|
"ไม่แน่นักว่าอิจิวจะเพิ่มความระแวงข้ามากเสียจนกลับกลายเป็นความกลัวไปเสียเลย เขาพยายามหาวิธีทางหลายครั้ง ที่จะทำให้ข้าตายให้ได้ ตั้งแต่วางยาไปจนถึงเอานักฆ่ามาลอบฆ่าข้า แต่กระนั้นข้าก็ยังไม่ตาย ยังไปพูดคุยกับเขาได้เป็นปกติ เขาไม่กล้าทำอะไรโผงผางนัก คล้ายกับกลัวว่าถ้าทำให้ข้ารู้แต่เพียงนิดเดียวว่าเขาเป็นผู้บงการ ที่ตายจะมาสู่เขาทันที นั้นเป็นเหตุหนึ่งทำให้เขาต้องประหารลูกน้องของเขาไปหลายคน เพื่อแสดงละครตบตาข้า
.
"และในที่สุดเขาก็จนใจ เขาจึงลั่นวาทะว่าข้านั้นช่างเก่งกาจจนเขาไม่รู้ว่าจะสอนอะไรให้อีก และเขาก็หมายจะส่งข้าไปที่เมืองหลวง เขานั้นมีจุดประสงค์ในใจที่จะส่งข้าให้ราชินีมิโดริเพื่อจัดการ เพราะให้อยู่กับเขารั้งไปก็มีแต่จะขยายภัยให้แก่ตนเอง
ข้าจึงได้เข้าสู่เมืองหลวงไปถวายตัวแก่ราชาอิเอยาสึ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือส่งข้าไปให้ราชินีมิโดริควบคุมดูแลแทน แล้วในเย็นวันที่ 10 ที่ข้าแอบลอบออกจากค่ายมา ข้าก็ได้รับการส่งตัวเข้าสู่เมืองหลวง พร้อมกับอิจิว กับกองทหารของเขา หน่วยเคลื่อนที่เร็ว เคลื่อนที่เร็วมาก ไม่ถึงครึ่งวันข้าก็ถูกส่งมาถึงเมืองหลวง ดูเถิด แม่ทัพที่เคารพทั้งหลาย!!! ใจของข้าเต้นระรัวความตื่นเต้นยินดีที่ได้มายืนอยู่หน้าประตูเมืองบ้านเมืองตนเองที่จากมานับปี
แต่พลันความเจ็บแปลบก็แทรกไปทั่วร่างเมืองได้เข้าไปในเมือง สภาพอดอยากปากแห้งของประชากรมีให้เห็นทั่วไป น้ำนองเต็มไปทั่ว สภาพของประชากรที่อดยากมีอยู่มากมาย เหล่าแมลงพาหะ หนู และสุนัขจรจัดเดินพล่านไปทั่ว บ้างก็ก้มลงเลียเศษอาหารตามพื้น แล้วก็วิ่งหนีเพราะมีเด็กออกมาไล่ ระหว่างที่พวกเราควบม้าผ่านไป ชาวบ้านต่างพากันหลบเข้าไปในเรือนอย่างรวดเร็ว ข้านึกสะท้อนใจ ลอบถอนใจอยู่ ณ ที่นั้นเอง อิจิวมองข้าแล้วยิ้มอย่างรู้สึกเหนือกว่า
'อย่างสังเวชใจไปเลย เจ้าจะมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีมากกว่านี้มาก
ในวัง' อิจิวเสริมประโยคข้างหลัง ข้าพยักหน้ารับคำอย่างเบื่อหน่าย ข้าหวังเหลือเกินว่าเมื่อไรข้าจะได้เข้าไปพบมิโดริ"
"ข้าคงต้องบอกพวกท่านไว้ก่อน
ว่าเดิมที แผนของข้าคือแทรกเข้าไปสืบความลับในค่ายของอิจิว ต่อมาข้าเห็นลู่ทางจะสร้างความปั่นป่วน แต่ข้าก็เปลี่ยนใจไปคิดฆ่าอิจิว ต่อมาข้าก็เปลี่ยนใจอีก" ซาไอลุกขึ้น
"แผนของข้าคือสังหารราชินีมิโดริ!!!!" ซาไอกดเสียงให้ทุ้มต่ำอย่างน่ากลัว เซอิจิรู้สึกร้อนใจ เขาแน่ใจว่าเขาคงตัดขาดกับมิโดริแล้ว!!! จนซาไอพูดถึงประโยคเมื่อสักครู่ มิโดริฆ่าพระมารดาของเขา นางทำให้เขาอับอายเพราะความต้องการบ้าๆของนาง นางขัดขวางความรักของเขา แต่เซอิจิก็ยังผูกพันธ์กับมิโดริอยู่ดี ในฐานะคนที่ครั้งหนึ่งเคยเลี้ยงเขาตั้งแต่เล็กจนโต
