|
วันที่ 31 ต.ค. กองทัพกู้ชาติที่นำโดยซาไอและโทงาริรวมกัน ได้เคลื่อนทัพมาถึง แต่การเข้าประชิดเพื่อช่วยเหลือนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะทางโควตะถูกโอบล้อมอย่างหนาแน่นโดยแม่ทัพฟุขุ มีทางเดียวที่จะเอาชนะได้คือต้องร่วมกับกองทัพโควตะด้วยอีกทาง แต่จะมีทางเป็นไปได้เช่นไร? ในเมื่อโควตะตกอยู่ในวงล้อมแน่นหนาเช่นนี้!!! กองทัพกู้ชาติทางฝ่ายซาไอ ปักหลักกองทัพเพื่อหยั่งเชิง โดยทิ้งระยะห่างจากกองทัพที่ถูกโอบล้อมพอสมควร
"นกพิราบก็ใช้ไม่ได้
.ม้าเร็วก็ถูกดักจับหมด เราจะสื่อสารกับโควตะได้ยังไง" ซาไอบ่นพึมพำให้ทั้งนารายะ และมาโซยะฟัง ขณะที่ทั้งสาม แอบเผ่นออกมาดูลาดราวที่ฝายกั้นแม่น้ำมาจิโบริที่ไม่ห่างจากกองทัพนักเพียงสามคน เจ้าม้าดำย่ำเท้าเป็นเชิงเห็นด้วย
"ใช่
ขอรับ" นารายะรับคำ พลางมองออกไป ก็เห็นกองทัพที่ถูกโอบล้อมของโควตะอยู่ในอ้อมทัพของแม่ฟุขุ เหตุที่พวกเขาทั้งสามมาที่นี้เพราะว่าเป็นที่สูง สำหรับฝายกั้นน้ำมาจิโบริ มีประวัติอันสำคัญอย่างยิ่งของอาณาจักรนากิ เพราะเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลลงมาจากหุบเขาคุเรไน แม่น้ำมาจิโบริเป็นหัวใจทางเกษตรกรรม และเป็นศูนย์กลางของการค้าทีเดียวเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อเกิดสงคราม ประชาชนก็อพยพออกจากเขตนี้ขึ้นไปหลบบนเขากันหมดสิ้น ที่นี้จึงไม่ต่างอะไรไปจากที่รกร้างที่มีน้ำไหลเชี่ยวกรากตลอดฤดู
"อือ
." มาโซยะที่พอจะหายจากบาดแผลรับคำ บัดนี้เขาวิ่งไปวิ่งมาได้คล่องพอดูรับคำ
"ทางด้านโควตะคงมีปัญหาเรื่องเสบียงเหมือนกับพวกเราเช่นกัน
" ซาไอวิเคราะห์
"เออ
นี่นารายะ เรื่องเสบียงที่ข้าให้เจ้าจัดการเป็นอย่างไรบ้าง?" ซาไอหันกลับมาถามนารายะ
"เออ
ขออภัยขอรับ ข้ายังไม่ได้ทำเลย
" นารายะเอ่ยหงิมๆ และสะดุ้งเฮือกเมื่อซาไอหันกลับมาทำตาเขียวปั้ดใส่
"ใช้ไม่ได้เลย เจ้า!!!" ซาไอดุ เธอไม่ได้โกรธ แต่การเป็นทหารต้องมีความรับผิดชอบ และถือคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป็นใหญ่
"กลับไปแล้วรีบทำน่ะ เข้าใจไหม!!!"
"
.ขอรับ
"
"ท่านไปว่านารายะก็ไม่ถูก
" มาโซยะออกหน้าแทนนารายะ
"ท่านเป็นคนลากพวกเรามาเองไม่ใช่หรือ? ทำไมไม่เอาท่านเซอิจิมาล่ะ
.เขาออกจะมีประโยชน์มากกว่าพวกเราสองคนเสียอีก
" มาโซยะเอ่ยอย่างไม่คิดมาก แต่ซาไอก็มองมาโซยะด้วยสายตาเขียวปั้ด!!!
"ท่าทางเจ้าจะอยากลงไปเล่นน้ำมากน่ะ..
