนคุยสนุกอย่างมาโซยะ เขาตามใจเธอแทบทุกอย่าง ไม่เหมือนโควตะและเซอิจิที่มักห้ามโน้นห้ามนี่เธออยู่ร่ำไป
พอเย็บให้มาโซยะ เธอก็จะเย็บให้ มาคุ กับนารายะ
มาคุนั้นใจดี เธอเคารพเขาเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง มาคุใจดีอบอุ่นในความรู้สึกของเธอ เขามักเล่าถึงพระนางฮิโตมิที่อยู่แดนไกลให้เธอฟัง และบอกว่าเธอรักแม่บุญธรรมของเธอมาก พระนางอบอุ่นกว่าเขาหลายเท่า
นารายะเป็นคนเอ๋อๆ พูดน้อย เมื่อเธอถามอะไรเขามักถามคำตอบคำเสมอ และทุกครั้งที่เธอพูดอะไร เขาจะรับเพียง ขอรับ
ขอรับ
เพียงเท่านั้น เมื่อเธอถามว่าเมื่อก่อนเธอเป็นอย่างไร เขาก็บอกว่า
"ท่านซาไอเป็นคนเข้มงวด
แต่ก็เป็นคนใจดี ฉลาด ไม่ชอบใช้อารมณ์ หวังดีกับข้าน้อยเสมอมา" คำพูดนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอชักชอบอดีตของตัวเองมากขึ้น จากเมื่อก่อนที่เธอคิดว่าเธอนั้นบ้าสงครามจนน่ารังเกียจ
เจ้าคุโระก็เป็นหนึ่งในโครงการที่เธอวางเอาไว้ ในตอนแรกเธอกลัวมันที่ทั้งตัวใหญ่และดำทมิฬ ไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อก่อนเธอถึงได้ชอบม้าสีดำ แต่หลังจากเซอิจิพาเธอออกไปพบมันบ่อยๆ เธอก็รู้ว่าคุโระเป็นม้าที่น่ารักมาก มันขี้เล่น พูดอะไรก็เชื่อฟัง มันชอบใช้หน้าซุกเข้ามาหาซาไอเวลาเธอไปหา ทำให้เธออยากขี่ม้าขึ้นบ้าง
สำหรับซาไอเธอไม่จำเป็นต้องเย็บเสื้อกันหนาวให้ตัวเอง เพราะเธอมีเสื้อหลายตัวและมีเสื้อคลุมอยู่ด้วยตัวหนึ่ง เป็นเสื้อขนมิงค์ที่เธอชอบมาก สีขาวทั้งตัว แถมเธอรู้สึกผูกพันธ์ด้วย เวลาเธอรู้สึกกดดัน หรือเศร้า พอเธอหยิบมันขึ้นมากอดจะรู้สึกว่าอบอุ่นขึ้น ใครๆก็บอกว่ามันเป็นเสื้อคลุมที่เซอิจิให้มา ซาไอไม่เคยใส่มัน แต่จะเก็บไว้กอดอย่างเดียว
ในเช้าวันหนึ่งขณะที่ซาไอกำลังวุ่นวายกับการเย็บเสื้อ พร้อมๆกับคุยไปกับมาโซยะ เนื่องจากมาโซยะหายเข้าไปในป่า และเก็บลูกไม้เล็กๆน่ารักมาให้ซาไอ แล้วเขาก็ชวนคุยเรื่องสมุนไพร ว่าแต่ละอย่างมีสรรพคุณอะไรบ้าง
"อากาศข้างนอกหนาวไหม มาโซยะ?" ซาไอถาม
"นิดหน่อยขอรับ
" เขายักไหล่ "แล้วแต่คน
แต่ข้าคิดว่าไม่ค่อยหนาวสักเท่าไร"
"งั้นหรือ
ดีจัง ข้าคิดว่าจะออกไปในสวนพอดี" ซาไอพูด พลางกระชับผ้าคลุมไหล่ "กำลังคิดว่าออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์จะดีกว่านั่งอุดอู้อยู่ในนี้" ซาไอลุกขึ้นพลางหยิบงานในมือไปด้วย
"ก็ดี
แล้วจะเอาคุโระไปด้วยไหมล่ะ? แหม ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยได้เจอนารายะเลย"
"ข้าให้นารายะไปอยู่กับมาคุ คิดว่าเขาคงจะก้าวหน้ามากกว่าอยู่กับข้า ข้ามีแค่นางกำนัลอยู่ก็พอแล้ว" หญิงสาวกล่าว แล้วก็ชวนมาโซยะออกไปนั่งเล่นในสวน นั่งฟังนกร้องเพลง จนกระทั้งมีนางกำนัลเดินเข้ามา เธอก้มให้ซาไอ
"มีอะไร?" หญิงสาววางงานในมือ
"ท่านซาไอเจ้าค่ะ
ท่านโควตะกลับมาแล้วค่ะ" เมื่อนางกำนัลผู้นั้นกล่าวจบ ซาไอก็ยิ้มอย่างร่าเริง พลางลุกขึ้น
"ดีจริงๆ ไม่ได้เจอท่านพี่เสียหลายวัน งั้นเดี๋ยวข้าจะออกไป"
"ไม่ต้องหรอก
" มาโซยะส่ายหน้า ขณะห้อยหัวอยู่บนต้นไม้
"?"