"อืม
." โควตะทำเสียงในลำคอ
"แล้วเป็นยังไงต่อล่ะ?" โควะถาม ซาไอหันมายิ้ม รอยยิ้มที่ปรากฏให้รู้ถึงความเจ้าเล่ห์แสนกล
"นางน่าจะถึงที่ตาย ตามตรงแผนของข้า" ซาไอพึมพำ
"แต่ฟ้ายังแกล้งข้า ขัดขว้างไม่ให้นางตาย ฟังต่อเถิดนายทัพทุกท่านว่าเกิดอะไรขึ้น" ซาไอกล่าว
"ข้าเข้าไปในวัง สภาพของมันมิได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย นั้นเพราะรีดไถมาจากชาวเมืองน่ะสิ บ้านเมืองที่ดังเมืองร้างเช่นนี้
ในเย็นวันนั้นข้าได้เข้าไปในวังอันเฟื่องฟูไปด้วยสิ่งสวยงามมากมาย ทุกที่ถูกจัดล้อมเอาไว้ดั่งมีงานเลี้ยง
'มีงานอะไรกันหรือ? ท่านอิจิว' ข้าถามอย่างสงสัยหนักหนา อิจิวยิ้มอย่างภาคภูมิ
'งานต้อนรับข้ากลับมายังไงล่ะ!' อิจิวบอก
'และพระนางคงจะยิ่งยินดีสักเพียงใด หากรู้ว่าซาไอตายแล้ว
' แล้วอิจิวก็หัวเราะร่าเสียงดัง ข้านั้นหมั่นไส้เจ้าโจรกำมะลอนี่เหลือเกิน จึงออกตัวว่าข้าเหนื่อยเหลือเกิน ขอตัวไปพักผ่อนเสียก่อน อิจิวก็อนุญาตเป็นอันดี มิหน่ำซ้ำยังสั่งคนจัดห้องให้ข้าเสียอีก ข้าจึงทำตามสิ่งที่ข้าร้องคือหลับทันทีเมื่อหัวถึงหมอน ข้าแน่ใจว่าอิจิวไม่คิดลอบฆ่าข้าอีก เพราะเขาจะส่งตัวข้าให้มิโดริ
ฉะนั้นเขาจึงไม่ต้องลำบากมาวุ่นวายคนที่เป็นประโยชน์ต่อมิโดริ แต่กระนั้นเขาก็ยังส่งคนมาเฝ้าดูข้า ข้าจึงทำตามประสงค์ของเขาคือ หลับสนิทไปเสียครึ่งคืน แล้วเมื่อดวงจันทร์ส่องแสงตรงหัว ข้าก็ลุกขึ้นมาจากที่นอน สอดส่ายสายตาในความมืด มองออกไปนอกห้องก็พบว่าคนของอิจิวยังเฝ้าจับตาข้าอยู่ ข้าค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงแล้วจุดไต้ขึ้น ให้แสงไฟส่องสว่างไปทั่วห้อง แล้วทำเสียงเหมือนเพิ่งตื่น ซึ่งข้าก็เพิ่งตื่นจริงๆ ซึ่งเจ้าคนข้างนอกก็สะดุดใจและถามข้าว่าต้องการอะไร
'ข้าอยากเข้าห้องน้ำ' ข้าตอบอย่างจริงใจ แล้วผลักประตูออกไปหาชายที่เฝ้าประตูอยู่
'ห้องน้ำอยู่ที่ไหน? โปรดพาข้าไปหน่อย' ข้าขอร้อง ชายผู้เฝ้าประตูมองข้าอย่างระอา จริงๆแล้วท่าทางของข้าไม่ชวนให้สงสัยอะไร แต่เมื่อนายของเขาสั่งให้เขาจับตาดูข้าทุกฝีก้าวเขาจึงต้องทำ ประกอบกับเขานั่งง่วงมาครึ่งคืนแล้ว ผิดกับข้าที่ได้นอนมาครึ่งคืน เขาขยี้ตาก่อนที่จะพูดกับข้า
'จัดการให้เสร็จตรงนี้แหละ' เขาชี้ที่พื้นดิน ข้านึกตกใจ ไม่ได้! ข้าต้องทางเข้าห้องน้ำให้ได้
'ต
แต่ ข
ข้า' ข้าทำเป็นรีๆรอๆ ชายผู้นั้นจ้องหน้าสักพักก่อนที่จะหัวเราะอย่างสาใจ
'เข้าใจล่ะ!!!' เขาเช็ดน้ำตาอย่างขบขัน
'อย่างนั้นเจ้าจึงจะเข้าห้องน้ำให้ได้เลยใช่ไหม?' เขาว่า พลางลุกขึ้นแล้วเดินนำออกไป ข้าจึงเดินตาม ข้าเดินลัดไปตามทางไปๆมาๆก็พบกับห้องน้ำ
'ข้าถามอะไรหน่อยสิท่าน' ข้าว่า
'อะไร?'
