[HOME] [สารบัญ] l 1 l 2 l 3 l 4 l 5 l 6 l 7 l 8 l 9 l 10 l 11 l 12 l 13 l 14 l 15 l 16 l 17 l 18 l 19 l 20 l 21 l 22 l 23 l 24 l 25 l 26
     l 27 l 28 l 29 l 30 l 31 l 32 l 33 l 34 l 35 l 36 l 37 l 38 l 39 l 40/1 l 40/2 l 41 l 42 l 43/1 l 43/2 l 44 l 45
     l 46 l 47 l 48 l 49/1 l 49/2 l 49/3 - fin l

บทที่ 40 สายน้ำและม้าดำ(กับคนบังคับอีก 1 คน) / 2


หลังจากเซอิจิทำความเข้าใจกับเชลยเรียบร้อยแล้ว หลายคนยินดีด้วยซ้ำที่จะร่วมกับกองทัพเพราะเขาไม่ได้เต็มใจเลยที่จะมารบในครั้งนี้เลย ชายหนุ่มผู้ดำรงตำแหน่งบัญชาการรบชั่วคราวสั่งการให้แบ่งเสบียงให้กับกองทัพบางส่วนที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืน… พอเซอิจิเดินกลับเข้ามาในกระโจม ก็พบกับโทงาริ

"พระองค์ทรงคิดอะไร?" โทงาริถามอย่างสะกดอารมณ์เต็มที่ "นั้นคือเสือ!!! ท่านช่วยเสือไว้แล้ว!!!" โทงาริกล่าว ประสบการณ์โชกโชนของอำมาตย์เฒ่า บอกว่า อย่าช่วยศัตรูเป็นอันขาด!!!

เซอิจิใช้มือเท้าลงบนโต๊ะ และเปิดบัญชีเสบียงเงียบๆ เวลาผ่านสักครู่ เซอิจิก็ทำลายความเงียบขึ้น…

"ถ้านี่เป็นคำสั่งของซาไอ…ที่บอกกับข้าสองต่อสองท่านจะพูดอย่างนี้อีกไหม?" เขาถาม โทงาริมองอย่างอึ้งๆ

"อ้อ…" อำมาตย์ถอนใจอย่างโล่งใจ "คำสั่งแม่ทัพซาไอหรอกรึ…"

"เปล่าหรอก….คำสั่งข้าเอง…"

"???" "ถ้ามันเกิดกลับมาฆ่าเรา ท่านจะทำให้นากิล่มสลาย!!! แน่นอนหมายถึงแม่ทัพซาไอ!!! นางต้องตกเป็นเชลยน่ะ!!!"

"ไม่หรอก…"

"ท่านแน่ใจได้อย่างไร?"

"กล้าพนันกับข้าไหมล่ะ!!!" เซอิจิกล่าวคำที่โทงาริไม่คาดฝันขึ้น "อะไรน่ะ?" โทงาริถามซ้ำ "ท…ท่าน…"

"ถ้าเขาวกมากัดพวกเรา ข้าสาบานว่าจะฆ่ามันด้วยตัวเอง ถ้าไม่ได้ ข้าจะฆ่าตัวตาย นี้คือทัณฑ์บนของข้า"

"แต่ถ้าเขาไม่สามารถวกมากัดเรา…หรือบางทีอาจช่วยพวกเราเป็นอันว่าท่านแพ้…ท่านจะทัณฑ์บนอะไรล่ะ?" เซอิจิถามโทงาริด้วยสุรเสียงทรงอำนาจ โทงาริมองเขาน่ะยิ้มรับคำท้า…

"ข้าเป็นขุนนางผู้ใหญ่…มีอำนาจในการออกเสียงในราชสำนัก หากมีปัญหาอะไร ข้าจะเข้าข้างท่านไม่ว่าดีหรือร้าย…เพราะหากท่านอ่านสถานการณ์นี้ถูก…ต่อไปก็ไม่น่าผิดอีก" กล่าวจบโทงาริก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น เซอิจิยิ้มรับด้วยท่าทีไม่วิตกแต่อย่างใด

"ดีๆ" เซอิจิว่า "เอาอะไรเป็นเกณฑ์ดีล่ะ" เขาถามอำมาตย์เฒ่า "ข้าขอแนะนำเกณฑ์สวามิภักดิ์ ถ้ามันตกลงอยู่กับเรา ท่านก็ชนะ!!! แต่ในทางกลับกัน ถ้ามันไม่ยอม ท่านก็ต้องฆ่ามัน!!!" โทงาริสรุป

"ตกลง…" เซอิจิรับคำท้า "ให้การเจรจาเป็นหน้าที่ของข้าเอง"….