มา-โซ-ยะ" ซาไอทำเสียงหวาน
"อยากให้ข้าสงเคราะห์ไหมล่ะ หา?
." ว่าแล้วแม่ทัพหญิงก็ทำท่าจะยันนักหาข่าวปากเปราะลงฝาย มาโซยะรีบยกมือกำบัง
"เฮ้ย!!! อย่าน่ะ เฮ้อ
ข้าปากเปราะเองแหละ" มาโซยะร้อง
"เงียบไปเถอะ
เพราะข้าไม่ชอบเพ่งมองอะไรน่ะสิ ถึงได้ลากพวกเจ้ามาด้วย ไม่อย่างนั้นน่ะ ข้ามาของข้าคนเดียวก็ได้
.หยุดเลยมาโซยะ!!! อย่าเถียง
เอ้า
นารายะดูอีกสิว่าเจ้าเห็นอะไรอีก
" ซาไอชี้มาโซยะที่ทำท่าจะเถียงแล้วหันไปพูดกับนารายะ ทั้งสี่(รวมคุโระด้วย) มองดูฝ่ายผู้เพลี่ยงพล้ำ และผู้ทำให้เพลี่ยงพล้ำตลอดเช้าของวันนั้น และลงจากฝายเพื่อประชุมแม่ทัพนายกองในเวลาบ่าย
ในเวลาบ่ายนั้น
ขณะที่แม่ทัพนายกองกำลังประชุมกัน เดเอคิเลี่ยงที่จะเข้าประชุม ออกมาเดินหาเซอิจิแทน กษัตริย์หนุ่มนั้นหายไปตั้งแต่สายของวัน เขาเดินหาเซอิจิไปทั่ว ตั้งแต่ที่คุก คอกม้า หรือแม้กระทั้ง
.ในกระโจมก็ไม่อยู่ เขาสงสัยนักว่าเซอิจิไปไหน?
เดเอคิเดินฝ่าแดดร้อนๆที่แฝงไปด้วยไอเย็นของฤดูหนาว สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจนั่งลงใต้ต้นไทรต้นใหญ่ เพื่ออาศัยกิ่งก้านสาขาของมันกำบังแดดเปรี้ยงๆของวัน เดเอคินั่งลงพลางใช้มือโบกชายเสื้อเพื่อให้คลายร้อน พลางนึกว่า
เซอิจิหายไปไหน?
"อ้าว!!! เดเอคิ
" เสียงทักทายอย่างแปลกใจดังลงมาจากต้นไม้ เดเอคิแหงนหน้าขึ้นไปมอง ก็บนเซอิจิอยู่บนนั้น
"ท่านเซอิจิ!!!" เดเอคิเอ็ด "ทรงไปไหนมาพะยะค่ะ? ข้าพระองค์ตามหาตั้งนาน"
"ก็อยู่บนนี้ตั้งนานแล้ว
" เสียงจากต้นไม้ตอบกลับมา "ข้านี้แหละต้องถามเจ้า
เจ้าทำไมไม่เข้าประชุม?"
คำถามถามมาแต่เดเอคิยักไหล่ "ช่วยไม่ได้พะยะค่ะ?" เขาว่า "ทรงบอกเองนี้ว่า 'เจ้าควรเข้าประชุมแม่ทัพนายกอง เผื่อเขาปรึกษาหารือกันจะมีอะไรเป็นประโยชน์กับเจ้าบ้าง' พระองค์ทรงบอกว่า 'ควร' ไม่ได้บอกว่า 'ต้อง' ฉะนั้นข้าพระองค์เลยไม่เข้าประชุม อีกอย่างข้าพระองค์ฟังคำสั่งพระองค์คนเดียว ไม่มีประโยชน์ที่จะไปประชุมกับคนที่ข้าไม่ค่อยชอบขี้หน้า
" เดเอคิตอบ เซอิจิถอนใจหน่ายๆ
"ถ้าเจ้าหมายถึงท่านโทงาริล่ะก็
เขาแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นเอง" เซอิจิแก้
"ไม่หรอกพะยะค่ะ
ใครก็ตามที่เย็นชากับพระองค์ ข้าพระองค์ก็ไม่ชอบหน้ามันทั้งนั้นแหละ
แม้แต่แม่สาวคนนั้นก็ตาม
" เซอิจิแค่นยิ้มแห้งๆ เหมือนกับคิดว่าเดเอคิคงพูดเล่น
"ข้าพระองค์ไม่รู้ทำไมพวกเขาถึงได้ไม่ชอบพระองค์ แต่ที่แน่ๆ มีจิเคตะกับข้าพระองค์ที่เข้าใจว่าพระองค์กำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง
"
. . . . . . .