"พวกเขาเข้ามาแล้ว ท่านไม่ต้องไปไหนหรอกซาไอ พวกเขาเข้ามาในสวนแล้ว นั้นไง!!!" ซาไอมองไปตามนิ้วที่ชี้ออกไปให้เธอดู
"พี่โควตะ
ท่านเซอิจิ แล้วก็มาคุ นารายะด้วย
" หญิงสาวก้าวเท้าเท้าเข้าไปหา โควตะยิ้มให้น้องสาว ซาไอดูน่ารักมากเมื่ออยู่ในชุดสีม่วงอ่อน ผ้าคาดเอวคาดไว้เรียบร้อย กริยามารยาทก็ดี สรุปว่าถ้าซาไอไม่เสียความทรงจำ เธอจะเป็นหญิงที่งามที่สุดในแผ่นดินเป็นแน่!
"พี่กลับมาแล้วหรือ?" หญิงสาวทักทาย "ข้าดีใจจริงๆที่พี่มาแล้ว เรื่องทางโน้นเป็นยังไงบ้างล่ะ?" หญิงสาวถามถึงภารกิจของพี่ชาย การชลประทานเกษตรชิ้นแรกหลังสงคราม
"เรียบร้อยแล้ว
ไม่มีอะไรต้องห่วงเลย"
"คงเป็นฝีมือของท่านเซอิจิสิน่ะ
" ซาไอว่า
"หม่อมฉันได้ยินมาว่าฝีมือการปกครองของพระองค์ไม่เป็นรองใคร
น่าดีใจที่บ้านเมืองของเรามีคนเก่งๆอย่างนี้" เซอิจิยิ้มรับ คำพูดของหญิงสาวช่างเหินห่างเขาเหลือเกิน คำว่าคู่รัก บัดนี้เป็นแต่ในนามเท่านั้น
ซาไอหันไปอีกด้านของเซอิจิ เดเอคิยืนอยู่ตรงนั้น จิเคตะและเดเอคิจะสลับเวรกันเฝ้ามิโดริ ครานี้เป็นเวรจิเคตะ
"ท่านนี้คือ
" ซาไอถาม
"เดเอคิขอรับ ท่านซาไอ
" เดเอคิตอบ พลางก้มให้ น่ากลัวถ้าเขาจะแสดงกริยาล้อเลียนกับซาไอ เธอไม่ได้เหมือนก่อน
"ยินดีที่รู้จัก
" ซาไอพูดยิ้ม "ข้าเคยได้ยินชื่อท่านมาเหมือนกัน โอ้
ท่านน่ะมักอยู่กับผู้ชายที่ชื่อจิเคตะเสมอไม่ใช่หรือ?"