เวลา 10.30 น. วันที่ 26 ต.ค. ซาไอสะดุ้งตื่น เธอพบว่าตัวเองนอนอยู่บนที่นอนของตัวเอง เธอกลับไปตั้งแต่เมื่อไร? เธอจำเหตุการณ์ได้คือ เซอิจิจับเธอขึ้นม้า ตอนนั้นเธอทั้งหนาวแล้วก็ปวดหัว ชาไปหมดทั้งตัว สุดท้ายก็หลับคาเจ้าคุโระไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้…

"ตื่นแล้วหรือ…" ซาไอหันขวับไปทางเสียง ก็พบกับเซอิจิกำลังตัดยาอยู่ เขายกถ้วยยาเดินมาช้าๆ เข้ามาหาซาไอ

"หม่อมฉันหลับไปนานเท่าไร?" ซาไอถาม พลางเสยผมที่ปรกหน้า

"หลายชั่วโมง …แต่ไม่นานหรอก วันนี้วันที่ 26 สายแล้วล่ะ…" เซอิจิบอกต่อ เมื่อเห็นซาไอทำท่าไม่สบายใจพอคิดว่าตัวเองหลับนานไป

"ปวดหัวอยู่ไหม?"

"นิดหน่อย…ใครเปลี่ยนเสื้อให้หม่อมฉัน?"

"นางกำนัล…กินยาซะ จะได้หายไวๆ" ซาไอรับยาไปดื่ม แต่แล้วเธอก็ชะงัก

"แล้วเจ้าพวกนั้นล่ะ?" ซาไอถาม "พวกที่ไล่ตามหม่อมฉัน!!!"

"ไม่ต้องห่วงหรอก…" เซอิจิปลอบ "ระหว่างที่เจ้าหลับไป พวกเราจัดการเรียบร้อยแล้ว…อ้อ…เจ้ารู้รึยัง? ว่าท่านโทงาริมาเข้าร่วมกับเราแล้ว"

"หรือเพค่ะ…" ซาไอร้องอย่างดีใจ "มาแล้วหรือนี่ ดีจริงๆ!!! งั้นหม่อมฉันออกไปก่อนน่ะเพค่ะ…" ซาไอกระโดดลงจากเตียง ทั้งเสื้อผ้าหนาๆ เลิกผ้าคลุมกระโจมออกและตรงไปยังกระโจมบัญชาการ…

"โอ้…แม่ทัพซาไอ" โทงาริทักทาย

"แม่ทัพโทงาริ…" ซาไอก้มหัว "ขอโทษน่ะค่ะที่ปล่อยให้ท่านรอนาน ข้านี่แย่จริงๆ"

"อืม…เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ท่านหายดีรึยังล่ะ"

"ก็ดีขึ้น…ฮัดชิ้ว!…เออ….นิดหน่อยเองค่ะ" ซาไอนั่งลงบนเก้าอี้

"มีอะไรบ้างไหมค่ะ?" ซาไอไตร่ถาม โทงาริส่ายหน้า "มีสิท่านแม่ทัพ ข้าจะฟ้องเรื่องท่านเซอิจิอยู่พอดี" จากนั้นโทงาริก็เล่าเรื่องที่เซอิจิทำจนละเอียด ตั้งแต่เขาวางแผนล่าศัตรูจนกระทั้งทำแผลให้ศัตรู

"ข้าไม่ปฏิเสธว่าท่านเซอิจิวางแผนได้เยี่ยมมาก…แต่…การที่เขาช่วยศัตรูเป็นการนำภัยเข้าตัว ท่านควรทำอะไรสักอย่าง!!!"

"ข้าก็คิดว่าท่านเซอิจิเสี่ยงเกินไป…แต่ทำไมเขาถึงได้มั่นใจขนาดนั้นน่ะ" ซาไอทำท่าครุ่นคิด

"ใช่…และเย็นนี้เขายังจะพนันกับข้า เขาจะทำให้เดเอคิยอมสวามิภักดิ์ให้ได้ด้วย…."