เหตุการณ์ในการประชุมแม่ทัพนายกอง ทุกคนที่อยู่ภายในที่ประชุมต่างช่วยกันขบคิดดอย่างหนัก ปาถักถา ถูกเปิดขึ้นเมื่อไม่นาน ต่างคนต่างออกความเห็นว่าควรทำอย่างไร จนที่ประชุมกลายเป็นสมรภูมิสงครามน้ำลายไปเสียแล้ว ซาไอไม่ได้สนใจเสียงออกความเห็นแต่อย่างไร เธอพยักหน้ากับเสียงออกความเห็น และยิ้ม หรือพูดว่า 'เป็นความคิดที่ดี
ข้าจะรับไว้พิจารณา' แต่เธอก็ไม่ได้ฟังความเห็นเหล่านั้น
มีคนเสนอให้ใช้พลุเป็นเครื่องสื่อสาร
แต่จะใช้ได้หรือ? ในเมื่อไม่ได้ตกลงกันเอาไว้ก่อน อีกอย่างพลุนั้น ศัตรูสามารถเป็นผู้จุดก็ได้ ที่แน่ๆ
มีความเป็นไปได้ต่ำ ซาไอได้แต่มองแสงเทียนที่โบกปลิวตามกระแสลม และควันที่เกิดจากการเผาของไฟ
ซาไอก้มลงต่ำอย่างเหม่อลอย ควัน!!! ใช่ๆ ตอนเด็กๆ เธอชอบเล่นจุดไฟต่อมา เธอก็ชวนโควตะมาเล่นด้วยกัน เธอจุดไฟแล้วทำควันสีดำให้เป็นรูปต่างๆเมื่อมันลอยขึ้นไปบนฟ้า
. เป็นเรื่องอย่างเดียวในตอนนั้นที่เธอเอาชนะโควตะอย่างขาดรอย
โควตะไม่เคยเล่นเกมส์นี้ชนะเธอซักที
"ควัน
" ซาไอพึมพำ ทำเอาทั้งที่ประชุมเงียบกริบ
"อะไรน่ะ?
" บางเสียงของนายกองดังขึ้น บางคนหันหน้าเข้าถามกัน ซาไอตั้งตัวตรงแล้วบัญชาอีกครั้ง
"เราจะใช้ควันในการสื่อสารกับโควตะ
" ซาไอพูด
"แต่ว่า
ท่านโควตะจะรู้หรือขอรับ?" บางเสียงถาม
"เขารู้แน่ๆ" ซาไอพูดอย่างมั่นใจ "เขาไม่มีวันลืมสิ่งที่เล่นแพ้ข้าตลอดหรอก!!!"
. . . . . . .
คำบัญชาของแม่ทัพซาไอ คือให้นำเชื้อเพลิงต่างๆ ไปสุ่มไว้ที่บริเวณฝายกั้นน้ำ ทั้งฟาง ไม้ ถูกนำไปเป็นเชื้อเพลิง ในเวลาไม่นานบริเวณนั้น ก็ไม่ต่างไปจากแท่นจุดไฟขนาดใหญ่ ซาไอเกณฑ์ทหารหลายคนที่มีกำลังแขนสูงมา ขณะที่เธอกำลังตกลงกับทหารทั้งหลายนั้น นารายะก็วิ่งเข้ามา
"ท่านซาไอ
."
"เป็นไง? หาได้ไหม?"
"ได้ขอรับ
ผ้าขนาดใหญ่ เอาเข้ามาเลยน่ะขอรับ
" ซาไอพยักหน้า นารายะก็ส่งสัญญาณให้ทหารหลายคนช่วยกันแบกห่อผ้าเข้ามา
"ดีมาก!!!