"เออ
เขามีธุระขอรับ" เดเอคิตอบ พลางคิดว่า ถ้าจิเคตะได้เจอกับซาไอตอนนี้ คงเรียกเธอว่านางจิ้งจอก ไม่ออกแน่ๆ
"เอ
ตอนที่ข้ายังปกติอยู่ ข้าเคยรู้จักกับพวกท่านไหมล่ะ?" ซาไอถาม เดเอคิคอแข็ง
"ไม่..ไม่เลยขอรับ จิเคตะด้วยขอรับ"
"
.." ซาไอพยักหน้า "ข้าคงมีอะไรต้องเรียนรู้อีกมาก
พวกพี่เข้าบ้านเถอะ ข้าคิดว่าอาหารคงให้พวกแม่ครัวจัดทำไว้ให้ได้ เข้าไปหลบแดดหน่อยก็ดี ว้า
เมื่อกี้ยังไม่มีแดดเลย อากาศแปรปรวนง่ายจัง ไปเถอะค่ะ..มาโซยะด้วย" ซาไอเดินกลับไปหยิบเสื้อที่เย็บอยู่ แล้วเดินนำทุกคนเข้าบ้าน เธอให้ทุกคนนั่งรออยู่ก่อนแล้วเดินหายไปในครัว บุรุษทั้ง 6 ที่อยู่ในห้องเดียวกัน พอซาไอเดินลับไป การสนทนาหัวข้อลับก็เริ่มขึ้น
"ซาไอน่ารักจริงๆน่ะ
แต่ข้าชอบนางแบบเมื่อก่อนมากกว่า
เฮ้อ มีน้องสาวที่แสนดีกับเขาบ้างแล้วรู้สึกทะแม่งๆ"
"จิ้งจอกน้อยที่น่าสงสาร รู้สึกว่าใจนางจะไม่ได้อยู่ที่ท่านเซอิจิแบบเมื่อก่อน เฮ้อ
คู่หมั้นในนาม" เดเอคิเปรย
"เดเอคิ เรื่องแบบนี้อย่าเอามาพูดในนี้สิ" เซอิจิปราม
"ว่าแต่ราชินีล่ะว่ายังไงพะยะค่ะ?" โควตะถาม
"นางคงยังไม่ยอม จะว่าไม่ยอมก็ไม่ใช่ ไม่มีปากเสียงเลยต่างหาก" เซอิจิกุมศรีษะ
"เอาเป็นว่าต้องใช้เวลา
.เอาล่ะ
เลิกประชุม ซาไอมา" แล้วทั้ง 6 ก็นั่งเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซาไอถือน้ำชาเข้ามา เธอวางน้ำชาให้แต่ละคน
"พี่โควตะค่ะ ให้เจ้าคุโระมาอยู่ในสวนได้ไหม?
" หญิงสาวถามขึ้นเมื่อมานั่งอยู่ข้างโควตะ เขาแลมองน้องสาว
"อ้าว
คอกเก่าไม่ดีหรือ?"
"ไม่ใช่ค่ะ
" ซาไอโบกมือ "คิดว่าถ้าอยู่ใกล้มันจะได้สนิทกันมากขึ้น เมื่อก่อนพี่บอกว่าข้าสนิทกับมันมาก แล้วอีกอย่างเผื่อว่างๆ ข้าจะได้หัดขี่ม้าด้วย เวลาไปเที่ยวจะไม่ต้องเดินให้เหนื่อยอีก
" ซาไอว่าจบทุกคนก็ชี้ไปที่เซอิจิพร้อมกัน
"เอ๋ ทำไมหรือค่ะ?" ซาไอมองงงๆ
"เออ
ข้าคิดว่าให้ท่านเซอิจิสอนเจ้าดีกว่า ท่านเซอิจิสนิทกับเจ้าคุโระที่สุด" โควตะว่า
"ก็ดีค่ะ
" ซาไอลุกขึ้น "ขอบพระทัยล่วงหน้า"
"เออ
" เซอิจิอ้ำอึ้งหลังจากเพิ่งตั้งสติได้ "ได้สิ
เมื่อไร่ล่ะ?"
"อือ
เมื่อไรดีล่ะ? ซักมะรืนนี้ก็ดีน่ะเพค่ะ ได้ไหมเพค่ะ?"
"อ้อ
ได้สิ"
. . . . . . .
"เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละ" เดเอคิเอ่ยขณะจิเคตะหัวเราะก๊ากยกใหญ่ อย่างไม่เกรงใจนายที่นั่งปิดหน้าเพราะความเขิน เดเอคิเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เมื่อเดเอคิและเซอิจิกลับมาอุทยานที่ราชาอิเอยาสึประทานให้เป็นที่พัก
"ฮึๆ อย่างนี้มันแกล้งนายตัวเองนี่หว่า?" เขากลั้วหัวเราะเล็กน้อย พลางเสยผมสีแดง
"ข้าดีใจน่ะ
แต่
นี่!!!~ จิเคตะเจ้าเลิกหัวเราะได้แล้ว!!!" เซอิจิเอ็ดจิเคตะที่เริ่มหัวเราะยกใหม่
แต่หารู้ไม่ว่ามิโดริถูกขังอยู่ในห้องกำลังฟังบทสนทนาอย่างสนใจ "อ้อ
วันมะรืนเรอะ
."
"ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่านจะต้องไปสนใจการขี่ม้าน่ะ? มันไม่สำคัญสำหรับผู้หญิงเลยสักนิดเจ้าค่ะ!!! เดี๋ยวให้พวกเด็กรับใช้หามเกี้ยวเอาก็ได้" หัวแม่บ้านบ่นงึมงำ ขัดขวางการตัดสินใจของซาไอเต็มที่ขณะที่ส่งชุดขี่ม้าที่ทะมัดทะแมงให้
"ข้าไม่อยากกวนใครนี่จ๊ะ
แค่ข้าความทรงจำลบเลือนก็ลำบากทุกคนจะแย่อยู่แล้ว" ซาไอตอบกลับ พลางเดินออกจากห้อง มุ่งหน้าไปหาเซอิจิ ซึ่งเขาประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆที่เคยรักกันมานานแล้ว แต่อย่างนี้มันไม่เหมือนกัน เขารู้สึกว่ามันกดดัน ยิ่งซาไอเดินเข้ามายิ้มหวานแล้วทักทายเขา รู้สึกเหมือนว่าทั่งขนาดย่อมหล่นลงบนหัวเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก
"จริงๆแล้วเจ้าควรฝึกกับลูกม้าเสียก่อนจะดีกว่า" เซอิจิกล่าวเมื่อเขาเพิ่งบอกวิธีก้าวขึ้นม้าให้ซาไอ เธอทำตามทันที ด้วยที่ซาไอเป็นคนฉลาด เธอสามารถทำได้ในเวลาสั้นๆ
"หม่อมฉันคิดว่าพระองค์ทรงกล่าวถูก" เธอว่า "แต่หม่อมฉันคิดว่าหม่อมฉันขี่เจ้าคุโระได้แล้วเพค่ะ" แล้วซาไอก็กางแขนให้กษัตริย์ดู เธออยู่บนหลังคุโระอย่างสมบูรณ์ เซอิจิมองดูเธอแล้วตกลงยอมแพ้ พลางขึ้นม้าแล้วสอนวิธีบังคับม้า
ทั้งคู่ควบม้าเล่นกันเป็นเวลานาน จนเกือบมืด จึงแยกกันกลับ และจากนั้นทุกๆวัน ทั้งคู่มาขี่ม้าด้วยกัน คุยกันเรื่องการปกครอง บางทีก็ควบม้าไล่ตามกัน แต่ในทุกๆครั้งที่ทั้งสองไม่เคยสังเกต มาโซยะจะมาแฝงตัวอยู่บนต้นไม้ในสวนเสมอๆ บางครั้งก็มีสองคนที่มาห้อยอยู่บนต้นไม้เหมือนกันแต่คนละทิศ นั้นก็คือจิเคตะคนผมแดงอีกคนหนึ่ง เขาอยากเห็นจิ้งจอกน้อยที่เปลี่ยนไป
และเขาก็ได้เห็นจริงๆ จิ้งจอกน้อยที่เป็นหงส์ขาวโดยสมบูรณ์ ถึงตายเขาสาบานเลยว่าจะต้องให้ซาไอเป็นราชินีแห่งซูคังให้จงได้
พอนกกาใกล้กลับรัง ทั้งคู่ก็ควบม้ากลับมาด้วยกัน ซึ่งไม่ได้พ้นสายตาของมาโซยะหรือจิเคตะเลย การเฝ้าดูนั้นจะอยู่เฉยๆไม่ได้ จะต้องสังเกตการณ์เคลื่อนที่ตลอดเวลา ขณะที่มาโซยะกำลังแอบตามเหตุการณ์อยู่นั้นเขาเดินมองผู้อยู่บนม้าโดยไม่ได้มองข้างหน้าและแล้ว
"
." มาโซยะเดินไป
*โป๊ก! * เสียงชนดังขึ้นพร้อมกับอาการเจ็บหัว
"อู๊ย!!! โอ๊ย!!!" ไหง? มี 2 เสียง ด้วยความตกใจมาโซยะรีบเงยหน้าขึ้นมองทันที และสบสายตากับจิเคตะ
"เฮ้ย!!!" ทั้งสองชี้หน้ากัน
"เจ้ามาทำอะไรที่นี่ฟ่ะ?" จิเคตะยิงคำถามใส่
"ข้าต่างหากที่ต้องถามเจ้า
ว่ามาทำอะไรลับๆล่อแถวนี้
เจ้าตากุ้งยิง!!!"