เวลา 17.30 น. ของวันที่ 26 ต.ค. ณ ที่กักขังของค่าย เดเอคินั่งนิ่งสงบอยู่ในห้องขัง โซ่ตรวนที่ใช้นั้นหนาไม่ต่างไปจากของจิเคตะเลย ขาใหญ่ประจำคุกมองรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาใหม่อย่างทักทาย

"เดเอคิ…แม่ทัพที่ฉายาหมีควายในตำนาน โอ้…เป็นบุญของข้าเหลือเกินที่ได้เจอ…" การทักทายอย่างกวนพระบาทของจิเคตะดังขึ้น เดเอคิไม่ได้พูดอะไร ได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างสงบ

"ถ้าเจ้าไม่อยากพูดก็เอาเหอะ…ข้าพูดคนเดียวก็ได้…แต่ขอถามเจ้าหน่อยเถอะว่า…" หนุ่มผมแดงพลิกตัว

"ตอนเจ้าถูกจับ เจ้าน่าจะหนีได้ ทำไมไม่หนีล่ะ? ตัวออกจะใหญ่…" เดเอคิลืมตาขึ้น มองด้วยหางตาไปที่จิเคตะอย่างไม่ยี่หระ

"เงียบหน่อยไม่ได้รึยังไง?….ไอ้ตากุ้งยิงจิเคตะ" จิเคตะรีบเอามือกุมหน้า

"อุว่ะ!!! ทำไมจะต้องเรื่องมากกันตาข้าด้วย ไม่ได้อยากเกิดมาตาแดงซักหน่อย" จิเคตะสบถ

"ไม่ตอบก็ไม่ต้องตอบ ไอ้หมีควาย!!! ไม่ถามก็ได้ว่ะ เรื่องมากจริง!" ว่าแล้วชายผมแดงก็แผ่ลงบนกองฟางกองเก่า

"เฮอะ!!! โง่จริง"

"อะไรว่ะ? ไม่ได้หาเรื่องเลยน่ะ..ไอ้บ้า เดี๋ยวพ่อฟันคอคาดเลยนี่!!!" จิเคตะถกกลับอย่างหงุดหงิด

"ก็โง่จริงไหมล่ะ? หรือว่าบ้า แกจะฆ่าคนที่ช่วยแกขึ้นจากกองไฟได้ลงคอเรอะ….แล้วยังทำแผลให้อีก" เดเอคิกกล่าวพลางยกแขนที่ถูกไฟเผาขึ้นมอง

"อ้อ…ใช่" จิเคตะยอมรับ "มือเบาใช่ไหมล่ะ? เจ้าชาย เอ๊ย! ไม่สิ กษัตริย์แห่งซูคังน่ะ" จิเคตะอวด

"เออ…แถมฉลาดด้วย…" เดเอคิว่า

"ท่าทางเจ้าคงมีอะไรขาดหายไปน่ะ…" จิเคตะชวนคุยอีก "ถ้าทายไม่ผิด…มือธนูคนสนิทเจ้าหายไปไหนเสียล่ะ…โทะโดะใช่ไหม?" เมื่อจิเคตะพูดจบ เดเอคิขรึมไปทันควัน "โทะโดะไม่ได้ตายในกองเพลิง…เขาหนีออกมาได้ …ข้ารู้" เดเอคิพึมพำ จิเคตะเห็นท่าไม่ดีจึงเงียบเสีย ในบรรยากาศห้องขังเงียบเชียบ น้ำที่หยดลงมาจากเพดานยังคงเจิ่งนองมุมห้องขัง สักพักต่อมาก็มีเสียงเปิดประตูห้องขัง นักโทษทั้งสองเบนความสนใจจากพื้นข้างหน้าไปหาผู้มาเยือนทันที ร่างที่กรายเข้ามานั้น คือเซอิจิ และโทงาริ พร้อมด้วยทหาร 4-5 คน เพื่อคุมเชิง…

"สวัสดี…แม่ทัพเดเอคิ" เซอิจิกล่าวทักทาย

"สวัสดี เจ้าชาย….ไม่สิ…กษัตริย์แห่งซูคัง" เดเอคิทักทาย พลางกวาดสายตาไปยังโทงาริ

"แผลดีแล้วหรือยัง?…"