ทีนี้พวกเจ้าดูวิธีทำควันไฟให้เป็นรูปน่ะ" ซาไอใช้ผ้าผืนเล็กๆ และทำท่าให้เหล่าทหารอาสาดู จากนั้นก็ลองให้ใช้ผ้าผืนใหญ่ ซาไอแบ่งงานให้ทุกคนได้ทำ ซาไอให้คนฝึกทำไฟเป็นรูปนานมากจนกระทั้งมืดค่ำ ทำให้การฝึกนั้นต้องยุติไปชั่วคราว และเริ่มฝึกกันใหม่ในรุ่งเช้า
เช้าวันที่ 1 ก.ย. ทุกคนมารวมตัวกันใหม่ เชิงเทินไฟก็ถูกสร้างต่อจากเมื่อวานให้มีฐานยืนอีก การทำควันไฟให้เป็นรูปนั้นลำบากมาก เป็นการยากยิ่งนักหากจะทำควันไฟให้เป็นรูปร่างต่างๆ ต่างจากคนอื่น เหล่าทหารอาสาต่างก็เนื้อตัวเปื้อนดินเพราะต้องอยู่ฝึกทั้งวัน ฝ่ายที่สร้างเชิงเทินก็ให้ความสนใจกับการฝึกของเหล่าทหารเป็นอันมาก ซาไอเริ่มหงุดหงิดแต่ก็สงบอารมณ์เอาไว้ เหล่าทหารก็เริ่มท้อใจ
"ใจเย็นๆ" ซาไอให้กำลังใจ
"ค่อยๆทำ" เธอว่า เหล่าทหารนั้นไม่อยากที่จะลุกขึ้นมาเลย แต่ก็เพราะเป็นคำสั่งแม่ทัพ พวกเขาจึงจำต้องลุกขึ้นมาฝึกต่อไป แม้แต่แขนก็ไม่เรี่ยวแรงจะยกต่อ ซาไอเดินไปทรุดลงบนก้อนหินใหญ่ไม่ไกลนัก เธอใช้มือสองข้างกุมขมับ แล้วก็มองไปตามไหล่เนิน
"มีอะไร?" ซาไอกล่าวเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา เมื่อเธอหันไป ก็พบร่างเดเอคิยืนอยู่
"
.." เดเอคิเพียงแต่งัดสายตามอง แล้วเขาก็หันหลังเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรเลย
"
ข้าเคยวิ่งหนีเจ้าหัวซุกหัวซุนแต่ตอนนี้เจ้ากลับเป็นฝ่ายหนีข้าเสียเอง
"
"
.." เดเอคิชายดวงตาคู่ใหญ่และดุดันมามองซาไอ "ข้าไม่ได้หนีเจ้า
" เขาว่า ภายในใจก็คิดเพียงแต่ว่า
.เด็กโง่เอ๊ย!!! คนที่ทำให้เจ้าหนีหัวซุกหัวซุนคือโทะโดะต่างหาก ไม่ใช่ข้า!!!
"ท่านเซอิจิแค่ให้ข้ามาดูเจ้าเท่านั้น
.หุบปากไปซะ!!! นี้ถ้าท่านเซอิจิไม่สั่งข้าไว้ว่าอย่างทำร้ายใคร
ปากร้ายๆของเนี่ยล่ะ!!! จะถูกข้าเลอะเป็นอย่างแรกเลยรู้ไว้เสียด้วย
นางจิ้งจอกน้อย เฮอะ!!! ฉายาของที่จิเคตะตั้งให้เจ้าสิน่ะ
" เดเอคิกล่าว
"ไม่น้อย!!!" ซาไอพูด "ข้าเป็นจิ้งจอกแต่ไม่น้อย ข้าโตแล้วรู้ไว้เสียด้วย" ซาไอตวาด เดเอคิยิ้มอย่างหยามๆ
"งั้นหรือแม่หนูน้อย? รู้อะไรไว้หน่อยน่ะว่า คนที่โตแล้วเขาไม่พูดแบบนี้" ว่าแล้วเดเอคิก็หัวเราะเยาะ ซาไอขบฟัน มองดูเดเอคิเดินลับหายไป
เดเอคิเดินเข้ามาหลังฝายกั้นน้ำ เพื่อหาที่สงบพัก แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงอันผิดปกติ ชายร่างยักษ์ลุกขึ้นยืนแล้วคว้าดาบออกจากฝักในทันที
"ใคร?" *เงียบ!!! *
"ใคร? ออกมาน่ะ!!!" *เงียบ!!! *
"ถ้าไม่ออกมาข้าเข้าไปหาเอง
ตายซะ!!!" ว่าแล้วเดเอคิก็กระโจนเข้าไปหาต้นตอของเสียง ฟาดดาบที่หนักกว่าปกติ 2 เท่าลงบนเปลือกต้นไม้ จนต้นไม้ใหญ่นั้นแตกยับ และโค่นไปคามือเดเอคิ ศัตรูที่ไม่เห็นตัวของเขายังไม่ปรากฏตัวอยู่ดี
"ตายยากนักน่ะ!!!" เดเอคิฟาดคมดาบอีกครั้งลงไปที่พุ่มไม้ แรงดาบผ่าพุ่มไม้แหวกเป็นทาง ทำให้เห็นตัวคนที่อยู่ภายใน ส่งผลให้เดเอคิหยุดดาบทันที!!!