"ฮึ่ม! พวกถ้ำมอง"
"หนอย!!! เจ้าต่างหาก ทำเป็นอาชีพสิท่า ไอ้ตากุ้งยิง!!!"
"ฮึ่ย!!! ว่าไงน่ะ จ
เจ้า
." จิเคตะหาคำมาด่ามาโซยะแต่หาไม่ได้ มาโซยะได้ทีหัวเราะทับ
"ฮึๆ หาคำมาด่าข้าไม่ได้ล่ะสิ ฮ่าๆ ก็ข้ามันหล่อเลิศกว่าเจ้าหลายเท่า!!!" จิเคตะขบฟัน
"ฮึ่ม!!! เดี๋ยวพ่อฟันคอขาดเลย!!!" ว่าแล้วจิเคตะก็กระชากมีดออกมาขู่
"ก็ลองดูเซ่!!!" อีกฝ่ายฉวยดาวกระจายแท่งออกมาเต็มมือ ขณะทีทั้งสองเตรียมห้ำหั้นกันนั้น คนที่พวกเขาละสายตาไปก็ยังขี่ม้ากันต่อ
"หม่อมฉันรู้แล้วว่าทำไม? เมื่อก่อนหม่อมฉันรักพระองค์
" ซาไอพูดขึ้นลอยๆ
"
" เซอิจิอ้าปากค้าง "อะไรน่ะ?" เดี๋ยวๆ หูฝาดรึเปล่า พอถามหญิงสาวก็หน้าแดงแจ๋ ส่ายหน้าหยิก
"เปล่าเพค่ะ
หม่อมฉันคิดว่าวันนี้อากาศดี
" หญิงสาวเปลี่ยนเรื่อง
"เออ
ใช่ วันนี้อากาศดี" เซอิจิรับคำ แล้วทั้งสองก็ควบม้ากลับที่พักด้วยกัน
เมื่อหญิงสาวมาถึงที่พักและจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เธอก็ออกมาหามาโซยะที่ห้องรับรองแขก แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นนารายะกำลังประคบน้ำแข็งให้กับมาโซยะอยู่
"มาโซยะเป็นอะไรน่ะ?" ซาไอปราดเข้ามาหา
"ถามได้
ข้าก็ต่อยกับไอ้จิเค
เอ๊ย! ข้าเจอหมาป่าตัวใหญ่ สีแดงด้วย
เลยท้าต่อยกับมันนิดหน่อยไม่มีอะไรหรอก โอ๊ย! นารายะเบาๆหน่อย ซี้ดดดดด
" ซาไอทำหน้างงๆ
"เจ้าบ้ารึเปล่า? ไปท้าต่อยกับหมาป่า?"
"ไม่ได้บ้า!!! ก็หมามันถ้ำมอง เอ๊ย! มันเดินชนข้าน่ะสิ ข้าถึงได้ท้าต่อยกับมัน
" มาโซยะดึงน้ำแข็งจากมือนารายะมาประคบตัวเอง
"โธ่! หมาก็คือหมา มันจะไปรู้ภาษาอะไรเท่าคนเล่า มันป่าเถื่อน
เจ้าก็รู้
" ซาไอว่า
"ใช่!!! โคตรเถื่อนเลย ชักมีดออกมาแต่ดันใช้หมัดแทน!!!"
"หมาชักมีด?"
"เอ๊ย! หมายถึงข้าอุตส่าห์ชักมีดขึ้นมาขู่มันแล้วยังจะต่อยข้าอีก" มาโซยะรีบแก้ ซาไอถอนใจพลางส่ายหน้าให้ชายตรงหน้า
. . . . . . .
"เจ้าเป็นอะไรน่ะ จิเคตะ?" เซอิจิวางยาลงและเปิดฝาออกเพื่อทาให้จิเคตะที่มีรอยฟกช้ำไปทั้งตัว และเดเอคิกำลังประคบน้ำแข็งให้
"ไม่มีอะไรหรอก
ข้าแค่สะดุดขี้หมาล้มน่ะ!!!"
"สะดุดตกเขาเลยล่ะ
ท่านเซอิจิ" เดเอคิเสริมพลางเติมน้ำแข็งใส่ผ้า
"ก้อนมันแค่ไหนกัน? มันขี้หมาของเจ้าเนี่ย
จิเคตะ" เซอิจิเลิกคิ้วอย่างสงสัยเสียเต็มประดา
"ไม่ใหญ่มากหรอกพะยะค่ะ แต่ดำ แถมกวนบาทาด้วย มันยังหาว่าข้าตากุ้งยิงเลย!!!"