"อ้อ…นิดหน่อย" เดเอคิก้มหน้า "ถ้าพระองค์จะมาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ข้าพระองค์ร่วมมือกับพวกกองทัพกู้ชาติล่ะก็…ขอบอกไว้เลยว่าไม่มีวัน!!!" จบคำเดเอคิ โทงาริก็หันมามองเซอิจิ เป็นเชิงถาม

"ยังหรอกนี้เพิ่งเริ่มต้น… ท่านโทงาริ…" เซอิจิกล่าว

"ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าเพราะอยากให้เจ้ามาร่วมมือ แต่สิ่งที่ข้าทำคือ ข้าต้องการยุติสงคราม และสิ่งที่ข้าทำนั้นคือการช่วยชีวิตคนให้มากที่สุดเท่าที่ข้าจะทำได้!!!" เซอิจิคุกเข่าลงตรงหน้าเดเอคิช้าๆ

"ข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องการอะไร…หรือเสด็จแม่สั่งท่านว่าอะไร? แต่ความจริงก็คือความจริง พูดให้สวยหรูแค่ไหน สงครามก็คือการฆ่าคน ถึงแม้ข้าจะไม่พูดว่าตัวเองถูก แต่ข้าแน่ใจว่าข้าไม่ได้ผิดเช่นกัน!!!"

"และสิ่งที่ถูกก็คือ…พระองค์ทรยศพระนาง…ท่านรักกับคนฝ่ายศัตรูไม่พอ ท่านยังช่วยเขาทำสงครามทำลายเสด็จแม่ของพระองค์เอง"

"……" เซอิจินิ่งเงียบ

"ท่านไม่ปฏิเสธ!!! ท่านยอมรับใช่ไหม?"

"ความจริงคือความจริง อยู่ที่ว่าเป็นของใคร….ข้าไม่ปฏิเสธ แม้ว่าข้าจะประสบชะตากรรมรูปแบบใดมาก็ตาม" เซอิจิหลับตา นึกถึงภาพแม่ที่แท้จริงอันเลือนลาง

"เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ข้าไม่แก้ตัว…การแก้ตัวด้วยปากไม่เส้นทางของข้า ถึงข้าจะแค้นนางแค่ไหนก็ตาม…" เซอิจิขบฟัน เขานึกภาพ เขาเสียมารดาจริงๆไป… และหากต้องเสียซาไอไป เขาทนไม่ได้…

"ถ้าข้ายังแค้นต่อไป… สงครามจะไม่มีวันจบ… ถ้าข้าต้องการยุติสงคราม สิ่งที่ข้าต้องทำคือ ระงับความแค้นตัวเองเป็นอันดับแรก…" เขาหันกลับไปมองโทงาริ แล้วหันกลับมามองเดเอคิ

"ข้าไม่อยากฆ่าเจ้า หนึ่ง…เจ้าเป็นคนซูคัง สอง…ข้าไม่ฆ่าคนที่ไม่มีทางสู้ สาม…ใครจะทำให้ข้าก่อสงครามได้ต่อเมื่อเขาบอกได้ว่า เขาพร้อมสูญทุกอย่างที่เขามี!!!" เดเอคิมองเซอิจิด้วยสายตาไม่มั่นใจ…

"ไม่เชื่อข้าใช่ไหม?" เซอิจิถามอย่างผิดหวัง

"ไม่เป็นไรหรอก..ใครๆก็ไม่เชื่อข้าทั้งนั้นแหละ ข้าอ่อนแอ จริงๆ แล้ว…ข้าอยากเป็นคนธรรมดาเสียด้วยซ้ำ"

"ไม่หรอก…จงภูมิใจท่านเซอิจิ ข้าเชื่อท่าน ไม่ว่าพระองค์ทำอะไร ข้าเชื่อว่าพระองค์ทรงไตร่ตรองดีแล้วจึงทำ…" จิเคตะที่นั่งออกไปไม่ไกลกล่าว