"ฆ่าข้าได้หรือ? ท่านเดเอคิ"
"โทะโดะ!!!" เดเอคิร้องอย่างยินดี พลางจับไหล่ของคนตรงหน้า
"โอ้
เจ้าไม่เป็นอะไร
ข้าคิดแล้ว เจ้าต้องเอาตัวรอดได้ โทะโดะ!!! เจ้าไม่เป็นอะไร
รู้ไหม? ข้าห่วงมาก" เดเอคิกล่าวกับคนตรงหน้าอย่างรัวๆและเร็ว โทะโดะที่เดเอคิพูดถึงใส่ชุดล่าสัตว์ ท่าทางลึกลับ เป็นคนผิวขาวซีด ใบหน้าและตาเรียวยาว สายตาเป็นคนไร้อารมณ์ ริมฝีปากบางเฉียบ ผมสีน้ำตาลอมแดง ผูกหางม้ายาวถึงเอว รูปร่างเล็กและผอมบาง ผิดกับธนูอันโตที่แบกไว้
"ใช่
ขอบคุณที่เป็นห่วง นายท่าน
"
"อือ
ไม่เป็นไร เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้วรู้ไหม? หึ
."
"ข้าขอบคุณ
.และขอโทษท่านด้วย
."
"!!!!?!!!" ฉับพลันโทะโดะที่ยืนสงบนิ่งเมื่อสักครู่ ก็คว้าธนูขึ้นมาและเล็งจ่อหน้าผากของเดเอคิ
"โทะโดะ
.ทำไม?"
"ท่านทรยศราชินี
โทษคือตาย!!!" โทะโดะยกธนู และเล็งเข้าใกล้เดเอคิ ชายหนุ่มยกมือสองข้างขึ้นเหนือไหล่
"ราชินีสั่งรึ?
หรือว่าเจ้า?" เดเอคิถาม โทะโดะได้แต่ส่ายหน้า
"ไม่ว่าเป็นคำสั่งของราชินีหรือความต้องการของข้า
." โทะโดะกล่าว
แต่แล้วน้ำตาก็ไหลคลอออกจากดวงตามือธนู ที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้แม่ทัพอัจฉริยะอย่างซาไอหนีหัวซุกหัวซุน
"ข
ข้าก็ฆ่าท่านไม่ได้
ไม่ว่ายังไงข้าฆ่าท่านไม่ลง" โทะโดะทิ้งธนู พร้อมๆกับที่เดเอคิเข้าโอบกอดร่างบาง
"ไม่เป็นไร
ข้าไม่โกรธเจ้า
โอ๋
หยุดร้องน่ะ" เดเอคิจูบซอกคอมือธนู "ไม่เป็นไรแล้วที่รักของข้า
"
"ท่านเดเอคิ
ฮือๆ
" มือธนูสาวโอบกอดรอบศรีษะเดเอคิ เดเอคิจูบปลอบขวัญลงบนริมฝีปากบางอีกครั้ง
"เข้าไปในป่ากันเถอะ
." ว่าแล้วเดเอคิก็อุ้มมือธนูสาวหายไปในป่า