"ขี้หมาอะไรพูดได้?"
"เปล่าๆ
หมายความว่า ข้าเล่าให้เดเอคิฟัง มันเลยว่าข้าตากุ้งยิง ข้าเลยด่าว่ามันกวนบาทา เท่านั้นแหละ!!! ไอ้หมีควายเนี่ย
" เดเอคิลดน้ำแข็ง พลางจ้องจิเคตะเขม็ง
"เดี๋ยวเถอะ!!! อยากสะดุดหมัดข้าด้วยใช่ไหม? ไอ้ตากุ้งยิง อุตส่าห์ประคบน้ำแข็งให้ยังจะเนรคุณอีก!!! ไอ้นี่ สมควรแล้วที่โดนต่อ
เอ๊ย! สะดุดตกเขา" ว่าจบเดเอคิก็เหวี่ยงน้ำแข็งทิ้ง แล้วเดินจากไป
"เอ้อ!!! ไปเลย!!! ไปหาโทะโดะของเจ้าเถอะ!!! ข้าให้ท่านเซอิจิทายาให้ก็ได้ ไม่ง้อหรอก!!! ชิ้ว!" เซอิจิมองทั้งคู่แล้วส่ายหน้าอย่างระอาใจ
"เหมือนหม่อมฉันเลยเพค่ะ
" ซาไอหัวเราะ แล้วรินชาใส่ถ้วยให้เซอิจิ ในวันรุ่งขึ้นทั้งคู่ไม่ได้ไปขี่ม้า แต่มาสังสรรค์ด้วยกันแทน
"มาโซยะบอกว่ามีเรื่องชกต่อยกับหมาป่า
น่าตลกน่ะเพค่ะ ถึงหม่อมฉันไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไร แต่เขาโกหกหม่อมฉันแน่ๆ"
"อืม
ใช่"
"หม่อมฉันอยากรู้จักกับจิเคตะจริงๆ เขาต้องเป็นคนที่ขี้เล่น สนุกสนานน่าคบแน่ๆ"
"ฮึๆ ก็ไม่เชิงน่ะ ที่ว่าน่าคบ แต่ขี้เล่นข้าว่ามันไม่ใช่หรอก หมอนี่
เอะอะก็ฟันคออย่างเดียวเลย
" เซอิจิว่า
"ว่างๆให้หม่อมฉันไปที่อุทยานบ้างน่ะเพค่ะ
" ซาไอพูด
"อือ
ก็แล้วแต่เจ้าเถอะ ข้าก็อยากพาเจ้าไปที่อุทยานบ้างเหมือนกัน ที่นั่นสวยกว่าสวนเสียอีก" กษัตริย์หนุ่มวางถ้วยชาของพระองค์ลง
"เพค่ะ หม่อมฉันอยากเห็นเสียแล้ว"
ซาไอได้เห็นแน่หลังจากนั้นไม่นาน และได้เจอคนบางคนที่เธอไม่สมควรได้เจอด้วย
ในเช้าวันหนึ่งหลังจากนั้นไม่กี่วัน ซาไอก็มีอันต้องไปที่อุทยาน เนื่องจากเธอเย็บเสื้อกันหนาวให้เซอิจิเสร็จ และจะเอาไปให้เขาเพื่อให้ประหลาดใจ ซาไอไม่ได้ชวนใครไปด้วย เธอออกเดินเพียงคนเดียว ด้วยที่ไม่อยากรบกวนใคร หญิงสาวก็เดินออกไปยังอุทยานที่เป็นที่พักของเซอิจิ ในอุทยานเป็นอย่างที่เซอิจิบอก สวยกว่าสวนของเธอหลายเท่าหญิงสาวเดินออกไปพลางมองต้นไม้อย่างเพลิดเพลิน เดินไปเรื่อยจนถึงที่พักของเซอิจิ เป็นที่สวยงามที่หนึ่งเช่นกัน มันประกอบด้วยศาลาหินอ่อนทั้งหลังต้องเดินเข้าไปอีกจึงจะพบที่พักที่เซอิจิอยู่ ซาไอยิ้มอย่างยินดีพลางใช้นิ้วสางผมให้เรียบแล้วเดินตัดศาลาหินอ่อนข้ามธารน้ำใสผ่านไปหาเซอิจิ
"จะไปไหนรึ? สาวน้อย
" เสียงดังมาจากข้างหลังหญิงสาว ซาไอหันหลังกลับไปหา ก็พบหญิงสาวอายุราววัยกลางคน ผมสีทองสลวยถูกปล่อยยาว หน้าตาสวยแม้จะเต็มไปด้วยริ้วรอยก็ตาม
"?" เธอนิ่งไปสักครู่ "จะไปหาท่านเซอิจิจ๊ะ
ป้า"
"อ้อ
งั้นหรือ?" หญิงวัยกลางคนที่เธอไม่รู้จักเอ่ย พลางก้มหน้าต่อไป ซาไอก้มหน้าพลางจะเดินออกไปแต่เธอก็หยุดชะงัก
เธอนึกถึงคำของใครๆที่เล่าให้เธอฟัง
ที่นี่มีหญิงที่ชื่อมิโดริ นางเกลียดเจ้ามาก ถ้าเจออย่าได้เข้าใกล้
ซาไอจึงถอยหลังกลับมา
"ป้าจ๊ะ"
"?"