"เจ้ามีสิทธิเลือก…เดเอคิ เจ้าอาจว่า ว่าข้าเป็นบ่าวสองนาย แต่ไม่เลย…นี่แหละนายตัวจริงของข้า ที่ข้าหามานาน ลูกศิษย์ที่ไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังแม้เขาเคยเดินผิด แต่เขาก็ไม่ยอมจมปลักกับทางเดิมๆ สิ่งนี่เป็นคุณสมบัติชิ้นเอกของเหล่าขุนพลไม่ใช่หรือ? ไม่ยึดติดกับสิ่งใดจนเป็นภัยแก่ตัว…" จิเคตะพูด

"ว้า!!! ข้าคงพูดมากไป เอาเถอะแล้วแต่เจ้าเถอะ…" ว่าแล้วจิเคตะก็ลงไปนอนคาบฟางอยู่ที่เดิม…

"อย่างที่จิเคตะพูด…ตัดสินใจมาเถอะ ข้าไม่ขว้างการตัดสินใจของเจ้า…"

"ข้าหรือ?….ฮึๆ" เดเอคิหัวเราะในลำคอ "ได้…เห็นว่าท่านเปลื้องน้ำลายพูดตั้งนาน ข้ายอมสวามิภักดิ์…" รอยยิ้มของเซอิจิและโทงาริเกิดขึ้นเป็นของทั้งคู่

"แต่ข้าสวามิภักดิ์แต่กับท่านเท่านั้น…เจ้าชาย…ข้าฟังแต่คำสั่งท่านเท่านั้น ไม่ว่าท่านจะสั่งให้ข้าฟังคำสั่งใคร ข้าไม่ทำตาม…ตกลงไหมล่ะ?"

"เอาล่ะก็ได้…ข้ารับข้อตกลง…" เซอิจิถอนใจ โทงารินวดหน้าผากตัวเอง

"ท่าทางคราวนี้เราจะเสมอกันน่ะ..ท่านโทงาริ" เซอิจิเอ่ยกับโทงาริขณะที่กำลังจะออกจากคุก "ก็คงอย่างนั้น…" โทงาริตอบ ทั้งๆที่ยังงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น


เช้า วันที่ 27 ต.ค. นารายะสามารถลุกขึ้นเดินได้ ส่วนมาโซยะก็แทบจะหายเป็นปกติ เขาสามารถเดินไปไหนมาไหนได้อย่างปกติ และบัดนี้สิ่งที่เขาทำก็คือ ทุบโต๊ะระหว่างที่ซาไอกำลังโขกหมากรุกกับนารายะ เล่นเอานารายะตกใจเสียจนทำหมากม้าร่วงจากกระดาน

"เป็นอะไรไป? มาโซยะ เจ้าทำหน้าเครียดตั้งแต่เช้าแล้วน่ะ แล้วอย่าทุบโต๊ะสิ!!! แผลจะเปิดเอา…."

"ซาไอ…ท่านกลับมากับท่านเซอิจิสองต่อสอง แถมกลับมาโดยมีเสื้อคลุมตัวเดียว…คงไม่ได้แวะที่ไหนหรอกน่ะ?" มาโซยะถามอย่างไม่อ้อมค้อม

"อ..อะไรกัน?" ซาไอหน้าแดง "จะบ้ารึไง!!! ก็เสื้อข้าเปียกเลยก็เปลี่ยน…."

"เปลี่ยนเองรึเปล่า?"

"เปลี่ยนเองสิ!!! ถามมาได้"

"งั้นแล้วไป…" ว่าแล้วมาโซยะก็ลุกขึ้น "จะไปไหน?" ซาไอถาม

"จะไปหาท่านเซอิจิเสียหน่อย!!! ข้าไปเล่นเขาไว้เยอะเชียวล่ะ" ว่าแล้วมาโซยะก็หายจ้อยออกไป เขาเร่งฝีเท้าออกไป เขาประมาณว่าคงจะหาเซอิจิอีกนาน…แต่ไม่เป็นเช่นนั้น เดินแค่ไม่นานเขาก็เจอกับเซอิจิ

"ท่านเซอิจิ…" มาโซยะเรียก

"อ้อ…มาโซยะ" เซอิจิยิ้ม "ซาไอไม่เป็นอะไรแล้วน่ะ…สบายดี"