'ที่นี้คือที่ไหนหรือ?'
'ที่นี้ก็
ห้องน้ำไงล่ะ'
'ไม่ใช่ๆ!!!' ข้าส่ายหน้า
'หมายถึงจวนนี้น่ะ'
'อ้อ
.' นายทหารพยักหน้า
'ที่นี้ก็คือที่ๆ ราชินีสร้างเอาไว้ให้ท่านอิจิว เวลาต้องมาพำนักในวังไงล่ะ' ทหารตอบ
'งั้นที่นี้ก็คือวัง
'
'ใช่
' นายทหารตอบ ข้าจึงพึงสังวรว่าข่าวลือที่ว่ากันนั้นเป็นจริง(อิจิวเป็นชู้รักพระนางมิโดริ) แล้วข้าก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย จนเมื่อข้าแสร้งทำทีเป็นเข้าห้องน้ำเสร็จข้าก็กลับมายังที่พัก ข้าก็ดับไฟ แล้วก็รอให้ผ่านไปไม่นาน แล้วข้าก็ลอบออกจากที่พัก ตรงไปยังตำหนักพระนางมิโดริ"
"อ๋า
เดี๋ยวน่ะ!!!" มาโซยะขัดจังหวะขึ้น
"ทำไมเจ้าต้องแกล้งเข้าห้องน้ำด้วยล่ะ โดยไม่หาทางหนีไประหว่างนั้น ทำไมเจ้าถึงได้ไม่หาทางหนีไประหว่างทางเข้าห้องน้ำล่ะ" มาโซยะถาม หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย ซาไอยิ้มก่อนที่จะตอบ
"ใช่
.เพื่อข้ออ้างยังไงล่ะ"ซาไอว่า
"หากใครคิดจะจับผิดข้า ข้าก็อ้างได้ใช่ไหม? แถมมีพยานอีกต่างหาก เอาล่ะ!!! อย่ามาหมกมุ่นกับเรื่องแค่นี้เลย ข้าจะเล่าให้พวกเจ้าฟังต่อแล้ว"
"ข้าลอดช่องแมวบริเวณหลังคาที่มีกระเบื้องแตกอยู่ แล้วไต่ไปตามหลังคามุ่งสู่ตำหนักของราชินี ข้าห้อยโหนและไปหยุดอยู่ที่ใต้ต้นหลิวที่ปลูกค่อมพระตำหนัก ข้าใช้มีดประจำตัวแซะกระเบื้องออกเป็นช่องที่พอมองเห็น และข้าจะบอกทุกท่าน ข้าพบอิจิวและพระนางมิโดริอยู่ด้วยกัน พวกเขาสนทนากันถึงไหนแล้วข้าไม่รู้ แต่พอข้ามาถึง อิจิวก็ยื่นปอยผมของข้าให้กับพระนางมิโดริ ราชินีแสดงอากรยินดีอย่างออกนอกหน้า พระนางทรงจำสีผมของข้าได้
'ข้ารู้แล้วว่าเจ้าต้องไม่ทำให้ข้าผิดหวังแน่ๆ อิจิว' ราชินีมิโดริเอ่ยต่ออิจิว
'อย่างน้อยกองทัพของมันก็จะระสับระส่ายไปกว่าครึ่ง กองทัพ 3 แสนของเราชนะแน่
.' พระนางว่า
'โอ๋
เจ้าช่างเก่งเหลือเกิน คราวนี้อยากได้อะไรเป็นของบำเหน็จล่ะ
เงินทอง หรือเพชรพลอยข้าจะหามาให้เจ้า' พระนางมิโดริเอ่ยแก่อิจิว ส่วนเจ้าโจรไม่ทำอย่างไรอย่างอื่น นอกเสียจากอุ้มพระนางขึ้นเตียง
'ร่างกายของพระนางก็แล้วกัน' เสียงหัวเราะของราชินีดังขึ้น แล้วข้าก็หลับตา ใช้เพียงประสาทหูเท่านั้น แต่เช่นไรไม่รู้ หลังจากข้าหลับตา ข้าก็เผลอเรอหลับไป โชคดีที่ตื่นมาอีกที ทั้งสองก็เสร็จกิจกรรมแล้วนอนคุยกัน พวกเขาเอ่ยถึงข้าด้วย พระนางมิโดริถามอิจิวก่อน
'อิจิว'
'หือ
'
'ได้คราวว่าคราวนี้เจ้ากลับมาพร้อมกับหนุ่มน้อยคนหนึ่งด้วยนี้
เห็นว่าฉลาดพอตัวทีเดียว'
'ไม่หรอกพะยะค่ะ' น้ำเสียงของอิจิวแสดงถึงอาการร้อนรน
'เป็นพวกหน้าตาเหมือนผู้หญิง
'
'จริงหรือ? งั้นพรุ่งนี้ให้ข้าไปเจอตัวหน่อยเถอะน่ะ
'
'แต่
.'