"ป้ารู้จัก คนที่ชื่อมิโดริไหมจ๊ะ
" เธอถาม
"อ้อ
มิโดริรึ? ไม่ต้องห่วงนางไม่อยู่ที่นี้หรอก" หญิงนั้นยิ้ม
เป็นยิ้มที่แปลกๆชอบกล
ซาไอคิด
"แม่หนูดูๆแล้วน่ารักจริงๆน่ะ ป้าสายตาไม่ค่อยดี เข้ามาใกล้ๆหน่อยสิ ป้าอยากเห็นชัดๆ" หญิงคนนั้นกล่าว ซาไอก็พาซื่อเดินเข้าไปหา หญิงคนนั้น หญิงบนศาลาหินอ่อน ใช้มือข้างหนึ่งเชยปลายคางเธอขึ้น แล้วลูบผมของเธอ
"น่ารักจริงๆ
เอ
ว่าแต่แม่หนูมาที่นี่ทำไมหรือ?" หญิงวัยกลางคนถามพลางมองเสื้อที่เธอถือมา
"ข้าอยากจะเอาเสื้อมาให้ท่านเซอิจิน่ะค่ะ เขาอยู่ที่นี่ใช่ไหมค่ะ?" ยังไม่ทันจบประโยคดี หญิงผู้มีผมสีทองก็ตบเขาฉาด
"อยู่สิแม่หนู แต่พระองค์ไม่ว่างหรอกน่ะ ขนาดป้าเป็นคนในนั้นยังต้องออกมารอข้างนอกเลย!!! เอาเสื้อมาเถอะ เดี๋ยวท่านเซอิจิเสร็จเมื่อไร ป้าจะเอาเข้าไปให้พระองค์เอง
" แล้วหญิงกลางคนก็รับเสื้อจากมือซาไอไปอย่างรวดเร็ว ซาไอพึมพำขอบคุณแล้วเดินลงจากศาลานั้น ออกจากอุทยาน
พอซาไอเดินลับไป หญิงบนศาลาหินอ่อนก็ยืนขึ้นพลางแสยะยิ้ม ตรวนที่มัดขาเธอหล่นลงบนพื้น มิโดริทิ้งเสื้อที่ซาไอเอามาลงแล้วเหยียบมันเอาไว้พลางกอดอก!!!
"ฮึ
ใครว่ามัดข้าไว้ แล้วข้าจะเจอนังซาไอไม่ได้ ถ้าข้าจะตายล่ะก็
ข้าไม่ตายเปล่าหรอก
"
ในที่สุดซาไอและเซอิจิก็เจอกันอีกในไม่กี่วันต่อมา หญิงสาวไตร่ถามถึงเสื้อที่เธอเย็บให้ว่ามันใส่ดีหรือเปล่า?
"เสื้อ?" เซอิจิถามงงๆ "ข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย
" ซาไอยกมือที่ลูบแผงขนคอเจ้าคุโระแล้วขมวดคิ้วบ้าง
"เอ
ท่านป้าที่อยู่ในอุทยานไม่ได้ให้พระองค์หรือเพค่ะ?"
"ท่านป้า? ใครหรือ?"