"ใช่….ขอรับ" มาโซยะกล่าว

"มีอะไรล่ะ?" เซอิจิหอบฟ่อนหญ้าสดขึ้นบ่า มาโซยะอ้าปากจะพูดถึงธุระแต่…

"พระองค์จะไปไหน?" มาโซยะถาม

"ข้าเหรอ?" เซอิจิหันหน้ากลับมา "ข้าจะเอาหญ้าไปให้คุโระ…"

"ห๊า!!!" มาโซยะอ้าปากค้าง

"ท…ท่าน" มาโซยะเดินตามเซอิจิที่เดินไปยังคอกม้า เขาวางหอบหญ้าลง แล้วเปิดคอกม้า

"หวัดดีคุโระ…" เซอิจิทักทาย เจ้าม้าดำก็พ่นลมเป็นเชิงรับคำทักทาย เซอิจิวางหญ้าลงแล้วหันไปเก็บคราด มาโซยะมองอย่างอึ้งๆ

"คุโระ!!! แกญาติดีกับพระองค์ตั้งแต่เมื่อไร" มาโซยะกระซิบ เจ้าม้าก็ส่ายหน้าแล้วมองหน้ามาโซยะ ….ไม่รู้สิ…ทำไม?….

"เปล่า!!! ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ตกใจ เอ๊ย! ดีใจด้วยเท่านั้นเอง" เจ้าม้าดำพ่นลมจากจมูกอย่างรำคาญ …..ก็ดีกว่าทะเลาะกัน….

"มีอะไรหรือ? มาโซยะ…" เซอิจิยืนทำตาปริบๆอยู่ไม่ห่างมาโซยะนักในมือถือหญ้าสดไว้….

"เปล่าขอรับ…" มาโซยะปฏิเสธ เซอิจิเดินเข้าไป เอาหญ้าป้อนให้ม้า มันก็กินเสียโดยดี

"ขออภัยหากเสียมารยาท…เออ…ทรงเข้ากับ…เออ…เจ้าคุโระ"

"อ้อ…" เซอิจิเงยหน้าจากม้า "ไม่นานหรอก เพิ่งเมื่อ 2 วันก่อนเอง"

"งั้นก็ดีแล้วขอรับที่เป็นเพื่อนกันได้…" มาโซยะพูดยิ้มๆ

"อืม…" เซอิจิยิ้ม "เราเป็นเพื่อนกัน" คุโระร้องรับคำ….

. . . . . .

กลับมาทางซาไอที่นั่งเล่นหมากรุกกับนารายะอยู่

"โอ้…ท่านซาไอ" นารายะกุมขมับ "รุกฆาตเรือข้าน้อยอีกแล้ว"

"กระดานที่ 17" ซาไอหัวเราะในลำคอ "ชอบเดินตาเดิมๆ ก็โดนแบบเดิมๆแหละน่า~" ขณะที่นารายะกำลังหาทางออกให้เรืออยู่นั้น โทงาริก็ก้าวเข้ามาในกระโจม นารายะรีบลุกขึ้นทำความเคารพ โทงาริหยุดหอบก่อนที่จะพยักหน้ารับรู้

"แย่แล้ว…แม่ทัพซาไอ!!!" โทงาริกล่าว

"มีอะไรหรือค่ะ?" ซาไอถามงงๆ โทงาริเดินเข้ามา แล้วส่งจดหมายเปื้อนเลือดฉบับหนึ่งให้ซาไอ

"จากแม่ทัพโควตะ…เขาถูกล้อม…ม้าเร็วที่มาส่งข่าว…ถูกธนูปักยังกับเม่น…พอส่งจดหมายให้เขาก็ตกม้าตายเลย!!!" เมื่อโทงาริกล่าวจบ ซาไอก็รีบคลี่จดหมายออกอ่าน

'ถึง กองทัพกู้ชาติแห่งนากิ

ข้าแม่ทัพโควตะและแม่ทัพเอซะ บัดนี้ถูกล้อมโดยแม่ทัพฟุขุ 1 ในทหารเสือของ อิจิว
หากได้รับจดหมายแล้ว กรุณาส่งกำลังเสริมมาช่วยด่วน!!!
เราอยู่ทางทิศตะวันออก….'
เมื่ออ่านจบซาไปพับจดหมาย

"สั่งการลงไป!!! เปลี่ยนหมายการเดินทาง จากเช้าพรุ่งนี้เป็นเดี๋ยวนี้!!! เราจะยกทัพไปช่วยโควตะ!!!"