'โธ่
ได้โปรดเถิดอิจิวที่รักของข้า'
'
..'
'ได้สิพระนาง'
'โอ๋
ดีใจจัง' แล้วทั้งสองก็จูบกัน
'ข้าจะนั่งเกี้ยวที่ปิดด้วยผ้าแพรสีแดงไปน่ะ
ไปรับข้าให้ถูกเกี้ยวล่ะ'
เกี้ยวสีแดงที่เป็นผ้าแพร!!! ข้าทวน ในวันพรุ่งจะมีงานเลี้ยงรับรองการกลับมาของอิจิวอย่างเป็นทางการ ข้าก็จะถูกนำตัวออกไปแนะนำ การนั่งเกี้ยวของราชินีมิโดริถูกเก็บงำเป็นความลับเสมอเพื่อกันคนทำร้าย แม้แต่คนหามเกี้ยวก็ยังไม่รู้ว่าแบกใครอยู่ แต่ในเมื่อข้ารู้ก่อน ข้าจะหาวิธีสังหารนางให้ได้
"ทันทีที่พวกเขากล่าวจบก็จวนเช้าเสียแล้ว ข้ารีบไต่หลังคากลับไปทันและเมื่อนายทหารที่ถูกสั่งให้เฝ้าข้าตื่นจากการแอบหลับในเวรยาม ข้าก็กลับมานอนบนเตียงเสียแล้ว
."
ซาไอเงียบไปอีก พลางเรียกหาน้ำชา น้ำชาถูกยกมาอย่างรวดเร็ว เธอยกขึ้นดื่มอย่างใจเย็น พลางทอดส่ายมองเหล่าแม่ทัพที่นั่งฟังเธออยู่อย่างสนอกสนใจ ตอนนี้ซาไอไม่รู้สึกอย่างไรนอกเสียจากความรู้สึกทระนงในตัวเอง ศักดิ์ศรีทหารที่จะช่วยพยุงให้เธอเดินข้ามอุปสรรคต่างๆได้ ผิดกับเซอิจิ ตอนนี้เขารู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก ซาไอเป็นอะไรไป? เขาไม่อยากเลย!!! ไม่อยากให้เธอห่างไกลเขาไปมากกว่า เซอิจิลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างกะทันหัน แล้วเดินออกไปนอกกระโจมทันที ซาไอมองตามไปอย่างเย็นชา หลังจากเริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบของนายกองดังขึ้นสักพักหนึ่งโควตะก็ตบโต๊ะเรียกความสนใจ พลางชี้ไปที่ซาไอ ทหารจึงเงียบลงและรอฟังเหตุการณ์ต่ออีกครั้ง
.