"เฮ้!!!" เสียงโห่ร้องอย่างยินดีของนายทหารทั้งที่เฝ้าดูและผู้ฝึกดังกระหึ่มไปทั่วฝายกั้นน้ำเพราะควันรูปสามเหลี่ยมบิดๆเบี้ยวๆลอยขึ้นท้องฟ้าเป็นครั้งแรก ทำให้เหล่าทหารที่มีหน้าที่บังคับรูปควันมีกำลังใจมากขึ้นเยอะ!!! ซาไอยิ้มอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไปเมื่อเหล่าทหารฝึกกำลังเห่อวิชาใหม่และกำลังลองวิชาใหม่กันใหญ่ ทหารที่สร้างเชิงเทินได้จัดการงานของตัวเองให้เรียบร้อยอย่างเร่งด่วน แล้วมานั่งล้อมวงดูควันรูปสามเหลี่ยมบ้าง วงกลมบ้าง สี่เหลี่ยมบ้าง ที่แต่ละอันจะดูสวยขึ้นเรื่อยๆ เพราะความชำนาญที่มากขึ้น แล้วควันที่สวยสมบูรณ์ก็ขึ้นมาในเวลาต่อมาไม่นาน
สุดท้ายควันประหลาดชุดสุดท้ายก็ถูกส่งขึ้นบนฟ้า พร้อมกับแสงอาทิตย์ที่ลับหายไปในขอบฟ้า ทำให้เหล่าทหารต้องแยกย้ายกันออกไป และมีหมายกำหนดว่าในวันพรุ่งนี้จะมาใช้จริง!!!
ระหว่างเดินกลับ ซาไอที่มีกำหนดต้องประชุมด่วนกับแม่ทัพนายกองก็ได้พบเซอิจิที่เดินสวนทางมา
"สวัสดี" เซอิจิทักทาย
"อ้อ
สวัสดีเพค่ะ!!!" ซาไอทักทายอย่างไว้ท่าที
"จะไปไหนหรือพะยะค่ะ? ท่านเซอิจิ" มาโซยะขัดตาทัพไว้ก่อนที่จะเกิดการตีกัน
"ตามเดเอคิ
บอกให้มาดูซาไอแล้วก็หายจ้อยไปเลย
"
"หมอนั้นน่ะเหรอ?" ซาไอขบฟัน "มาเยาะเย้ยข้าแล้วก็หายไปเลย!!! หน๋อย!!! หาว่าข้าเป็นเด็ก หมอนั้นก็เหลวไหลเหมือนกันแหละน่า!!!" ซาไอว่า เซอิจิลอบหัวเราะ
"ก็เหมือนจริงๆอย่างที่เขาพูดนั้นแหละ"
"ท่านก็ว่าข้าเหรอ?" ซาไอค้อน
"เปล่าๆ" เซอิจิเอ่ยอย่างเอ็นดู "ว่าแต่สงสัยจริงๆว่าเดเอคิหายไปไหน?"
อากาศมืดครึ้มลง ความมืดลงมาแทนที่ ในป่าที่เต็มต้นไม้นั้นยังมี 2 ร่างอยู่เงียบๆ ทั้งจิตใจและร่างกายทั้งสองสมานกันเป็นหนึ่งเดียวกัน
"เจ้าคงอดนอนนานใช่ไหม?
.โทะโดะ
ตามข้าสิน่ะ
ขอโทษน่ะที่ข้าทรยศราชินี แต่ข้าเชื่อท่านเซอิจิ เขาคือกษัตริย์ซูคังที่ถูกต้อง" เดเอคิใช้ปลายนิ้วลูบขอบตาของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอด
"ข้าไม่ได้เป็นข้าราชินีแต่เป็นของท่าน
ไม่ว่าท่านว่าอย่างไร ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละ" หญิงสาวกล่าว
"ระหว่างที่เราแยกกันเจ้าอยู่ในป่าตลอดเลยหรือ?"