"ก็ท่านป้าผมสีทองเหมือนพระองค์ แก่ไปหน่อยแต่สวยมากเลยเพค่ะ
ตอนที่หม่อมฉันไปหาตอนนั้น ท่านบอกว่าพระองค์ไม่ว่าง ให้ฝากไว้แล้วจะเอาไปให้พระองค์แทน" เซอิจิทำหน้างง แล้วก็เพิกตาโต
"เจ้าหมายถึง เสด็จแม่รึ!!!"
"เอ๋?"
"ผู้หญิงคนนั้นแหละมิโดริ
คนที่อาฆาตเจ้า อย่าไปเข้าใกล้นางเชียวน่ะ!!! นางทำอะไรเจ้ารึเปล่าฮึ?" เซอิจิถาม ซาไอใจเสีย แต่ไม่เป็นไร นางไม่ได้อะไรเธอนี่นา!!!
"เปล่าเพค่ะ!!!" เธอส่ายหน้า "แค่ชมว่าหม่อมฉันน่ารัก
แล้วก็รับฝากเสื้อเท่านั้นเอง
." เซอิจิถอนใจอย่างโล่งอก
"งั้นก็ดีแล้ว
คราวหน้าคราวหลังอย่าไปเชื่อคำคนแปลกหน้าง่ายๆน่ะ!!! เจ้าดีนี่ซื่อจริงๆ" ซาไอทำตาปริบๆ
"ข
ขอโทษเพค่ะ" หญิงสาวทำหน้าเศร้า กษัตริย์หนุ่มเห็นอย่างนั้น ก็ลูบต้นคอเธอเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ
"ไม่เอาน่า
เราขี่ม้าไปใต้ต้นไม้กันดีกว่า" คนชวนกระตุกม้าให้ออกวิ่งไปช้า ซาไอก็ทำบ้างแต่อนิจจา เจ้าคุโระที่แสนเชื่องของเธอนั้น จู่ๆมันก็พยศอย่างหนัก มันยกขาหน้ารุนแรงแล้วดีดขาหลังไปมา ปากก็ร้องคำรามและพ่นลมไม่หยุด!!!
หญิงสาวกรีดร้องแล้วกอดคอม้าแทนบังเหียนไว้แน่น ม้าดำควบเตลิดออกไปเหมือนถูกวางยา เซอิจิตะลึงอยู่สักพักแต่พอตั้งสติได้เขาก็ควบม้าตามอย่างรวดเร็ว!
"คุโระ เจ้าเป็นอะไรน่ะ!!!" เขากัดฟันแล้วคว้าเชือกบังเหียนที่สะบัดไปมา คุโระยังไม่หยุดมันยังคงพยายามสะบัดคนขี่ให้ตกลงไปจากหลังของมันให้ได้ สุดท้ายคนบนหลังม้าดำก็ทนไม่ไหว ร่วงจากหลังม้าอย่างรุนแรง พร้อมๆกันคุโระที่ล้มลงมาตาม
"ซาไอ!!!"
"โครม!"
"โอ๊ย!!!" เซอิจิร้อง เนื่องจากคุโระล้มทับตัวของเขาอย่างแรง แต่หลังจากกัดฟันทนความเจ็บได้ กษัตริย์หนุ่มก็รีบเขย่าไหล่ของหญิงสาวที่นอนไม่ได้สติอยู่ใต้ตัวเขา
"ซาไอ!!! ซาไอ!!! เป็นอะไรรึเปล่า? โธ่!! บาดเจ็บด้วย" เซอิจิลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล โดยที่ไม่ปัดฝุ่นใดๆออก เขาลุกขึ้นยืนแล้วอุ้มร่างหญิงสาวขึ้น พลางเซเสียหลักไปนิดหน่อย ก่อนที่จะขึ้นม้าไป โดยทิ้งเจ้าคุโระให้นอนอยู่อย่างนั้น เขาควบม้ากลับไปทางเดิม ขณะนั้นจิเคตะก็วิ่งสวนมาหาเซอิจิ
"ท่านเซอิจิ!!!" เขาร้องขึ้น คล้ายคนบ้าคลั่ง ก่อนที่จะหยุดมองซาไอ
"น
นาง
เป็นอะไร?" เขาหอบไปถามไป
"นางตกม้า!!! อาจจะเป็นฝีมือเสด็จแม่!!!" เซอิจิขบฟัน
"ฝีมือนางแน่ๆ!!!"
"เจ้าแน่ใจได้ยังไง?"
"ก
ก็
." จิเคตะหยุดหอบสักครู่ "มิโดริ!!! นาง
ตาย
แล้ว"
|