"ในตอนเช้าข้าเตรียมตัวตามปกติ ถ้าไม่รวมการแสดงความยินดีเมื่ออิจิวมาบอกว่าข้าจะได้พบกับราชินีมิโดริ ให้ข้าเตรียมตัว ข้าก็รับคำแล้วซ่อนดาบของข้าเอาไว้ใต้เสื้อ พลางเดินตามอิจิวออกไป ตรงไปยังห้องโถง ที่ตกแต่งด้วยพู่งดงาม ผิดกับบ้านเมืองข้างนอก อาหารเลิศหรูต่างๆถูกยกเข้ามา วงมโหรีก็ประโคมเพลงกระหึ่มไปหมด ข้าเหยียบไปบนพรมกำมะหยี และนึกถึงแผนการของข้า ราชินีมิโดริต้องจำข้าได้แน่นอน นางไม่ลืมศัตรูหัวใจของนางไปได้หรอก ข้าจึงต้องกำจัดนางไปเสียก่อนที่นางจะไหวตัวทันใดๆทั้งสิ้น ข้าจึงพยายามทำตัวให้เป็นจุดสังเกตให้น้อยที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้อิจิวไม่พอใจเลย เขายินดียิ่งนัก หากข้าไม่คิดชิงดีชิงเด่นกับเขา ข้านั่งรอเป็นเวลานาน ขณะงานยังคงเตรียมพร้อมเพื่อรับเสด็จพระนางมิโดริ ไม่มีใครตรวจอาวุธกับข้า เพราะคนที่พาข้ามาคืออิจิว และเขาก็ตรวจไปแล้วเพียงแต่ว่าไม่เจอ ก็ใครจะไปคิดละว่าข้าได้
แอบดาบสั้นของข้าไว้ในอาหาร
ขณะที่ข้าทำตัวไม่เป็นจุดสนใจนั้นเอง ไม่มีใครเห็นเพราะข้านั้นหลบเข้าอยู่ในมุมอับของห้องโถง ส่วนคนที่จับตาดูข้าเล่า? แม้เขาจะไม่ได้อยู่ห่างไปไกล แต่เขามีจุดสนใจไปที่นางข้าหลวงกลุ่มหนึ่ง
.
ส่วนคนที่อันตรายที่สุดสำหรับข้าคงไม่พ้น วากิ!!! คนที่แม้อดตาหลับขับตานอนและตอนนั้นกำลังเฝ้ามองข้าอยู่
แววตาอาฆาตและไม่ไว้ใจอย่างรุนแรง ทำให้ข้าต้องเบนจุดสนใจเขาออกจากข้าให้เร็วที่สุด โดยการดึงเขาออกไปให้ไกลที่ไร้ผู้คน ข้าทำตามที่ตัวเองคิดทันที โดยการเดินออกไปนอกห้องโถงอย่างกะทันหัน แม้วากิจะมองข้าอยู่ไม่ห่าง แต่การกระทำอันรวดเร็วของข้าก็ทำให้เขาเสียจังหวะไปเหมือนกัน และโดยที่ข้าไม่ต้องบอกเขา เขาก็ตามข้ามาในระยะที่คิดว่าข้าไม่รู้ตัว จากที่เดินช้าๆ ข้าก็เริ่มก้าวกระโดด เมื่อเขาเริ่มตามข้าเร็วขึ้น จากการก้าวกระโดดของข้าก็เปลี่ยนไปเป็นวิ่งโดยไม่รู้ตัว ข้าวิ่ง วิ่ง และวิ่ง เขาก็ตาม ตาม และตามข้ามาจนกระทั้งมาถึงอุทยานหลวง แม้วากิจะสงสัยข้า แต่เขาก็นึกไม่ถึงว่าข้าจะคือซาไอ และแน่นอน!! ข้าอยู่ในวังมาหลายปี เรื่องทางหนีทีไล่ในวังนั้นข้าย่อมรู้ดีมากกว่า สุดท้ายข้าก็หายไปจากสายตาของเขา วากิหอบอย่างแปลกใจ เขาหันซ้ายหันขวาอย่างระมัดระวัง แม้ข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็เป็นทหาร แล้วการฝึกทักษะการพรางตัวนั้นเป็นสิ่งที่ข้าที่ข้าโปรดปรานมากกว่าวิชาใดๆ ถ้าไม่นับวิชากลยุทธ์ วากิยังคงมองซ้ายมองขวาไปมา โดยที่ไม่ได้มองขึ้นมาข้างบน ซึ่งข้าหลบตัวอยู่บนต้นไม้ ข้าใช้ขาเกี่ยวกับต้นไม้ ถอนเข็มพิษที่ข้าซ่อนเอาไว้ในปิ่นปักผม
เล็งอย่างดีแล้วยิงไปยังท้ายทอยของเป้าหมาย วากิมีปฏิกริยาที่เร็วมาก มันหมุนตัวกลับแล้วทำสิ่งที่ไม่ฉลาดคือ มันใช้แขนรับเข็มพิษ!!! พิษที่ข้าใช้ไม่ใช่พิษที่ร้ายแรง เพื่อความปลอดภัยของข้าเองด้วย มันจะออกพิษได้ดีต่อเมื่อยิงเข้าไขกระดูก จะทำให้พิษแพร่ไปทั่วร่างกายถึงแก่ความตายได้
แต่หากโดนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ก็ทำให้ชาไปเหมือนกัน ฉะนั้นครั้งนี้ข้าจึงได้เปรียบกว่ามัน ข้ากระโดดลงจากต้นไม้เดินตรงไปที่มัน
'เจ้าคนเลว!!!' วากิที่เริ่มทรุดตัวลงเพราะพิษตวาด
'เจ้าเป็นใคร?' ข้ามองมันอย่างสมเพช ไม่ได้ตอบคำถามของมันทันที
'เจ้ามีประสงค์อะไรกันแน่
.' มันก้ม เสียงเริ่มทุ้มต่ำ ระคนไปกับเสียงหอบ พิษคงเริ่มทำลายทางเดินหายใจแล้ว
.
'ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้เอาบุญ ข้าคือซาไอ
.' ข้าบอกวากิ ถือว่าทำบุญให้คนใกล้ตาย แต่ข้าไม่รู้เลยว่านั้นคือเรื่องหายนะที่ทำให้แผนข้าเสียหาย
'จ
เจ้า' วากิพยายามชักดาบออกมาจะฟันข้า แต่แรงที่ส่งไปสู่มือเริ่มหมดลงและเขาก็ทรุดตัวลงช้าๆ ในตอนแรกนั้นข้าคิดจะฆ่าเขาเสีย แต่ข้าก็เปลี่ยนใจไม่คิดจะฆ่าเขา เพียงแต่ก้มลง ใช้ดาบกรีดแขนของเขา แล้วใช้ผงยาสูบเป็นแผ่นปิดที่แผลนั้น และปล่อยให้วากิทรุดตัวหอบหายใจอย่างช้าๆ
'เจ้าไม่ตายหรอก' ข้าหยิบดาบของมันไปด้วย
'แต่กว่าจะฟื้นก็คงหลายอาทิตย์'
ข้าจึงหันหลังกลับเพื่อกลับไปยังงานเลี้ยง แต่เมื่อข้าหันหลังกลับกลับข้าก็พบกับ
'จ
เจ้าคือซาไอ' เสียงสั่นเครือของทหารที่ได้รับมอบหมายให้เฝ้าข้าดังมา เขาเกิดรู้สึกตัวว่าข้าหายตัวไป จึงตามมา และรู้สึกว่าเขาจะได้ยินสิ่งที่ข้าพูด
'เจ้าหลอกพวกเราทั้งหมดเลยล่ะสิ
' เขายิ้มให้แก่ข้าด้วยท่ามีของคนประสาทอ่อน ข้าพยักหน้า ข้าเดินเข้าไปใกล้เขา ทำอะไรสักอย่างที่จะให้เขาอยู่ไกลจากแผนของข้าที่สุด เจ้าทหารยกมือกั้นข้าทำทีจะชักดาบออกมาแต่เขาคงนึกได้กระทันหันว่าข้าคือใคร? เขาเสียบดาบเข้าฝักแล้วหันหลังวิ่งหนี ข้าจึงซัดมีดใส่ขาของเขา ทำให้เจ้าหนุ่มล้มลง
'อ๊ากกกกก!!!!! ' เขาร้องเมื่อข้าเดินไปใกล้ ข้าเงื้อดาบขึ้นจะฟันเขา เพื่อให้เขาไม่เป็นตัวขวางงานของข้า ข้ามองตาเขา
เขามองกลับมายังข้า สายตาที่อุปมาดั่งลูกไก่มองเหยี่ยว ข้ามองเขาอีก แล้วก็มีใครบอกข้าว่าข้าเป็นผู้หญิง
ข้ามองเขานึกถึงตอนที่เขาหัวเราะให้ข้า
และแล้วข้าจึงได้ใช้ปลอกดาบตีท้ายทอยเขาอย่างแรง นายทหารสลบเหมือดลงไปอย่างช่วยไม่ได้ ข้ารีบวิ่งจากมาอย่างรวดเร็ว เกรงว่าทางนู้นจะจับการเคลื่อนไหวของข้าได้ทัน แต่ข้าไม่รู้เลยว่าการที่ข้าไม่ฆ่าเจ้าทหารนั้นมันเป็นภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงที่จะตามมาหาข้าในภายหลัง
"
|