"ไม่ใช่
ตอนนั้นข้าไม่คิดว่าท่านจะยอมแพ้ ข้าเลยไปหาอิจิว
"
"แล้วเขาว่ายังไง?" เดเอคิลุกขึ้น
"
.." โทะโดะเงียบ
"ไม่พูดอะไรหรือ
ไม่เป็นอะไรหรอก" "แต่ข้าต้องกลับแล้วล่ะ เดี๋ยวท่านเซอิจิจะสงสัยว่าข้าหายไปไหน? อ้อ
ข้าจะพาเจ้าไปแนะนำให้ท่านเซอิจิรู้จักด้วยดีไหม? เขาเป็นคนดีน่ะ
" โทะโดะใช้มือนาบปากของเดเอคิ
"ไม่ต้องหรอก ท่านรู้คนเดียวก็พอ
"
"งั้นหรือ?" เดเอคิสวมเกราะชิ้นสุดท้าย "ข้าไปล่ะน่ะ เออ
เจ้าตามข้ามาดีกว่า เจ้านอนในป่าไม่ดีแน่
ไปนอนกับข้าดีกว่า" โทะโดะส่ายหน้า
"ไม่ดีกว่าข้าชอบนอนในป่า"
"ตามใจเจ้า
" เดเอคิเดินออกไป "รักษาตัวน่ะ" โทะโดะพยักหน้า แต่เมื่อเดเอคิเดินคล้อยหลังไปครู่เดียว
โทะโดะก็ชักมีดขึ้นจะแทงตัวเอง!!! ด้วยลางสังหรณ์เดเอคิเหลียวหลังหันกลับไปเจอกับมีดยาวที่หญิงสาวชักออกมา
"โทะโดะ!!!" เดเอคิปราดเข้าไปขวางมีด จับมีดด้วยมือ มีดฝังคมลงไปในมือเดเอคิ
"เจ้าจะทำอะไร?"
"ปล่อยข้าน่ะ ข้าไม่อยากอยู่แล้ว!!!"
"เกิดอะไรขึ้น?"
"ท่านดูสิ!!!" โทะโดะชี้ให้เดเอคิมองในความมืด รอยรักที่ไม่ใช่ฝีมือของเดเอคิปรากฎอยู่เต็มไปหมด
"ฝ
ฝีมือใคร?" เดเอคิถาม โทะโดะไม่ตอบ "ให้ข้าตายเถอะ
" เธอร้องไห้
"ฝีมืออิจิวใช่ไหม?" เดเอคิกระซิบใช่มือลูบไปตามรอยนั้น ราวกับจะลบมันทิ้ง "ฝีมือมันใช่ไหม?" โทะโดะพยักหน้าอย่างขมขื่น
"ตอนข้าไปบอกเรื่องของท่าน
มันก็ทำ
ม..มันข่มขืนข้า
" เดเอคิรวบโทะโดะไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวสะอื้นปานจะขาดใจ "ไม่เป็นไร
ที่รักของข้า ไม่เป็นไร
" เขาเอ่ยอย่างเจ็บปวด
"ข้าไม่ใช่ของท่านคนเดียวอีกแล้ว
" เธอคร่ำครวญ "ไม่ใช่อีกแล้ว!!!"
"เจ้าต้องอยู่
เพราะข้ารักเจ้า
" เดเอคิลดหญิงสาวลงกับพื้น "ให้ข้าลบมันไปเอง อย่าไปคิดถึงมันอีก ต่อจากนี้เจ้ามีแต่ข้าคนเดียวเท่านั้น!!!" เดเอคิพรมจูบไปตามรอยรัก ราวกับจะล้างมันออกไปให้หายออกไปจากใจของโทะโดะ
"ท่านกลับไปเถอะ
ข้าอยู่คนเดียวได้" โทะโดะคราง "เดี๋ยวนายท่านจะห่วง
"
"ไม่ต้องหรอก
" เดเอคิปฏิเสธ "ข้าจะอยู่กับเจ้าทั้งคืน
." แล้วชายหนุ่มก็ถอดเกราะที่เพิ่งใส่มาหยกๆ
"ข้าจะฆ่ามัน!!! ข้าสาบานโทะโดะ
ข้าจะฆ่าอิจิว ไอ้โจรชั่วที่มันรังแกเจ้าเอง
" คำสาบานลั่นจากปากเดเอคิ ภายใต้แสงจันทร์นวลผ่อง
แต่กลับเต็มไปด้วยความแค้น
มากมาย
เหลือเกิน
|